ความคิดเห็นที่ 1 ชีวิตประกอบด้วยร่างกายกับจิตใจ มันคือ จักรวาลภายในกายตน......................... เห็นความจริงจากจักรวาลนี้ คือ เห็นความจริงของโลกภายนอกด้วยเช่นกัน การมีสุขภาพที่ดี คือ การที่ร่างกายอยู่ในสภาวะสมดุลเพียงพอในแต่ละวัน เพราะถ้าไม่ เราก็จะป่วยไข้ตามมา เมื่อคุณเครียด โปรดอย่าลืมว่า ยังมีภาวะเครียดทางกายด้วย ที่เกิดจากพิษสะสมภายใน นอกเหนือจากสาเหตุทางจิตใจหรือเรื่องที่เกี่ยวกับคนอื่น........ การออกกำลังกายสำคัญนะ .............. มันคือ การรื้อหรือจัดการใหม่ของพลังภายในกาย ความเหนื่อยคือ เสน่ห์ที่นำมาซึ่งความสะอาดแห่งอวัยวะภายใน และการมองโลกในแง่ดี การออกกำลังกาย คือ คำสาปที่ธรรมชาติมอบให้มนุษย์ผู้ใฝ่ในวิถีแห่งสุขภาพ......... จากคุณ : คันตุกะ - [ 27 ก.พ. 50 09:56:09 A:58.9.54.22 X: TicketID:136637 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มนุษย์ได้แบกเอาร่างกายของตนไปทั่วพิภพ โดยการกิน มนุษย์ได้แยกตนเองออกจากธรรมชาติชั่วคราว โดยการกิน มนุษย์จำต้องพึ่งพิงธรรมชาติดังเช่นสรรพชีวิตอื่น ระบบย่อยอาหาร คือ ระบบพลังงานที่เริ่มจากปากปลายทางที่ทวารหนัก อาหารเมื่อเริ่มกิน มันน่าอภิรมย์ยิ่งนัก แต่เมื่อผ่านกระบวนการย่อย  อาหารได้แปรเปลี่ยนสภาพไป หมดคุณค่าและกลายเป็นสิ่งมีพิษภัยต่อร่างกายได้...สิ่งเีดียวกันในห้วงเวลาที่ต่างกันกลับมีสภานะที่ตรงกันข้าม.. จากคุณ : dicky5 - [ 27 ก.พ. 50 14:02:24 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ว่าด้วยโรคภัย การป่วย คือ การที่ร่างกายเสียสมดุลของตนเองไป เกิดภาวะคั่งหรือตรึงแน่นในการทำหน้าที่หนึ่ง ๆ ของมันไป ถ้ารู้ตัวก็อาจแก้ไขได้แต่ิเนิ่น ๆ แต่ถ้าไม่ สมดุลห่างจากภาวะปรกติมากเกินเยียวยา  นั่นคือ ป่วยและป่วยหนัก เมื่อคุณป่วย  ปัญหาคือ หลายคนไม่รู้ว่าตนเองกำลังป่วย กว่าจะรู้ตัว ก็มักจะสายเกินหรือยากแก่การเยียวยา เมื่อคุณป่วย ต้องลดภาระการใช้พลังลงด้วยการกินให้น้อยลง ใช้ธรรมชาติรักษาธรรมชาติด้วยการคืนสมดุลของร่างกายโดยไว มีอาทิ ขับพิษจากของเสีย ทั้งเหงื่อ ปัสสาวะและอุจจาระ ไม่ให้คั่งค้าง ไม่เครียดโดยไม่จำเป็น ใช้การออกกำลังกายแต่เพียงเพลา ๆ ลง ฝึกลมหายใจให้ลึก-ยาว-ช้า ฯ และนอนหลับสนิทให้เพียงพอ.. จากคุณ : dicky5 - [ 27 ก.พ. 50 14:25:03 ]

ความคิดเห็นที่ 4 นอนเหมือนกัน หลับจากดึกๆ ยันสายๆ ตืนสักสิบสิบเอ้ดโมงสบายๆ อิอิ ขอบคุณ ความเรียงดีๆ จะแวะมาอ่านเรื่อยๆนะคะ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 1 มี.