คุณเชื่อเรื่องความฝันไหม ?
ทฤษฎีจิตวิทยามากมายอธิบายถึงความฝันในแง่มุมที่ต่างกัน และแน่นอนว่าเรื่องสำคัญคือความฟุ้งซ่าน และความคิดที่ตกตะกอนอยู่จากการใช้ชีวิตช่วงกลางวันจนเก็บไปฝันฟุ้งซ่าน แน่นอนว่าความจริงอาจจะเป็นเช่นนั้น ด้วยหลายครั้งที่ความฝันนั้นเป็นเพียงเรื่องฟุ้งซ่านในใจ แต่อีกหลายครั้ง ความฝันก็คล้ายเครื่องมือที่ใครบนฟ้าใช้บอกเล่าเหตุการณ์ล่วงหน้า หรือบอกใบ้เรื่องราวบางอย่างให้กับใครบางคนได้รู้ คงสุดแต่ว่าเราจะรับคำใบ้นั้นได้มากแค่นั้นเท่านั้นเอง
เหมือนกับชลกานต์ หญิงสาวที่ไม่เคยเชื่อเรื่องความฝัน แต่สุดท้าย เรื่องน่าอายในฝันก็กลับเล่นตลกกับเธออย่างไม่คาดคิด
ลองอ่านเรื่องราวของเธอที่ฉันจะเล่าให้คุณฟังดูก่อน บางทีคุณอาจจะคิดถึงความฝันเก่า ๆ ที่ตกตะกอนซ่อนมานาน
เสียงนาฬิกาปลุกที่ถูกอัดเลียนแบบเสียงไก่ขันยามเช้าดังขึ้นข้างหัวเตียงปลุกคนที่นอนอยู่บนเตียงนอนนุ่มให้ลืมตาตื่น ก่อนจะเอื้อมมือไปทุบหัวเจ้าไก่ที่โก่งคือขันอยู่บนหน้าปัดนาฬิกาให้หยุดส่งเสียง พร้อมกับยันตัวขึ้นเอนหลังพิงกองหมอนนุ่มค่าเวลาให้เลือดไหลมาเลี้ยงร่างกายป้องกันอาการหน้ามืดที่ขยันแวะมาทักทายแทบทุกเช้า
ชลกานต์ถอนใจยาว ยกมือขึ้นดึงผมตัวเองแล้วปล่อยให้เลือดแล่นมาเลี้ยงสมองบ้าง
กินมากไปเลยเป๋อหรือไงนะยายกานต์ ดันไปฝันถึงตาบ้านั่นได้
หญิงสาวบ่นว่าตัวเองเมื่อนึกถึงความฝันที่ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงนาฬิกาปลุกที่ดึงเธอตื่นจากนิทราได้ทันเวลาน่าอายจนเธอนึกรักเจ้าเสียงนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน
อันที่จริงเธอคิดว่าตัวเองควรจะชินกับฝันบ้า ๆ แบบนี้ได้แล้ว เมื่อมันแวะเวียนมาทักทายกันบ่อยจนไม่น่าเชื่อ แต่เมื่อนึกถึงเนื้อหาเรื่องราวในฝันนั้นก็อยากจะมุดดินหนีทุกที อย่างเดียวที่บอกได้คือ
...น่าอายที่สุด...!!!
คิดแล้วภาพในฝันก็กลับมากระจ่างอยู่ในหัว แผกเพียงคราวนี้มีสาเหตุใหม่ให้เธอร้องไห้ คือการทะเลาะกับเพื่อรักเพื่อนสนิทที่ปกติแล้วจะติดกันยิ่งกว่าปาท่องโก๋ และคำที่เลวร้ายที่สุดที่หลุดออกมาจากปากเพื่อนรักก็คือ
กานต์ไม่เข้าใจเราหรอก...
