เส้นทางที่ต้องเดิน
เช้าวันนี้พารนขับรถมาถึงบริษัทแต่ 8โมงเช้า เหมือนทุกวัน บ้านกับบริษัทที่พารนทำอยู่ห่างกันเพียง 6 กิโลเมตร ทำให้พารนไม่ต้องรีบตื่นและออกจากบ้านแต่เช้ามืดเหมือนคนอื่นๆ ที่ต้องแข่งขันดิ้นรนกันไปตั้งแต่ยังไม่สว่าง ซึ่งที่ทำงานพารนเข้างาน 8 โมงครึ่ง
ดูเหมือนว่าชีวิตเขาอยู่อย่างสบาย เพื่อนฝูงและญาติพี่น้องต่างมองพารนว่าเป็น คุณชาย มีพร้อมหมดทุกอย่าง และไม่เดือดร้อนอะไร พ่อแม่ของเขาเป็นข้าราชการบำนาญ เกษียณแล้วอยู่ที่บ้าน
พารนมีพี่สาวอยู่อีกคน ดูเหมือนว่าพี่สาวอยู่กับพ่อแม่ เพื่อช่วยดูแลท่านทั้งสอง ประกอบกับพี่สาวของพารนสุขภาพไม่ค่อยดี ร่างกายไม่แข็งแรง เจ็บป่วยอยู่เสมอ พอเรียนจบแล้ว พ่อแม่จึงให้ช่วยดูแลเรื่องค่าเช่าซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวและเรื่องภายในบ้านแทน
แน่นอนละด้วยเหตุที่ทางบ้านพารนมีฐานะ พารนเป็นลูกชายคนเล็ก และคนเดียวของครอบครัวย่อมมีแต่คนเอาใจมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่น่าแปลกใจที่ดูเหมือนว่าเขาไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย
สวัสดีคะ พี่พารน น้องลีที่เป็นลูกน้องของพารนทักทาย เช้านี้ก็เหมือนกับทุกวัน พารนจะเข้ามาที่โต๊ะทำงานเพื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ เตรียมดึงข้อมูลทำงานออกมา พารนเป็นผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัท จึงต้องเข้างานแต่เช้าเพื่อนำข้อมูลเตรียมการประชุมกับฝ่ายขาย
สวัสดีครับ พี่พารน เจ้านายขับรถตามผมมาติดๆเลย วันนี้ ยังไม่ทันหายใจเลย มาแหละ น้องเส เป็นหน่วยสนับสนุนฝ่ายการขายด้าน IT ก็แน่ละ มาให้มันแต่เช้ากว่านี้หน่อยสิ จะได้หายใจทัน พารนต้องการให้ลูกน้องของตัวเองไม่ต้องถูกตำหนิจากเจ้านาย
ที่ผ่านมาพารนถูกเจ้านายตำหนิเรื่องการมาสายของลูกน้อง และการทำงานของลูกน้องที่ไม่มีประสิทธิภาพ พารนพยามดึงลูกน้องให้ทำงานอยู่ที่บริษัท มากกว่าที่ต้องการให้ลูกน้องจากไปที่อื่น แต่กลับถูกกดดันจากเจ้านายที่ไม่เข้าใจลูกน้อง และกดดันโดยการเรียกเข้าไปต่อว่าอยู่เป็นเนื่องนิจ พารนเองก็โดนกดดันเรื่องยอดขาย เพราะที่ผ่านมาพารน ยังทำยอดขายไม่ได้ตามที่เจ้านายต้องการ
ที่บริษัทนี้ ผู้จัดการฝ่ายขายเข้าออกกันเป็นว่าเล่นเลย น้องเส ผู้ซึ่งอยู่ทีบริษัทแห่งนี้มานานเล่าให้ฟังตอนที่สนทนาเรื่องของบริษัท น้องเสอธิบายว่าบริษัทนี้เอาเปรียบมากเกินไป และไม่เคยฟังลูกน้องเลย แถมเจ้านายเองก็มาจากพนักงานขายมาก่อน บริหารงานไม่เป็นเพราะนโยบายที่ไม่แน่นอน และบริหารบุคคลก็ไม่เป็นด้วย มีพนักงานเข้าออกบริษัทยังกับเดินพาเหรด เขากดดันจนพนักงานรวมทั้งผู้จัดการอยู่ไม่ไหว ผ่านมาตั้ง 4-5 คนแล้ว พารนอดคิดในใจไม่ได้ว่าเขาจะเป็นผู้จัดการอีกคนหรือเปล่าที่ต้องลาออก