ค. 50 02:13:35 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ว่าด้วยสถานะแห่งอวัยวะ ขาและเท้า     ขอเรียกว่า เท้า............................... ร่างยืนอยู่บนเท้าทั้งสอง เพื่อแบกรับจักรวาลแห่งร่างกายไปทั่วผืนโลกได้อย่างเสรีของจิต ฐานของเท้าได้รับพลังสำรองจากความแข็งแกร่งของหัวใจ    ดังนั้น  เท้าที่แข็งแรงก็คือ หัวใจที่แข่งแกร่งดุจกัน ด้วยเท้าทั้งสอง      จึงสามารถทำให้ฝันของเราเป็นจริงขึ้นมาได้   มันจึงเสมือนแบ๊คอัพขนานแท้และดั้งเดิมที่ไม่อาจเนรคุณ........................... แขนและมือ     ขอเรียกว่า มือ................................. มันคือ ภาคละเอียดขึ้นของอารมณ์--ความรู้สึกและเหตุผล การเคลื่อนไหวของมือ บ่งบอกถึง จิตใจขณะปัจจุบัน  ณ ห้วงเวลาหนึ่ง   มือ คือ  การแสดงออกของเจตจำนงค์  การแสวงหาและผู้เปลี่ยนแปลงโลก............ ไม่มีบทบาทของมือ   สังคมย่อมเน่าหรือหยุดนิ่ง...........   เพราะ หาการวิวัฒน์มิได้    เท่ากับดำรงสถานะแห่งความเสื่อมไปฉะนั้น......... จากคุณ : dicky5 - [ 1 มี.ค. 50 08:42:49 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อืมม์.. สำหรับความคิดส่วนตัว เราว่าร่างกายกับจิตแยกกันได้ แต่ต่างฝ่ายต่างมีผลต่อกันและกันน่ะ คิดว่างั้นนะ จากคุณ : มีนเมษ - [ 1 มี.ค. 50 14:30:39 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ว่าด้วยปฏิสัมพันธ์ของกาย-จิต เมื่อเกิด.............ทั้งสองยังอ่อนเยาว์ด้วยกัน ในยามหนุ่มสาวเยาวชน  พลังชีวิตขาขึ้นทำให้ภาวะของกายส่งผลเหนือจิตมากกว่า   เป็นวัยแห่งการทดลอง แสวงหา เรียนรู้  สะสมประสบการณ์เพื่อการตกผลึกในวันข้างหน้า เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่มากขึ้น  ........จิตหรือภาวะรู้จักคิดก็จะมากขึ้น    จิตสำนึกแท้จริงต่อโลก-ชีวิตก็ดีขึ้น   จิตสามารถควบคุมกายได้มากขึ้นตามมา ความเครียด    สามารถเกิดได้ทั้งจากในร่างกายเองหรือมาจากคนอื่น  สังคม  หรือสถานการณ์ที่เราเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยก็ได้       เช่น  จากภายในกายก็ด้วยพิษสะสมจากอาหาร    การไม่ได้ขับถ่ายของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอ    อวัยวะภายในทำงานบกพร่องโดยเฉพาะตับ ไต.........   สาเหตุที่มาจากจิตใจ   เช่น   กังวลต่อการทำมาหากิน   งานที่เร่งรัดต้องทำให้เสร็จ   กรณ๊พิพาทที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้   ปัญหาด้านการเงินต่างๆโดยเฉพาะหนี้สิน   การสูญเสียผู้เป็นที่รัก........... คน ๆ หนึ่งถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์บนผืนโลก    เพราะมีกระบวนการทั้งภายในกาย-จิต  ที่มีปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอกที่สลับซับซ้อน ซึ่งจะดูให้ง่ายก็ได้หรือจะเจาะลึกเพื่อเข้าใจก็ได้เช่นกัน   แต่ถ้าเราเข้าใจกระบวนการภายในเป็นพื้นฐานแล้ว เราก็จะสามารถมองสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกได้อย่างทะลุโดยไม่ยากเย็นเลย.....................ก็ลองหาความชำนาญกันไปก็แล้วกันนะ............ บอกได้เลยว่า   ยิ่งเรามีอายุมากขึ้น   เราจะเห็นชัดขึ้นว่า จิตใจจะมีบทบาทในฐานะตัวนำต่อองค์ชีวิตมากขึ้นทุกขณะ คนเรา    ที่สุดของลมหายใจ   ก็จะเหลือไว้แค่  ความทรงจำเท่านั้น     ที่บ่งบอกถึงตัวตนของคน ๆ หนึ่งที่ดำรงความหมายอยู่ในโลกที่กำลังหมดวาระของใครของมัน สำหรับวัยผู้ใหญ่แล้ว     การเติบโตทางร่างกายไม่มี ดังนั้น  เวลาสำหรับพวกเขาจึงคือ การมุ่งพัฒนาด้านจิตเสียมากกว่า โดยอาศัยกายที่มั่นคงดีแล้ว    เหล่าผู้ที่ได้คิดเท่านั้นจึงจักมุ่งมั่นนำพาชีวิตไปสู่   ความเป็นผู้มีวุฒิภาวะแห่งความเป็นผู้ใหญ่   เช่น   ความใจกว้าง   ความสุขุมรอบคอบ    ความอดทนยืดหยุ่น    การเสียสละ    การปล่อยวาง    การไม่ยึดติดในวัตถุ     การให้อภัย    และความเรียบง่ายในการแสวงหาความสุข............... จากคุณ : dicky5 - [ 1 มี.ค. 50 20:03:23 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ดีค่ะ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 3 มี.ค. 50 00:52:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สถานะแห่งความรู้สึกต่าง ๆ ของร่างกาย ควาหิว.............................................................................................................................................. เมื่อคุณหิว หมายความว่า  จักรวาลแห่งร่างกายนี้เรียกร้องการคืนสู่จักรวาลที่ใหญ่กว่าคือ ผืนโลกที่เป็นแม่แห่งการอุ้มและเลี้ยงดูทุกสิ่ง    เพราะร่างกาย คือระบบเปิดที่มีเสรีได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น   ความหิว จึงบ่งบอกว่า คุณมีสถานะไม่ต่างจากชีวิตอื่นในสายตาธรรมชาติ   ดังนั้นจงปฏิบัติต่อชีวิตที่แตกต่างในฐานะอาคันตุกะของแม่เช่นเดียวกับผู้อยู่อาศัยที่แตกต่างอื่น ๆ ................................ ความร้อน........................................................................................................................................... เมื่อคุณรู้สึกร้อน   หมายความว่า  คุณกำลังมีระดับพลังสำรองล้นเกิน   มันกำลังหาทางออก มันจึงทำให้คุณอึดอัดหรือไม่สบายตัว   คุณอาจกินมากไป หรือบรรยากาศที่คุณอาศัยอยู่มันกำลังไหลเข้าสู่ร่างกายของคุณมากเกินจำเป็น......................................................................................................... นัยยะของความร้อน คือ การเผาผลาญและความไม่สงบที่พลุ่งพล่าน  การไม่ยอมรับสิ่งที่ดำรงอยู่และการชำระให้บริสุทธิตามมา   ดังนั้น เมื่อกายบอกว่า ร้อน  เท่ากับคุณกำลังดำรงสถานะที่กำลังเปลี่ยนแปลง   ใจต้องเย็นไว้และเฝ้าตามวิถีทางการปลดปล่อยตนเองของพลังที่ล้นเกินนั้นไปจนสุดถึงชายขอบนั้นซึ่งก็คือ อาณาบริเวณแห่งความสมดุล......... ความเย็น................................................................................................................................................ เมืองไทย.....ร้อนเป็นหลัก  ดังนั้น ความเย็นจึงอาจพึงปรารถนามากกว่า.....