ตอนปฐมบทเด็กหญิงน้ำตาลไหม้
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5173744/W5173744.html
พระอาทิตย์กลมโตกำลังโผล่พ้นขอบฟ้าเป็นสีแดงอมส้ม แม่หนูน้ำตาลถือขันน้ำใบเล็กเดินโยงโย่ไปริมบ่อน้ำ พ่อตักน้ำใส่ถังไว้ให้น้ำตาลแล้ว ไอ้เหมียวกับไอ้ตูบวิ่งตามแม่หนูไปติดๆ
ไอ้เหมียวชื่อม่อน ไอ้ตูบชื่อตุ๋ย แม่หนูเรียกไอ้ม่อนกับไอ้ตูบ ทั้งที่สัตว์ทั้งคู่เป็นเพศเมีย
พอไปถึงปากบ่อ แม่หนูเห็นถังน้ำที่พ่อตักไว้ให้ เธอก็ใช้ขันใบเล็กตักน้ำขึ้นมา เอานิ้วสองนิ้วจุ่มลงไปในน้ำแล้วแกว่งนิ้ว สักพักหนึ่งก็ยกขึ้นมาป้ายตา พร้อมทั้งยกขันขึ้นมาจ่อริมฝีปากอมน้ำเข้าไปแล้วพ่นออกมาใส่ไอ้ตุ๋ยและไอ้ม่อน เป็นอันเสร็จพิธีล้างหน้ายามเช้าตรู่ของวันที่แสนเหน็บหนาว
เย๊ เย๊ อีหรั่งอมขี้เขี้ยว เสียงพี่สาวล้อแม่หนูน้ำตาลดังลั่นบ้านตามมาติดๆ แม่หนูน้ำตาลหันขวับไปจ้องที่มาของเสียง
น้ำในขันใบเล็กยังเหลืออยู่อีกเล็กน้อย แม่หนูสาดโครมเข้าใส่พี่สาว พี่สาวตัวแสบที่กำลังยืนโบกมือไหวๆ ล้อน้องสาวอยู่โดนน้ำสาดใส่ชุดนักเรียนที่สวมใส่ก็โมโห
เธอเดินย่างสามขุมเข้ามาหมายจะคว้าคอแทงเข่า แต่ช้าไปเสียแล้วแม่หนูน้ำตาลจ้วงน้ำจากถังมาถือไว้ ตั้งการ์ดเตรียมสาดอย่างแข็งขัน พี่สาวหยุดชะงัก พร้อมกับเสียงผู้พิพากษาศาลเตี้ยประจำชุมชนดังขึ้นมา
เอ้า มัวแต่ล้อน้องอยู่นั่นแหละ ล้างหน้าให้น้องแล้วมาทานข้าวเสีย จะได้ไปโรงเรียน ยายตะโกนห้ามทัพตามประสาผู้พิพากษามาแต่ไกล
ในอาณาบริเวณพื้นที่ 2 งานนี้ ยายคือพระเจ้ามีอภิสิทธิ์ชี้เป็นชี้ตายให้แก่ทุกอย่าง ห้ามใครหือ เพราะนี่คือบ้านของยาย แม้ว่าความจริงคนปลูกสร้างบ้านคือพ่อ ยายก็เถียงว่าพ่อไม่มีสิทธิ์เพราะแม่ยายต้องใหญ่กว่าลูกเขย
สายมาหน่อยพี่สาวไปโรงเรียน แม่หนูน้ำตาลต้องอยู่บ้านกับยาย พ่อกับแม่ออกไปไร่ วันนี้ยายทำขนมลูกลาน ยายเรียกแบบนี้ ความจริงมันคือแป้งข้าวเหนียวปั้นเป็นลูกกลมต้มให้สุกแล้วลอยในน้ำกะทินั้นเอง
แม่หนูน้ำตาลไม่รู้เขาเรียกอะไร ไปเล่าให้ครูที่มาทานข้าวเดือนกับยายฟังครูก็ไม่รู้จัก สงสัยเป็นสูตรลับของยาย ขนมลูกลานนี้เลยไม่มีใครรู้จัก
ยายให้น้ำตาลปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนเล็กๆ พอคำ แต่น้ำตาลอยากได้ลูกโตๆ มันจะได้ทานทีเดียวอิ่ม เธอจึงแอบหย่อนแป้งก้อนกลมขนาดเท่ากำปั้นของเธอลงไป เทียบขนาดก็คงเท่าไข่ไก่หนึ่งฟอง
หลังจากต้มไปได้สักพักแป้งลูกเล็กเริ่มสุกก็พากันลอยตัวขึ้นมาบนผิวน้ำที่กำลังเดือดพล่าน ยายใช้กระชอนคว้านตักลงไปในหม้อ
