ความคิดเห็นที่ 1
หน้าที่สิบเอ็ด : บริวารแห่งดาวเสาร์
ท่ามกลางธารน้ำแข็งกว้างใหญ่ที่ทอดยาวหายเข้าไปในความมืดมิดสุดขอบตา..
ฟุบ! ฟุบ!
..เหล่าผู้เข้าสอบภายในลูกแก้วอากาศสีฟ้าใสพุ่งทะยานไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว จนห่ากระสุนดาวตกที่เป็นอุปสรรคดูเหมือนจะลอยค้างหยุดนิ่งอยู่กับที่ ทว่าแม้จะวิ่งด้วยความเร็วระดับนั้น ดาวเคราะห์ยักษ์สีน้ำตาลเหลืองก็ยังคงตีเกลียวหมุนวนได้ราวกับมีชีวิต
เฮ้..ไนส์ ดูนี่สิ! ดูนี่! หลังจากออกวิ่งโดยไม่ได้พูดจากันสักพัก ชายร่างใหญ่นามกาแรนก็ออกปากทำลายความความเงียบสงบ เหมือนซุปเปอร์ -ตื๊ด- แมนรึเปล่าล่ะ?
ท่ามกลางแสงระยิบของดวงดาวนับล้าน ที่ยังคงส่องประกายเจิดจ้าจากอีกฝากฝั่งที่แสนไกล
นี่กาแรน ถ้าหากนายไม่อยากพาดพิงถึงชื่อตัวละครจริงๆ นายจะพูดชื่อเต็มแล้วเติมเซ็นเซอร์ทำไมฟะ?... ไนส์กลั้นเสียงถอนใจ ก่อนจะหันคอไปหาคู่สนทนา ..อะ!..อา....
ภาพของสาวน้อยร่างบางนามราน่า ที่ถูกผูกแขนติดร่างเข้ากับต้นคอของผู้เป็นพี่ชาย พลิ้วไสวไปตามแรงลมราวกับเป็นผืนผ้าคลุมขนาดใหญ่ ผืนผ้าคลุมที่มีของเหลวสีแดงฉานไหลทะลักออกมาจากริมฝีปากเรียวบางตลอดเวลา
อ๊ะๆ ยังไม่หมดแค่นี้นะ กาแรนฉีกยิ้มพลางสะบัดหัวซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ร่างบางที่ต้นคอเบี่ยงตัวไปตามแรงสะบัด เป็นไง..มีตัว S สีแดงด้วย เห็นไหมล่ะ? สายเส้นของเหลวสีแดงฉานจึงตวัดตัวโค้งงอเป็นรูปอักษร
ราวกับถูกมนต์สะกดให้ลืมเลือนทุกสิ่ง ชายหนุ่มจับจ้องภาพสองพี่น้องไม่ละตา..ด้วยสีหน้าเอือมระอาเกินบรรยาย...
ผลัก!!!
ลืมแม้กระทั่งสิ่งกีดขวางตรงหน้า เป็นผลให้ศีรษะของชายหนุ่มพุ่งเข้าชนหินดาวตกเสียงสนั่น
เฮ้ๆ...นี่เจ้าหลงเสน่ห์น้องสาวข้าจนลืมหลบหินดาวตกเลยงั้นรึ?
มันจะเป็นอย่างนั้นได้ไงฟร่ะ-ะ-ะ!!! เสียงโกรธแผดลั่น นี่นายเอาเซลล์สมองที่ปลายเท้ามาประมวลผลรึไง? หา?!? ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเอียงคอลงซับเลือดกับแขนเสื้อ
เห็นไหมคะนี่ซัง! หลังจากแปลงตัวเป็นผ้าคลุมอยู่นาน ราน่าก็ออกอาการต่อว่าพี่ชายทันที เมื่อได้รับคำวิจารณ์จากชายหนุ่ม หนูก็บอกแล้วไงคะว่า ถ้าหากไม่เอากางเกงในมาสวมด้านนอกล่ะก็ ไม่มีใครเขาคิดว่าเหมือนหรอกค่ะ!
