ความคิดเห็นที่ 17
ตอนที่ ๖
ทิศทางที่เลือกเดิน
เฉินเฟิงตระเวนหามาเกือบหนึ่งชั่วโมงยังไม่เจอแม้แต่เงาสุนัขป่าสักตัว ไม่รู้เพราะจำนวนของมันมีจำกัด หรือถูกเขาไล่ฆ่าล้างบางจนชักจะหัวหดกันแน่
ตอนนี้เขากำลังมันสุดๆ กับการใช้หน้าไม้ ถึงยังไงลูกดอกเงินก็ไม่ได้แพงอะไรนักหนา แถมช่องใส่ของแต่ละช่องยังใส่ได้ตั้ง ๒๐ ดอก ถ้าจัดเป้เขี้ยวเหล็กไหลจัมโบ้ดีๆ ก็จะใส่ได้ตั้ง ๑๐,๐๐๐ ดอก ต่อให้ยิงไม่แม่นขนาดไหน ภายใน ๒๐ ดอกก็ต้องฆ่าได้สักตัวอยู่ดี
ในระหว่างนี้เฉินเฟิงก็ค้นพบว่า ทักษะธนูกับทักษะยิงรัวของเขาได้เลื่อนขึ้นเป็นระดับที่ ๕ แล้ว ทักษะขี่ม้าเองก็เลื่อนขึ้นเป็นระดับที่ ๕ อย่างรวดเร็ว แต่พอเลื่อนขึ้นถึงระดับที่ ๕ ก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่งอยู่แค่นั้น
ระหว่างไล่ล่า เขาจงใจเปลี่ยนอาวุธเป็นทวนยาว ใช้ประสานกับทักษะบุกทะลวงของซวงเว่ย ผลคือทักษะบุกจู่โจมกับบุกทะลวงก็เลื่อนขึ้นเป็นระดับที่ ๕ แล้วหยุดอยู่แค่นั้น ส่วนทักษะสื่อสาร หลังจากเปลี่ยนมาใช้ทวน ก็เลื่อนขึ้นเป็นระดับที่ ๔ แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว คิดว่าคงเกี่ยวข้องกับซวงเว่ยแน่ๆ ! นอกจากนี้ยังมีทักษะสังหารด้วยโทสะที่เลื่อนขึ้นเป็นระดับที่ ๒ แบบงงๆ
ขณะที่เฉินเฟิงสาบานไม่ขออยู่ร่วมฟ้ากับพวกสุนัขป่า พวกมือใหม่ในทุ่งหญ้าหม่างก็เพิ่มจำนวนขึ้นมาก เขาจึงต้องปล่อยกวางอูฐไป ไม่อย่างนั้นมือใหม่พวกนี้ไม่มีอะไรให้ฆ่ากันพอดี
ระหว่างตระเวนหาเรื่องสุนัขป่า เฉินเฟิงพบพวกมือใหม่ถูกสุนัขป่าไล่ล่าและยื่นมือเข้าช่วยอยู่หลายครั้ง แล้วได้รับทักษะใหม่มาอีกหนึ่งทักษะอย่างไม่คาดคิด
ปรากฏว่าช่วยคนก็เป็นทักษะด้วย คือทักษะ ช่วยชีวิต เป็นทักษะพื้นฐานของจอมยุทธ์พเนจร แต่เพราะมีคนให้ช่วยไม่มากเท่าไร ตระเวนอยู่ทั้งคืน ทักษะนี้ก็เลื่อนขึ้นแค่ระดับที่ ๒ เท่านั้น
นอกจากนี้อาจเป็นเพราะพวกผู้เล่นมือใหม่แอบกระจายชื่อของเฉินเฟิงต่อๆ กันไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ ทำให้ทักษะชื่อเสียงของเฉินเฟิงพลอยเลื่อนขึ้นไปด้วยอีก ๑ ระดับ
เฉินเฟิงไม่ทราบหรอกว่าในกาลต่อมา วิธีฝึกวิชาโดยการขี่ม้าลมกรดถือหน้าไม้ของเขาจะกลายเป็นรูปแบบมาตรฐานในการฝึกวิชาเลื่อนระดับของพวกมือใหม่ทั้งหลาย แม้บนเกาะเริ่มต้นจะไม่มีโรงรับฝากสัตว์เลี้ยง แต่พวกพ่อค้าหัวใสมองเห็นลู่ทางการตลาด จึงตั้งโรงให้บริการเช่าม้าขึ้นบนเกาะเริ่มต้นในไม่อีกกี่เดือนให้หลัง แถมยังเตรียมหน้าไม้ไว้ให้เช่าอีกต่างหาก แล้วหมุนเวียนกันส่งสมาชิกของสมาคมพ่อค้ามาให้บริการ กลายเป็นวิธีการฝึกวิชาเลื่อนระดับที่ได้ผลอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าพวกที่ซวยที่สุดในกรณีนี้คือสุนัขป่าในทุ่งหญ้าหม่างที่นับแต่นี้ไปจะกร่างไม่ออกอีกเลย...