พระพุทธเจ้าข้าเอ๋ย ยายจ้องหน้าน้ำตาลตาไม่กระพริบ แป้งลูกเท่าไข่ห่านถูกตักขึ้นมา จากที่น้ำตาลใส่ลงไปเท่าไข่ไก่ ตอนนี้มันพองตัวบวมอืดเต็มพิกัด
ครูที่แวะมาเยี่ยมยายในวันนั้นนั่งหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง แล้วน้ำตาลก็รู้แล้วว่าขนมลูกลานของยายมันชื่อ บัวลอย และด้วยฝีมือของน้ำตาล จากบัวลอยไข่หวานจึงกลายเป็นบัวลอยไข่ห่าน ยายบริภาษน้ำตาลพาลถึงพ่ออีกเช่นเคย
ยายว่าน้ำตาลเชื้อไม่ทิ้งแถว หัวเหม่งเหมือนพ่อไม่มีผิด น้ำตาลแอบเถียงยายในใจของยายไม่เหม่งหรอก แต่ตรงกลางกระหม่อมแทบจะไม่เหลือ ก็คือคือกันแหละ เหม่งแบบพ่อกับน้ำตาลยังเท่ห์กว่าอีก (ถ้ายายอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ยายคงได้ฉายาใหม่เป็น ซีนาดี ซีดาน)
ความจริงเรื่องน้ำตาลทำบัวลอยไข่หวานกลายเป็นไข่ห่านไม่เกี่ยวกับการที่พ่อหัวเหม่งสักนิด แต่ยายต้องการยิงลูกชิ่ง จะหาเรื่องว่าพ่อกับน้ำตาลอุตริและดื้อไม่เหมือนใคร แต่ยายไม่กล้าว่า ยายกลัวพ่อรื้อบ้านหนี เดี๋ยวไม่มีที่อยู่กันพอดี ยายจึงว่าน้ำตาลหัวเหม่งเป็นลูกพ่อไม่ใช่ลูกแม่
ส่วนพ่อกับแม่บอกว่าน้ำตาลเป็นเด็กเห็ดถอบ(เห็ดเผาะ) ได้มาจากการเก็บเห็ดขายเมื่อห้าปีที่ก่อนนู้น น้ำตาลฟังแล้วก็งง พูดยังกับเกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่ พ่อบอกลูกพ่อต้องไม่ดื้อ น้ำตาลลูกใครไม่รู้เลยดื้อ
น้ำตาลนึกขึ้นได้ก็ยกมือขึ้นมา 3 นิ้ว ยกเท้าขึ้นมาอีกหนึ่งข้าง พยายามนับเลขให้ครบสิบ ทำยังไงมันก็ไม่ครบสิบ ยายถามว่านับทำไม น้ำตาลบอกว่าถ้านับครบสิบเมื่อไรจะได้เถียงพ่อได้ ว่าพ่อนับอายุน้ำตาลผิด น้ำตาลเพิ่งสี่ขวบเอง แล้วพ่อจะเก็บมาตอนห้าปีก่อนได้ยังไง
ยายเลยถามน้ำตาลต่อว่าจะนับเลขให้ครบสิบแล้วยกเท้าขึ้นมาด้วยทำไม แม่หนูน้ำตาลเลยอธิบายถึงเหตุผล น้ำตาลตอบว่าก็มือขวาเอาเก็บไว้ชี้นับจำนวนนิ้วข้างซ้าย มันก็หายไป 5 นิ้ว เลยต้องเอาเท้ามานับช่วย
แม้ว่าน้ำตาลจะเอาเท้าขึ้นมานับช่วยหนึ่งข้างมันก็ยังไม่ครบสิบอยู่ดี ยายเห็นน้ำตาลงอนิ้วชี้ลงมาแล้วใช้นิ้วโป้งกดนิ้วชี้ไว้ ทำท่าคล้ายจะจีบ ก็บอกน้ำตาลว่าจะครบสิบได้ยังไง ก็น้ำตาลไม่นับสองนิ้วนั่นด้วย
น้ำตาลตอบยายกลับไปว่า นิ้วชี้คือครึ่งขวบ ตอนนี้น้ำตาลอายุเพิ่มขึ้นอีกครึ่งขวบแล้ว ส่วนนิ้วโป้งต้องกดนิ้วชี้เอาไว้ ไม่งั้นมันจะเด้งคืน ไม่อยู่ครึ่งนิ้วอย่างที่ต้องการ สรุปแล้ววันนั้นน้ำตาลพยายามนับหนึ่งถึงสิบจนลืมที่มาที่ไปของเด็กหญิงน้ำตาล
แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 50 17:19:13
จากคุณ :
sugarhut
- [
27 ก.พ. 50 17:06:57
]