เพราะ เรามักถวิลหาสิ่งที่มีน้อยหรือขาดมากกว่าสิ่งที่คุ้นเคยหรือมีมากจนไม่ต้องตระหนักถึงค่าของมันอีก    เมื่อคุณรู้สึกเย็นหรือหนาว  บ่งบอกว่า พลังสำรองร่อยหรอ  และไตอาจป่วยเรื้อรังมานาน รวมถึงภูมิต้านทานถูกคุกคามมาถึงปราการขุมพลังลึกถูกใช้งานมากเกินไปแล้ว    ดังนั้น จงทบทวนการโหมกระหน่ำภารกิจที่ใช้ร่างกายอย่าไม่เกรงใจที่ผ่านมา   เพราะถ้าเราเนรคุณต่อร่างกาย   ดังนั้น มันก็จะตอบสนองด้วยมาตรฐานเดียวกันไม่ช้าก็เร็วตามกฏแห่งกรรมธรรมดา ความเจ็บปวด.............................................................................................................................................. ความรู้สึกนี้   คือ สิ่งเดียวกับความรู้สึกไม่มีอะไรหรือไร้เจ็บปวด.....ซึ่งเป็นภาวะปรกติของการดำรงอยู่ของสิ่งที่เรียกว่า ชีวิต เพราะ ชีวิต คือ ความเจ็บปวดมาแต่แรกกำเนิดแล้ว  จากนั้นมันก็ได้หลบซ่อนตัวมาพร้อมกับการเติบใหญ่ของวัยหรือร่างกายนี้แหละ     เพราะพลังชีวิตขาขึ้น เราจึงไม่พบเห็นความเจ็บปวดสักเท่าใด   ต่อเมื่อเข้าสู่พลังชีวิตขาลงนั่นแหละ  มันจึงจักเวียนมาให้พบเจอถี่ขึ้น   ตามต้นทุนสะสมแห่งการดูแลสุขภาพของแต่ละคน  (ยกเว้นกรณอุบัติเหตุหรือโรคระบาดต่างๆ......) ความเจ็บปวดจะไม่เจ็บปวดมากนัก   ถ้าเราดูแลรักษาภูมิต้านซึ่งเป็นขุมพลังสำรองไว้ได้อย่างดี     แต่ถ้าไม่   แม้เพียงใบไม้ไหวหรือลมพัด   เราอาจเจ็บปวดดังสายฟ้าฟาด ก็เพราะ เพียงแค่เราไม่แข็งแกร่งพอเสียแล้วตั้งแต่ต้น......... จากคุณ : dicky5 - [ 3 มี.ค. 50 07:16:00 ]

ความคิดเห็นที่ 10 กท.นี้มีสาระดีครับ ไม่เพ้อฝันหยุมหยิม หาอ่านไม่ค่อยได้อ่ะ แนวนี้................... จะแวะมาดูอีกครับ ขอบคุณ ขอบคุณ............... จากคุณ : คันตุกะ - [ 4 มี.ค. 50 05:54:01 A:58.9.56.31 X: TicketID:136637 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ว่าด้วยรสชาติในอาหาร คนเราติดหวาน-เค็ม-มัน ตั้งแต่เราได้สัมผัสรสชาติจากน้ำนมแม่     แต่รสชาติต่างๆ ยังมี เปรี้ยว ขมและเผ็ดอีก อาหารอร่อยไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวอาหารอย่างเดียว แต่บ่อยครั้งที่เรากำหนดความอร่อยไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้น มันจึงอร่อยจากความคิด ไม่ได้อร่อยจากรสชาติที่เราสัมผัสมันจริง ๆ.. คนเราที่สุขภาพดีหรือปรกติ ไม่ควรอร่อยหรือกินอาหารด้วยสมองหรือความคิด   แต่น่าจะมาจากลิ้นสัมผัสที่แท้จริงมากกว่า   แต่ก็นั่นแหละ ถ้าร่างกายเราไม่สะอาดอันเนื่องจากอาหารมื้อก่อน ๆ.........จนกลายเป็นความเคยชินในการเลือกกิน   มันก็ยากอยู่เหมือนกันที่จะทำให้ลิ้นได้ทำงานอย่างโปร่งใสไร้การบิดเบื้อนจากนิสัยการกินที่แปลกแยกจากธาตุแท้ของอาหาร   เพราะ เมื่อสุขภาพหลงทิศเสียแล้ว  การรับรู้ต่าง ๆ มันก็เหมือนสวมใส่เสื้อคลุมแห่งการบิดเบือนอยู่ร่ำไป   ยากที่จะแก้........................   