คนทั่วไปไม่เคยเห็นว่าพารนจะทุกข์ร้อนอะไร และไม่เคยลำบากทำให้เขาเป็นที่อิจฉาของคนอื่นๆ จริงๆแล้วพารนก็มีเรื่องไม่สบายใจหลายเรื่อง ตั้งแต่ที่บ้าน แม่ก็ไม่แข็งแรง เป็นโรคหัวใจ เส้นเลือดอุดตัน สองเส้น ทานยาอยู่เป็นประจำ แม่เป็นศูนย์กลางของครอบครัว และญาติพี่น้องด้วย แม่เป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มแย้มอยู่เสมอ เขาสนิทกับแม่มาก
ส่วนที่พารนไม่สบายใจอีกเรื่องก็มาจากแฟนของพารนที่กดดันพารนเรื่องหน้าที่การงาน เขาต้องการให้พารนมีความมั่นคงในชีวิต และมีเงินเพื่อสร้างครอบครัว พารนรู้ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาแต่งงาน ขอให้คนรักรอต่อไปอีกหน่อย อย่างไรพารนก็รักแฟนคนนี้
และเรื่องที่พารนไม่สบายใจมากๆคงไม่พ้นเรื่องงานที่ทำอยู่ งานที่ทำนี้ ไม่ใช่เส้นทางเดินที่พารนตั้งใจเดินมา พารนจบด้านการตลาด ไม่ใช่การขายโดยตรง แต่อาศัยความที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน พารนเลยลองรับงานนี้
พารนเข้ามาทำงานตอนแรก เจ้านายไม่มีข้อมูลอะไรให้ ต้องศึกษาและรวบรวมข้อมูลเอง จากเอกสารข้อมูลของผู้จัดการคนเก่าและจากการสอบถามพนักงาน รวมทั้งแผนกช่างที่มีการทำงานร่วมกัน กว่าจะรวบรวมข้อมูลได้ก็เกือบเดือน
และกว่าจะเริ่มต้นในการขายก็เสียเวลาไปกับแบบฟอร์มในการขายที่ผู้จัดการคนเก่าไม่เคยทำไว้อีก ทำให้พารนทำงานยากมากขึ้นกว่าเดิมในการขาย นับเป็นเรื่องหนักใจมากของเขา
อีกทั้งความไม่แน่นอนในเรื่องของนโยบายบริษัท ที่มีเจ้านายคอยเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา รวมทั้งความไม่แน่นอนของค่าคอมมิชชั่น และราคาขายที่เปลี่ยนอยู่เสมอ ทั้งๆที่พารนทำงานอยู่ที่นี่มาเกือบ 6 เดือนแล้ว
พี่พารน เจ้านายเรียกพี่น่ะ เสวิ่งเข้ามาบอก
หลังจากเจ้านายโทรมาเรียกตัวเข้าไปก่อนหน้านี้ พารนเดินไปที่หน้าห้อง เคาะประตู ได้ยินเสียงเชิญ เขาจึงเปิดประตูเข้าไปในห้องเจ้านาย
นั่งลงสิพารน เจ้านายเชิญ
ขอบคุณครับ
เป็นไงบ้าง ประโยคทักทายที่แสนจะธรรมดาฟังกันบ่อยไป
สบายดีครับ พารนตอบกลับ พร้อมทั้งคิดในใจว่าเมื่อไรเจ้านายจะเอ่ยเรื่องที่ต้องการจะพูด
พี่เรียกเราเข้ามาเนี่ยอยากจะพูดกับเราเรื่องงานหน่อย
งานเป็นไงบ้าง เริ่มเข้าประเด็น
งานก็อย่างที่พี่ทราบ ผมรวบรวมข้อมูลเป็นเล่มให้พี่ ซึ่งไม่มีใครทำมาก่อน และผมเองเข้ามาทำ ก็ไม่มีข้อมูลมาก่อนเลย เลยทำให้เสียเวลาไปกับเอกสารเหล่านี้น่ะครับ เขาตอบอย่างรวดเร็ว
บอกตรงๆนะพารน พี่ไม่ต้องการให้เราเสียเวลากับเรื่องข้อมูลเหล่านี้ งานพวกนี้ให้ธุรการเขาทำสิ พารนคิดในใจว่าธุรการจะรู้เรื่องของสเปคต่างๆ รวมทั้งราคาได้อย่างไร ถ้าเขาไม่รวบรวมข้อมูล และมาถามเจ้านายสะเอง
พี่ต้องการยอดขาย ซึ่งเราเองก็ยังทำไม่ได้อย่างที่พี่ต้องการ เจ้านายถามทำหน้าหัวเสีย แต่แล้วคงสังเกตสีหน้าของพารน เลยเปลี่ยนสีหน้าแล้วถามพารนเรื่องส่วนตัว
ช่วงนี้แม่เป็นไงบ้าง เจ้านายเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว ทำให้คิดว่ามีแผนอะไรอีก
ไม่ค่อยแข็งแรงครับ ผมก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน พารนรู้ว่าเจ้านายถามไปงั้นๆละ