...อะ..เอ่อ ราน่าครับ..เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับว่าแต่งตัวได้เหมือนหรือแต่งตัวได้ไม่เหมือนหรอกครับ...คำพูดประโยคนี้คือสิ่งที่ผมอยากจะตะโกนออกไปใจแทบขาด..ถ้าไม่ติดที่ผมเหนื่อยใจจนไม่มีแรงส่งเสียงล่ะก็นะ...
จริงด้วย! กาแรนอุทานขึ้นมาราวกับมันเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันถึงชีวิต โทษทีนะไนส์! ข้าจะรีบเปลี่ยนเอากางเกงในมาไว้ด้านนอกเดี๋ยวนี้แหละ!
...ก็ใครมันจะไปคิดล่ะครับ ว่าสองพี่น้องคู่นี้จะบ้าบอได้จนเกินคำว่าสามัญสำนึกแบบนี้...ดะ! เดี๋ยวก่อนสิ! นี่ราน่าไม่ได้โดนบังคับงั้นรึ?!?...
ช..ช่างมันเถอะ.. ชายหนุ่มรีบหันหน้ากลับไปกล่าวท้วง พร้อมกับทำท่าจะตวัดมือขึ้นมากุมขมับ แค่นี้ก็เหมือนมากพอแล้วล่ะ
...ใช่แล้วครับ เหมือนมากเลยล่ะ..เหมือนคนบ้ามากเลยล่ะครับ...
เอ้านี่ ร้อนถึงร่างบางในอ้อมแขน ที่ต้องยกมือขึ้นมาจับขมับให้แทน
ขอบใจนะกระถิน ไนส์ยิ้มรับ ก่อนจะถอดถอนลมหายใจออกมายาวเสียจนราวกับถึงวันโลกาวินาศ เฮ้อ~อ~อ
คิก ด้วยความยินดี กระถินตอบ ขณะเลื่อนมือไปปาดคราบเลือดเหนือคิ้วซ้ายให้ชายหนุ่มเบาๆ แต่ฉันไม่ได้ยื่นมือไปให้นายใช้เก็กท่าหรอกนะ แค่จะปาดเลือดให้เท่านั้นแหละ
อะฮ้า! ดูสิราน่า กาแรนกล่าว ไนส์กับกระถินเล่นปาหี่ให้พวกเราดูล่ะ ก่อนจะตวัดหลังมือเปลี่ยนหินดาวตกตรงหน้าให้กลายเป็นเศษฝุ่นอวกาศ
โครม!
จริงด้วยค่า
...เฮ้ๆ ถ้านี่เรียกว่าปาหี่แล้วล่ะก็ เมื่อกี้ที่พวกคุณท่านทำมันเรียกว่าอะไรฟร่ะ-ะ-ะ-ะ!!!..เป็นอีกครั้งครับ ที่ผมอยากจะตะโกนออกไปใจแทบขาด...
..นี่กาแรน.. เสียงทุ้มเปลี่ยนประเด็นดังขึ้นจากชายหนุ่มที่แสดงสีหน้าราวกับเสียไม่ได้อยู่ ..ตอนที่อยู่ในด่านโบราณสถานน่ะ..
...แต่ก็เอาเถอะครับ ตอนนี้ผมถือคติหมากัดอย่ากัดตอบ หรือคนบ้าทักอย่าทักกลับอยู่..เฮ้อ ทั้งๆที่เป็นคนพึ่งพาได้แท้ๆ แต่ทำไมถึงสติแตกได้ขนาดนี้น้า จริงสิ..ถ้าจะว่าไปแล้ว...
นายรู้ได้ยังไงเหรอว่ามีทางลับอยู่? ก่อนจะเว้นช่วงให้เจ้าของเสียงก้มหน้าลงมองร่างในอ้อมแขน พร้อมกับถอนใจ
...คนที่ผมอุ้มอยู่นี่ก็ไม่ได้แตกต่างกันเลยนี่นา เผลอๆอาจเข้าขั้นกว่าก็ได้...อยากรู้จริงๆเลยล่ะครับ ว่าจอมเวทมนต์นี่สติไม่สมประกอบแบบนี้ทุกคนเลยรึเปล่า?...