อ้าว...ไม่พูดไม่บอกแล้วใครมันจะเข้าใจล่ะ
เปล่าหรอกเธอไม่ได้พูดอย่างนั้นหรอก ทั้งที่หากเป็นคนอื่นเธอคงปล่อยเจ้าปุกปุยออกมาอย่างไม่ตอ้งเสียเวลาคิด แต่เพราะคำนี้หลุดออกมาจากปากเพื่อนรักมันจึงทำให้หัวใจเธอเจ็บจี๊ดเหมือนถูกเข็มนับพันเล่มทิ่มแทง แค่คิดถึงความรักความผูกพันที่เคยมีร่วมกันมา ร่วมทุกข์ร่วมสุขชนิดที่เรียกได้ว่ากอดคอกันทั้งร้องไห้และหัวเราะกันจนแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณก็ว่าได้
แล้วมาบอกว่าไม่เข้าใจ
เหมือนสายใยที่เชื่อมต่อที่เคยคิดว่าเหนียวแน่นด้วยคำที่ถูกเรียกขานว่ามิตราภาพจะถูกตัดออกง่ายดายด้วยคำพูดประโยคเดียว
ชลกานต์แทบคลั่ง จำไม่ได้ว่าในฝันทะเลาะกันเรื่องอะไร แต่ดูท่ามันจะเลวร้ายเอาการ ก็ขนาดที่ว่าผู้หญิงหวงน้ำตาอย่างเธอยอมปล่อยให้มันรินได้เหมือนลืมอาย
แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่าความเจ็บปวดที่อยู่ในอก ผลักดันให้พาตัวเองออกมาจากที่นั้นโดยเร็ว แล้วไง...เรื่องเลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือการที่เธอพาตัวเองวิ่งมาตามระเบียงทางเดินผ่านหน้าห้องเรียนที่เชื่อมไปสู่ตัวบันไดด้านซ้าย
แล้วสิ่งที่แสดงความผิดพลาดของเธอก็ปรากฏตัวขึ้น เมื่อนายดรัณย์ คู่ปรับตลอดกาลของเธอที่เพื่อน ๆ ในห้องพยายามจับคู่ล้อกันนักเดินสวนมาพร้อมกับเพื่อนอีกคน
เธอจำได้ว่าตัวเองพยายามก้มหน้าสุดชีวิต ทำยังไงก็ได้ไม่ให้ตานี่เห็นน้ำตา
แต่นั่นล่ะ ไอ้เรื่องจับผิดเธอ ผู้ชายคนนี้เขาเก่งนัก เพียงคล้อยหลังเท้าใหญ่ ๆ น่องยักษ์ ๆ ของชลกานต์ก็พาตัวเองออกวิ่งทันที แต่ดูจะช้ากว่าคนที่เอ่ยขอตัวกับเพื่อนแล้ววิ่งตามเธอมาด้วยความเร็วที่มากกว่า
ดรัณย์ตามเธอทันที่สวนพฤกษศาสตร์ข้างอาคารที่เธอเรียนสมัยมัธยมต้น
แล้วเขาก็ทำเหมือนที่เคยทำทุกครั้งที่เธอเห็นในฝัน
มือใหญ่จับแขนเธอไว้ข้างหนึ่ง ก่อนจะดึงร่างเธอเข้าไปกอดไว้ จับให้ซบหน้าลงกับไหล่กว้างแล้วลูบหลังปลอบโยนพลางบอกเบา ๆ
อยากร้องก็ร้องเถอะ ร้องให้พอแล้วกลับไปสู้ใหม่นะ
ไม่อยากยอมรับ แต่เสียงเขากระซิบเบา ๆ ข้างหูปลอบโยนแบบนี้มันหวานนุ่มจริง ๆ ให้ตายสิ