เพราะที่ผ่านมาพารนก็เคยบอกเรื่องนี้ให้เจ้านายทราบ รวมทั้งเคยขอเวลาช่วงพักเที่ยงกลับไปบ้าน เพื่อเอาปูทะเลที่ซื้อไว้ตอนเช้ากับแม่ค้าเจ้าประจำมาขายในที่ทำงาน ซึ่งแม่ชอบกลับไปให้ลูกจ้างที่บ้านทำให้แม่ทาน
พารนพี่มีความคิดอย่างหนึ่งว่าอยากให้เราทำงานแบบรับเป็นจ็อบๆ ไป พารนจะได้มีเวลาดูแม่ด้วยไง
พี่หมายความว่าจะให้ผมออกจากงานประจำเหรอครับ พารนย้อนถามทันควัน
พี่ไม่ได้ให้เราลาออกนะ เรายังคงทำงานกับพี่ต่อไปนั่นละ เพียงแต่ว่า เราไปติดต่องานให้พี่ข้างนอก และพอมีใครติดต่อพารนมา ก็มาสั่งออร์เดอร์ที่พี่ พี่จะให้ค่าคอมมิชชั่นเราไง หรือถ้าอยากได้แบบเป็นงานๆไป งานหนึ่งก็รับเป็นเงินก้อนไปเลยดีไหม
พารนคิดในใจว่าขนาดงานประจำ ค่าคอมมิชชั่นของลูกน้องยังไม่แน่นอนเลย แล้วอย่างนี้จะให้เรายังไง พารนเริ่มไม่แน่ใจเจ้านาย
พี่จะให้ผมเริ่มงานเป็นจ็อบเนี่ยเมื่อไรครับ
ก็สิ้นเดือนนี้ไง เริ่มเดือนหน้าพารนไม่ต้องเข้ามาทำงานประจำแล้ว แต่เข้ามาที่บริษัท เพื่อใช้คอมพิวเตอร์ และเอาออร์เดอร์ลูกค้ามาได้ทุกเวลาเลยนะ เจ้านายพูดเป็นเชิง และพร้อมมองหน้าพารน เพื่ออยากรู้ว่าพารนจะคิดอย่างไรกับการตัดสินใจของเขา และอยากได้รับคำตอบของพารนว่า ตกลง
วันนี้เป็นวันสิ้นเดือนแล้ว เดือนหน้าคือพรุ่งนี้ เงินเดือนในเดือนนี้เป็นเดือนสุดท้าย และถ้าหากพารนเป็นคนที่มีหนี้สิน หรือเป็นคนที่เดือดร้อนเรื่องเงิน พารนจะทำยังดีในตอนนี้ แต่นี่เป็นพารนที่ไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน แต่อดคิดเสียดายไม่ได้ ตามลักษณะของคนทั่วไป
ก็เท่ากับว่าต่อไปผมไม่ได้เงินเดือนแล้วสิครับ พารนถามด้วยความคับข้องใจ
อืมม ก็ทำนองนั้น แต่พี่ไม่ได้ให้เธอออกนะ ยังคงทำงานกับพี่อยู่
เจ้านายพูดกำชับและเน้นย้ำประโยคว่า ไม่ได้ให้เธอออกนะ ให้พารน
ได้ยินชัดเจน เพื่อเป็นการยืนยันในความพยายามให้พารนรู้สึกดีดีกับเขาก่อนจากกัน
ครับ ผมเข้าใจ คำว่าเข้าใจของพารนหมายความอย่างนั้นจริงๆ
พารนย่อมรู้อยู่แก่ใจแล้วว่านี่เป็นการให้ออกจากงานประจำ ในแบบนิ่มๆ และนับต่อจากนี้ไปจะไม่มีเงินเดือน ไม่มีเงินชดเชยใดๆจากบริษัทด้วย เจ้านายฉลาดที่จะพูดเพื่อไม่ให้พารนโกธรและต่อว่าเจ้านาย และที่สำคัญไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยใดๆให้กับเขา เพราะถือว่าพารนยังทำงานอยู่กับบริษัท บริษัทไม่ได้ไล่ออก หรือเชิญออก เพียงแต่เปลี่ยนนโยบายให้ทำงานอีกรูปแบบหนึ่ง
ความผิดของพารนในครั้งนี้ คือ พารนไม่มียอดขายให้กับเขา ที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่เขาเอาลูกค้าที่ติดต่อพารนไปเป็นลูกค้าของเขา โดยอ้างว่าเป็นลูกค้าเก่าที่ติดต่อเขามาก่อน หรือเป็นลูกค้าที่ติดต่อทางโทรเข้ามาที่บริษัทไม่ว่าจะเป็นลูกค้าใหม่ หรือใครแนะนำมาย่อมเป็นของบริษัท เขาจะเป็นคนขายเสียเอง แล้วอย่างนี้เขาต้องการให้พารนเข้ามาเป็นผู้จัดการฝ่ายขายทำไมกัน