อาหารอร่อยควรมาจากตัวอาหารเองมากกว่าสิ่งปรุงแต่งลงไป   เพราะ เมื่อเรากิน  เราต้องการสาระมากกว่าสิ่งปรุงแต่งเพื่อหลอกล่อลิ้นเป็นด้านหลัก   สิ่งปรุงแต่งแต่เพียงเล็กน้อยย่อมเหมาะสมกว่า การประดังใส่รสชาติสารพัดเพื่อให้อาหารมีความเข้มข้นจอมปลอม  ซึ่งเป็นการทำร้ายสุขภาพ  อันเป็นนิสัยการบริโภคที่หลงผิดหลงทิศหลงทางที่ไม่ค่อยมีใครถือสาหรือฉุกคิด ว่ามันจะเป็นสาเหตุของโรคภัยแห่งความเสื่อมอย่างสำคัญตัวหนึ่ง..... เมื่อเรากิน   ขอจงให้อาหารได้ทำหน้าที่อร่อยจากตัวมันเอง   จงเลือกสรรจากร้านค้าหรือวัตถุดิบที่สด สะอาดเป็นอันดับแรก   อย่าประมาทกับสิ่งปรุงแต่งที่ใส่มากกว่าคุณสมบัติสำคัญข้างต้นดังกล่าว   เพราะ เมื่อเราเดินมาในวิถีการสัมผัสรสชาติอร่อยที่แท้   ลิ้นที่สะอาดก็จักนำทางเราในวิถีการกินที่ถูกต้องในคราวต่อ ๆไปได้ด้วย จงปล่อยให้การเคี้ยวที่ละเอียดและอย่างให้เวลา   แล้วคุณจะสัมผัสมหัศจรรย์แห่งความอร่อยที่ลิ้นได้สร้างขึ้นด้วยตัวมันเองในกระบวนการเคี้ยว     ซึ่งมันจะย้อนกลับมาสู่การมีวิจารณญาณที่ดีขึ้นในการเลือกอาหารหรือการเซ็นเซอร์รสชาติต่อไป จากคุณ : dicky5 - [ 5 มี.ค. 50 07:56:15 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ว่าด้วยความรู้สึกสบายตัว................. เราสบายตัวเท่าที่ความสะอาดของร่างกายมี เราไม่สะอาดเท่าที่เราละเลยและขาดการชำระล้าง เหนือสิ่งอื่นใด  ความสะอาดที่มากกว่าการอาบ คือ ความสะอาดของเลือดและอวัยวะภายในที่ไม่คั่งค้างจากมลทินของสิ่งที่เราเลือกสรรให้ตัวเองผ่านกระเพาะ.... การคั่งหรือการติดขัดของระบบหมุนเวียนพลังภายใน......เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดี.....ไม่สบายตัว   บางคนอยู่กับภาวะป่วยแฝงมาตลอดชีวิต โดยหารู้ไม่ว่า สุขภาพที่ดี...เป็นเช่นไร   การไม่มีสุขหรือความไม่สบายตัว   ถือเป็นความผิดพลาดขั้นพื้นฐานในการดูแลตนเอง   เพราะ แพ้ตั้งแต่อยู่ ณ ฐานที่มั่น และไม่ยุติธรรมต่อชีวิตของตัวเองด้วย.....       ในขณะที่ใฝ่ฝันถึงการแสวงหาความสุขไปทั่วหล้าจนสุดขอบฟ้า.....หรือมิใช่-กระนั้นหรือ....................   ความรู้สึกสบายตัว  รักษามันไว้ด้วย..................... สมดุลแห่ง.......อากาศ  การเคลื่อนไหวร่างกาย  การดูแลระบบย่อยให้โปร่งโล่งจากการหมักหมม  การเลือกกินให้เป็นรวมถึงการอาบน้ำและขัดถูผิวกาย..... จากคุณ : dicky5 - [ 6 มี.ค. 50 06:58:58 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ทรงภูมิรู้เรื่องร่างกายเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 6 มี.ค. 50 08:41:10 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เข้ามาดู........................... เป็นแรงใจในการปรับปรุงและดูแลตนเองดีครับ จะตามอ่านครับ.... ขอบคุณหลาย ๆ ๆ.............. จากคุณ : ผ่านมา - [ 6 มี.ค. 50 11:14:50 A:58.9.69.39 X: TicketID:136637 ]