อ้อ สำหรับเรื่องนั้น ข้าใช้วิธีพิเศษตรวจหาน่ะ กาแรนยืดอกตอบอย่างภูมิใจ คืออย่างนี้นะ..
โป๊ก!
โอ๊ย! ฟาดหัวพี่ทำไมล่ะราน่า?
นี่ซังก็ลองถามตัวเองดูสิคะ! สาวน้อยเจ้าของกำปั้นพองหน้าใส่พี่ชาย ก็รู้อยู่แล้วนี่คะว่าหนูโกรธอยู่!
ว..หวาย.. แม้จะไม่ได้ถูกฟาด แต่กระถินก็หลับตาปี๋ราวกับบาดเจ็บแทน
...ในตอนนั้นผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันครับ ว่าทำไมกระถินถึงดูเป็นเดือดเป็นร้อนแทนกาแรนขนาดนั้น...
อ้าว..นี่ยังโมโหพี่อยู่อีกหรอ?
ก็แน่สิคะ ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่ามีทางลับอยู่ แต่นี่ซังก็ยังทำแบบนั้นอีก จะไม่ให้หนูโกรธได้ยังไงคะ?
เอ๋? ไนส์เอี้ยวตัวหลบหินดาวตกก่อนหันมากล่าวทวนคำถาม นายรู้อยู่แล้วงั้นหรอว่าต้องมีทางลับน่ะ?
อื่อ..ก็อัสเต็กน่ะเป็นชนเผ่าโบราณของทวีปอเมริกาใต้ พวกเขาเชื่อกันว่าดวงอาทิตย์คือเทพเจ้าสูงสุดของพวกเขา และเทพเจ้าสูงสุดก็ต้องการเลือดกับหัวใจสดๆของมนุษย์เป็นเครื่องเซ่นสังเวยทุกวัน...เฮ้ย! กาแรนตะโกนขณะหลบสันมือจากสาวน้อยผู้น้อง คราวนี้มีอะไรอีกล่ะราน่า?
นี่-ซัง! ราน่ากล่าวลากเสียง
ก็ได้ๆ งั้นข้ามส่วนนี้ไปเลยแล้วกัน
เข้าใจก็ดีแล้วค่ะ!
คืออย่างนี้นะไนส์...ดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงมายังโลกตามความเชื่อของพวกเขาคือดวงอาทิตย์ดวงที่ห้าแล้วล่ะ ซึ่งทั้งสี่ดวงก่อนหน้านี้ถูกทำลายไปโดย ดินถล่ม น้ำท่วม ลมพายุ และเปลวเพลิง เมื่อเสร็จธุระกับสาวน้อยราน่าแล้ว กาแรนก็หันกลับมาเล่าเรื่องของตนต่อ แต่ก็นะ ข้าคิดว่าพวกเขาคงพบสุริยะคราสมาสี่ครั้งมากกว่า ทำให้พวกหมอผีประจำเผ่าแต่งเรื่องนี้ขึ้นมา
อืม ไนส์ตอบรับขณะดีดตัวข้ามหินดาวตกก้อนเขื่อง
จากเรื่องที่ข้าเล่ามา พวกอัสเต็กน่ะจะสร้างประตูห้องโถงใหญ่ให้มีจำนวนเท่ากับเทพเจ้าของพวกเขาเสมอ เพื่อเป็นการสักการะหรืออะไรเทือกนั้นแหละ ชายร่างใหญ่กล่าวอธิบาย ทว่าห้องโถงใหญ่ในด่านทดสอบกลับมีประตูแค่สองบานเองใช่ไหมล่ะ ข้าก็เลยรู้ทันทีว่ามันต้องมีทางลับซ่อนอยู่
มิน่าล่ะ..ฉันก็คิดไว้แล้วเชียวว่าห้องโถงนั่นมันต้องมีประตูมากกว่าสามบาน จริงด้วยสิ แล้วนายเจอประตูที่เหลืออีกสองบานรึเปล่ากาแรน?