เจ้านายของพารนบริหารงานไม่เป็น ไม่เคยเข้าใจหน้าที่ของแต่ละคน รวมทั้งตัวเขาเองว่าอยู่ในฐานะอะไร ควรวางตัวแบบใด และโดยหน้าที่ของเขาควรให้นโยบายที่ชัดเจนแน่นอน การคุมนโยบายแล้วสั่งการให้ผู้จัดการแต่ละแผนกดำเนินการไปนั้นจึงจะถูกต้อง
พารนเองก็ไม่พอใจเจ้านายเขามาตั้งแต่แรกแล้ว เขาคิดว่าหาลูกค้าเป็นรายๆไปอาจจะดีกว่านั่งประจำก็ได้
ก็ดีเหมือนกัน จะได้ดูแลแม่ได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ พารนคิดปลอบใจตัวเองและคิดถึงอนาคตตัวเองตลอดทางกลับบ้านวันนั้น
หลังจากวันนั้น พารนติดต่อลูกค้าได้หลายราย และนำเข้าไปที่บริษัท เจ้านายบอกกับพารนว่าต้องการให้พารนคุยกับเขาเรื่องค่าคอมมิชชั่น และค่าผลตอบแทน แต่เอาเข้าจริงเขาบอกว่าให้พารนเขียนค่าตอบแทนเสนอไปให้เขา โดยเอาไปวางไว้บนโต๊ะห้องทำงานเขา แล้วเขาจะพิจารณาอีกที
ส่วนลูกค้าที่พารนติดต่อได้ ก็ให้พารนมอบให้ลูกน้องเขาช่วยทำใบเสนอราคาให้ลูกค้า แล้วลูกค้าติดต่อมาให้พารนเป็นธุระให้ในการอธิบาย หรือคอยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าแทนเขา
พารนรอให้เจ้านายเรียกเพื่อคุยเรื่องที่เขาเสนอแต่เจ้านายเขาก็ไม่เคยพูดเรื่องค่าตอบแทนกับเขาอีก อ้างว่ายังไม่ว่างพิจารณา ขอให้พารนช่วยงานเขาไปก่อน
สุดท้ายพารนคิดว่า เจ้านายเขากำลังเล่นตลก เขาถูกเจ้านายหลอกใช้ไปวันๆ พารนเลยไม่ช่วยเจ้านายของเขาอีกต่อไป และตัดสินใจออกจากบริษัทอย่างสิ้นเยื้อใย
ที่ผ่านมาถึงแม้พารนจะออกจากบริษัท โดยไม่ได้เงินเดือนประจำก็ตาม แต่เขาก็ยังถือว่าเป็นพนักงานคนหนึ่ง เขาพยายามหาลูกค้า และพยายามรักษาลูกค้าให้คงอยู่กับบริษัทเสมอมา เพื่อไม่ให้ลูกค้าไปกับคู่แข่งของบริษัท หากลูกค้ามีปัญหามาให้เขาช่วยแก้ไข เขาก็ไม่เคยปฎิเสธลูกค้าเลย ยินดีช่วยเหลือเต็มที่
บางครั้งเขาใช้โทรศัพท์มือถือที่เป็นเงินส่วนตัวของเขา ติดต่อบริษัทหรือหน่วยงานต่างๆแทนลูกค้าของเขา เพื่อต้องการให้ลูกค้าประทับใจเขา และติดเขานั่นเอง
แต่เจ้านายไม่เคยใยดีกับเขาเลย แม้แต่เงินค่าคอมมิชชั่นก็ไม่เคยเอ่ยกับเขาในช่วงเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เขายื่นข้อเสนอไปบนโต๊ะของเจ้านาย มีแต่เอาผลประโยชน์จากเขาแต่ฝ่ายเดียว บริษัทได้ลูกค้าจากที่เขาหามาได้แล้วหลายรายก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า
พารนเลยตัดสินใจที่ไม่ใส่ใจอีกต่อไป เขาไม่เข้าไปที่บริษัทและไม่โทรไปหาเจ้านายอีกเลย หากมีลูกค้าโทรเข้ามาหาเขา พารนจะบอกลูกค้าไปว่าเขาลาออกจากบริษัทไปแล้ว จึงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ เพื่อเป็นการตัดปัญหาและจะได้ไม่ต้องมารบกวนเขาอีก
แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 50 22:13:31
แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 50 19:06:06
แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 50 18:25:19
แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 50 18:14:51
แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 50 18:06:25
จากคุณ :
อนันต์สิทธิ์
- [
27 ก.พ. 50 14:23:55
]