ยังมีผู้ประสบเคราะห์พลอยซวยตามไปด้วยที่คาดไม่ถึงอีกหนึ่งราย คือหนอนเขียวเขี้ยวเหล็กไหลแห่งป่าสน ที่เปลี่ยนจากสัตว์อสูรที่ไม่มีใครกล้าไปตอแย กลายมาเป็นยาบำรุงสำหรับการฝึกวิชาไป เพราะเป้เขี้ยวเหล็กไหลจัมโบ้ที่มันจะระเบิดให้เป็นขุมทรัพย์ที่จะทำให้รวยได้ในชั่วข้ามคืนเลยทีเดียว แต่นี่เป็นเรื่องในภายหลังทั้งสิ้น
ของที่ได้จากการฆ่าสุนัขป่านับว่าดีใช้ได้ นอกจากแต่ละตัวจะให้เงิน ๓๐ - ๕๐ เหรียญเงินแล้ว ใน ๓ ตัวจะมีอย่างน้อย ๑ ตัวให้อัญมณีสีแดง ในจำนวน ๑๕๐ ตัวจะมีโอกาสได้รองเท้าบู้ทหนัง ๑ คู่ หลังจากปลดผนึกแล้วพบว่าสามารถเพิ่มความเร็วในการเดินได้ ๑๐% เป็นไอเท็มที่ผู้เล่นระดับต้นและระดับกลางนิยมกันมาก
แต่เฉินเฟิงไม่ได้เปลี่ยนไปสวมรองเท้าบู้ทหนังนั้น เพราะถ้าเปลี่ยนแล้ว ชุดเกราะไพธอนแดงก็จะไม่ครบชุด พลังป้องกันจะลดลงไปถึง ๑,๕๐๐ จุด หลังจากเทียบข้อดีข้อด้อยแล้ว เฉินเฟิงก็ตัดสินใจไม่เปลี่ยนรองเท้า
ตลอดคืนนั้น เฉินเฟิงฆ่าล้างบางสุนัขป่าไปได้เกือบ ๕๐๐ ตัว ได้เงินมา ๔,๐๐๐ เหรียญเงิน อัญมณีสีแดง ๓๐๐ กว่าก้อน รองเท้าบู้ทหนัง ๒ คู่ ใช้ลูกดอกไป ๑๐,๐๐๐ ดอก แค่เงินที่ได้มาเขาก็กำไรไปแล้วถึง ๒,๐๐๐ เหรียญเงิน สุนัขป่า ๑ ตัวให้ค่าประสบการณ์ ๒๕๐ จุด ค่าประสบการณ์สะสมจึงเพิ่มเป็น ๔๙๑,๑๕๐ จุด
รายรับก้อนใหญ่มหึมานี้ทำให้เฉินเฟิงหายโกรธเป็นปลิดทิ้ง แต่ระดับของซวงเว่ยนี่สิเลื่อนยากมาก เขาขี่ซวงเว่ยไล่ฆ่าสุนัขป่าทั้งคืน ระดับของซวงเว่ยยังเลื่อนขึ้นแค่ ๒ ระดับเท่านั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาทำผิดวิธี หรือเพราะต้องใช้ค่าประสบการณ์มากเกินไป
เมื่อกลับมาถึงเมืองเริ่มต้น ผู้คนก็ยังเยอะอยู่ เนื่องจากฮาร์ทจงใจเผยแพร่ชื่อเสียงของเฉินเฟิง ทำให้ทุกคนพลอยรู้กันหมดว่าเฉินเฟิงคือยอดฝีมือซื่อบื้อที่ทำเรื่องโจ๊กในช่องมวลชนคนนั้นนั่นเอง ทำเอาเฉินเฟิงโดนกองทัพมือใหม่แห่กันเข้ามารุมถามถึงวิธีฝึกวิชาเลื่อนระดับกันใหญ่ เฉินเฟิงได้แต่บอกวิธีฝึกในทุ่งหญ้าหม่างไป น่าเสียดายที่วิธีของเขาดันไม่เหมาะกับคนอื่น
ต้องทราบว่าที่ซวงเว่ยมาโผล่บนเกาะเริ่มต้นได้นี้ถือเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งทีเดียว หากคิดจะหาม้าลมกรดตัวที่สองบนเกาะเริ่มต้น ก็ได้รอกันเหงือกแห้งแน่ นอกจากนี้ถ้าคิดจะอาศัยความเร็วของธนูไม้ยาวไปสู้โดยไม่มีหน้าไม้เหล็กกล้า สุนัขป่าจะให้คุณได้ซาบซึ้งแน่ว่ามันดุขนาดไหน
หลังจากตอบคำถามเดิมๆ ให้มือใหม่ไม่รู้คนที่เท่าไร ทักษะชื่อเสียงของเฉินเฟิงก็เลื่อนขึ้นอีก ๑ ระดับ
พอลองไปดูที่เขตฝึกวิชา ก็พบว่าคนที่มาฝึกวิชาเลื่อนระดับเพิ่มจำนวนขึ้นมาก ยิ่งในทุ่งหญ้าหม่างด้วยแล้วยิ่งเบียดเสียดกันแน่นขนัด เฉินเฟิงที่ทั้งเบื่อและคอแห้งจึงกลับไปเดินเล่นในเมืองเริ่มต้น
คนกลัวโด่งดังสุกรกลัวอ้วน ขี่ซวงเว่ยเดินอยู่ในเมืองเริ่มต้นแบบนี้ย่อมจะถูกผู้เล่นคนอื่นรู้ว่าเขาเป็นใครอย่างไม่มีทางเลือก ใครใช้ให้เกาะทั้งเกาะตอนนี้มีม้าอยู่แค่ตัวเดียวคือซวงเว่ยกันเล่า ?