ไม่เจอหรอก ข้าคิดว่าห้องโถงที่มีประตูห้าบานคงอยู่ในด่านทดสอบสองย่อยสองซะมากกว่า...เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านเวทมนต์สายมิติ ข้าคิดว่าด่านทดสอบด่านเดียวกันมันน่าจะใช้สถานที่ทดสอบเดียวกันด้วย ดังนั้นความแตกต่างคงอยู่ที่รายละเอียดปลีกย่อยซะมากกว่า กาแรนตอบกลับไปแทบจะในทันทีที่สิ้นเสียงถามจากชายหนุ่ม ก็เลยทำให้มีด่านย่อยเหมือนกับเกมที่แบ่งระดับความยากง่าย โดยการเพิ่มหรือลดจำนวนศัตรูนั่นแหละ แต่ข้าก็ไม่ค่อยแน่ใจนักหรอกนะ ราวกับว่าได้คิดคำตอบไว้ล่วงหน้าแล้ว อ้อเกือบลืม ด่านลับที่พวกเราอยู่คงจะเป็นด่านเอกเทศ ไม่เกี่ยวข้องกับด่านปกติหรอก ดูได้จากที่ด่านลับด่านเดียวกลับเล่นรวบซะสี่การทดสอบแบบนี้
อืม อย่างนี้เอง ไนส์กล่าวก่อนก้มตัวลอดผ่านช่องว่างระหว่างหินดาวตกและธารน้ำแข็งที่กว้างใหญ่ นี่กาแรน เท่าที่เห็น หินดาวตกที่ฉันลอดผ่านมานั่นน่าจะเป็นก้อนสุดท้ายแล้วนะ
ก็แน่สิ พวกเราวิ่งมาจะยี่สิบนาทีแล้วนี่นา ชายร่างใหญ่ตอบ ถ้าจะให้บอกเป็นระยะทางก็ได้สักสามสิบเปอร์เซ็นแล้วมั้ง ความจริงมันก็ควรจะเปลี่ยนเป็นด่านทดสอบต่อไปได้ตั้งนานแล้วล่ะ
งั้นหรอ? ชายหนุ่มนิ่วหน้าลำบากใจ ก่อนจะเอี้ยวคอเป็นสัญญาณให้คู่สนทนามองตามสายตาของตน ถ้าอย่างนั้น..ไอ้ก้อนอุกกาบาตยักษ์ที่กำลังพุ่งมาหาพวกเรานั่น ก็คงเป็นการทดสอบในด่านต่อไปสินะ
ท่ามกลางความมืดมิดที่กว้างใหญ่ไพศาล ก้อนอุกกาบาตยักษ์สีส้มแดงพุ่งรี่ตรงเข้าหาเหล่าผู้เข้าสอบอย่างรวดเร็ว ทว่าด้วยขนาดที่ใหญ่โตและระยะทางที่แสนไกล จึงดูเหมือนกับก้อนอุกกาบาตยักษ์นั้นค่อยๆคืบคลานเข้าหาอย่างเชื่องช้า
ครืน..น..น!
พร้อมกับแรงสั่นสะเทือนเนื่องจากการปะทะกันของสนามแรงดึงดูดจากวัตถุขนาดใหญ่สองชนิด หนึ่งคือดาวเคราะห์ยักษ์นามดาวเสาร์ กับอีกหนึ่งคือก้อนอุกกาบาตยักษ์ขนาดเท่าดาวเคราะห์โลก
..คงใช่มั้ง.. กาแรนกล่าวตอบลอยๆ ..ต่อจากหินก้อนเล็กก็ต้องเป็นหินก้อนใหญ่สิ.. ราวกับว่าก้อนอุกกาบาตยักษ์ตรงหน้าไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร
จากคุณ :
DarkNine
- [
25 ก.พ. 50 16:21:11
]
|
|
|