ชลกานต์อยากจะดันตัวออกแล้วตบหน้าหล่อ ๆ นั้นให้สมใจกับความกล้าหาญชาญชัยของเขาโทษฐานมาลองดีกับเทพจอมโหดอย่างเธอที่เพื่อน ๆ สมัยมัธยมต้นพร้อมใจกันยกให้ แต่หัวใจเจ้ากรรมมันคงเจ็บจนร้าวใกล้สลายเต็มที พอมีใครมาปลอบเข้าหน่อยน้ำตาที่ไหลรินอยู่ในตอนแรกก็ยิ่งออกมาเหมือนก๊อกแตก ดีก็แต่ยังไม่สะอื้นครวญโหยไห้เป็นผีพรายเท่านั้นล่ะ
คิดแล้วไม่รู้จะขอบคุณตัวเองดีไหมที่ถูกเลี้ยงมาให้แข็งแกร่งอย่างลูกทหารและหยิ่งในตัวเองจนไม่ยอมให้ใครเห็นความอ่อนแอง่าย ๆ จนเกือบกลายเป็นพวกเก็บกด แต่นั่นก็ทำให้เธอไม่ร้องครวญจนน่าสมเพช
ยังไงมาดเทพจอมโหดที่ทระนงก็ดูดีกว่าแม่ผีพรายร้องโหยหวนขอส่วนบุญล่ะน่า
เขาลูบหลังปลอบเธอ ปล่อยให้ร่างบางซบไหล่กลั้นสะอื้นจนตัวโยนอยู่นาน กว่าที่เธอจะดันตัวออกแล้วก็เห็นกับดวงตาอ่อนโยนคู่นั้น
โอย...ขอเถอะ อย่ามองอย่างนี้เลยดรัณย์ หัวใจมันจะวาย ร้อยวันพันชาติเคยแต่กัด มาหวาน ๆ แบบนี้มันไม่น่าไว้ใจ
ดีขึ้นแล้วใช่ไหม ?
เสียงนุ่ม ๆ แบบนี้ก็อีก...เอาไปใช้กับคนอื่นเถอะไป๊
อยากจะพูดแบบนั้น แต่ตัวเธอในฝันกลับก้มหน้ารับอย่างว่าง่ายจนชลกานต์นึกอยากถีบตัวเอง โชคดีนะที่เสียงนาฬิกาสุดที่รักมาดังขึ้นก่อนทำให้ไม่ต้องอายไปมากกว่านี้
นั่งหน้ามุ่ยด่าตัวเองอยู่พักใหญ่ ๆ ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็วด้วยมือของคนต้นเหตุความฝันที่น่าอายนี้
ยายกานต์...ตื่นแล้วยังมานั่งจุมปุ๊กอยู่บนเตียงอีก เดี๋ยวสายขึ้นมาพี่แอนอาละวาดฉันจะฆ่าเธอ
เวรของกรรมไหมล่ะ ตัวเป็นคนทำให้เขาฝันแย่ ๆ แบบนั้นแท้ ๆ ยังมาว่ากันอีก
หรือที่ผิดพลาดจริง ๆ ไม่ใช่การที่เธอเลือกวิ่งผิดทางในฝัน แต่มันคงผิดตั้งแต่เลือกยายมนตราเป็นเพื่อนแล้วล่ะ
แต่เธอก็เปลี่ยนความคิดได้ทันทีเมื่อเพื่อนสาวเดินเข้ามาดึงผ้าห่มไปพับให้อย่างที่ทำเป็นประจำด้วยความเคยชินกับหน้าที่ที่ต้องดูแลเธอตั้งแต่มาพักคอนโดร่วมกัน ก็ไม่ใช่เพราะใครนอกจากชลกานต์เองล่ะที่ขู่เข็นแกมบังคับให้เพื่อนรักย้ายจากบ้านพักแถบชานเมืองมาคอนโดหรูใจกลางเมืองเพื่อเลี่ยงปัญหารถติด
หญิงสาวถอนใจยาวอย่างปลงตกเหมือนทุกครั้งที่นั่งหน้ามุ่ยกับความฝันในทำนองเดียวกันนี้ แล้วจึงพาร่างตัวเองเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวอย่างเป็นปกติ
หวังว่าคราวหน้าเธอคงไม่ฝันว่าถูกแฟนบอกเลิกร้องไห้ไปซบอกตานั่นหรอกนะ
จากคุณ :
Argent
- [
27 ก.พ. 50 21:28:19
]