.....................................................๐ยามลมหนาวพัดมาปะทะแก้ม
เสียงสรวลเฮฮาโอษฐ์เอื้อนแย้ม ............รอยยิ้มแต้มประดับบนวงพักตร์
ดังรอยอินทร์จำแลงกายทายทัก.............จารสลักมนตราพาสู่ฝัน
เสียงลมพัดซัดซู่สนลู่ลม.......................น้ำค้างพรมเดือนดาวเริ่มเหหัน
แสงเลือนลางอุษาสางลางวัน.................พลิกกายพลันตื่นจากฝันทันควร
รอยยิ้มแย้มแต้มพักตร์ประจักษ์แจ่ม.........ผ่าวผิวแก้มเพียงแค่สายลมหวน
ในความฝันลางคืนนั้นรัญจวน.................กรุ่นกายอวลอกสาวร้าวรานรอน
รูปองค์อินทร์ที่จินต์ถวิลหา....................พอตื่นมาจึงรู้แค่ฝันหลอน
สุรเสียงสั่นใจให้สั่นคลอน.....................ยังยอกย้อนหลอนใจให้รำพึง
เสียงธาราเคล้าคลอล้อเสียงลม...............พิศเพลินชมแสงจันทร์อันหวานซึ้ง
อินทนนท์ดลใจให้ตราตรึง......................ครุ่นคำนึงถึงฝันอันวิไล
๐มหาเจดีย์นภเมทนีดล..........................ร้างผู้คนไม่ว่ามองทางไหน
สุดลูกหูสุดลูกตาแสนไกล.......................มองออกไปเห็นเพียงเมฆระย้า
ดอกฝิ่นชูช่อแดงแข่งแสงแดด..................ดังเลือดแปดเปื้อนทั่วมวลบุปผา
กลีบบอบบางเด่นดวงกลางผืนป่า...............มีราคายามเจ้าถูกกรีดยาง
เช่นนารีมีพิษแอบซ่อนไว้........................จะมีใครไหนเลยรู้ทันบ้าง
เธอซ่อนคมเก็บงำภายใต้ร่าง....................และสรรสร้างเล่ห์ลวงดวงฤทัย
หากหนึ่งน้องนุชนี้คือผกา.........................ระเริงร่าเล่นลมโอนเอนไหว
ตัวน้องนี้คงเป็นเช่นเอื้องไพร.....................แสนจริงใจพิษภัยไม่มีเลย
เพ้อรำพันด้วยห่วงและหลงไหล..................กลัวว่าใครเขาจักมาเยาะเย้ย
แอบสวมเขาให้พี่หน้าตาเฉย......................ไฉนเลยคนซื่อจะรู้ทัน
แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 50 23:17:30
จากคุณ :
sugarhut
- [
24 ก.พ. 50 23:13:20
]