นอกจากตอบคำถามที่มีมาไม่จบไม่สิ้นแล้ว ก็มีมือใหม่หน้าด้านยิ่งกว่าคอนกรีตเสริมเหล็กบางคนมาตามตื๊อขอแบ่งเงินกับไอเท็มจากเฉินเฟิง
เฉินเฟิงไม่ใช่คนงก แต่เขามีหลักการว่าจะไม่ช่วยคนที่อยากได้อะไรมาฟรีๆ โดยไม่ขวนขวายเด็ดขาด สุดท้ายเขาก็จำต้องยอมจ่าย ๑๐๐ เหรียญเงินเช่าห้องของโรงแรมแล้วเก็บตัวอยู่แต่ในห้องอย่างไม่มีทางเลือก
เฉินเฟิงเก็บตัวอยู่แต่ในห้องในโรงแรมของเมืองเริ่มต้นทั้งวันจนแทบจับไข้ เขาออฟไลน์ออกจากเกมไม่ได้ เพราะไม่มีโรงรับฝากสัตว์เลี้ยง ดูท่าคงต้องร่นโครงการไปทวีปกู่ย่าเข้ามาเร็วขึ้นเสียแล้ว
เฉินเฟิงนึกขึ้นได้เรื่องที่เขามีนัดกับวิหารจันทราเทพและเลเอทท์ จึงจำต้องแวะไปที่อาคารเริ่มต้นกับคลังเก็บไอเท็มอีกรอบเพื่อเปลี่ยนเวลานัดกับคนทั้งสองโดยเลื่อนไปเป็นนัดเจอกันที่ทวีปกู่ย่า แล้วเลยฉวยโอกาสบอกลาด้วยเสียเลย
วันถัดมา เฉินเฟิงฉวยโอกาสที่คนบางตาลงแอบขี่ซวงเว่ยมุ่งหน้าไปที่ท่าเรือเริ่มต้น
เมื่อไปถึงท่าเรือเริ่มต้น และได้เห็นตารางออกเรือ เฉินเฟิงก็แทบเป็นลม เรือที่จะไปทวีปกู่ย่าออก ๒ วัน / ๑ เที่ยว ราคาตั๋ว ๒,๐๐๐ เหรียญเงิน ที่ทุเรศกว่านั้นคือ กระทั่งสัตว์เลี้ยงอย่างซวงเว่ยก็ต้องซื้อตั๋วด้วย แถมค่าตั๋วยังแพงกว่าคนเสียอีก ใบละตั้ง ๓,๐๐๐ เหรียญเงิน !
ที่เซ็งที่สุดคือ...เรือเพิ่งจะออกไปเมื่อ ๒ ชั่วโมงที่แล้ว !
ในที่สุดเฉินเฟิงก็ได้รู้ว่าทำไมเจ้าของคนก่อนของซวงเว่ยถึงได้ขายซวงเว่ยแบบลดราคาแหลกลาญ คนหนึ่งคนบวกม้าหนึ่งตัว ก็ต้องจ่าย ๕,๐๐๐ เหรียญเงิน ไปกลับหนึ่งรอบก็ต้องจ่าย ๑๐,๐๐๐ เหรียญเงิน ดังนั้นถึงตอนนั้นซวงเว่ยจะมีระดับตั้ง ๒๐ แล้ว แต่จะให้พากลับไปที่ทวีปกู่ย่าด้วยนี่ คำนวณยังไงก็ไม่คุ้ม
เขาพอจะจำได้รางๆ ว่ายังมีกลุ่มนักขนส่งด้วยเวทมนตร์ที่จะช่วยพาออกไปจากเกาะเริ่มต้นได้ หลังจากสอบถามตำแหน่งที่ตั้งแล้ว ก็หาจุดหมายพบที่ด้านข้างท่าเรือ นั่นคือสิ่งก่อสร้างลักษณะคล้ายกระโจมของชาวมองโกลหลังหนึ่ง
นักขนส่งนั่งพักผ่อนอยู่ข้างในอย่างเกียจคร้าน พอแลไปก็ไม่เห็นผู้เล่นเข้าออกแม้แต่รายเดียว หลังจากสอบถามราคาดู ก็ต้องขนหัวลุก
การจะใช้บริการจากกลุ่มนักขนส่งจำเป็นต้องได้รับคุณสมบัติเสียก่อน อัตราค่าขนส่งแปรผันโดยตรงกับระยะทาง หากจะข้ามมหาสมุทรต้องจ่ายค่าจ้างเพิ่มเป็น ๑๐ เท่า ดังนั้นหากคิดจะให้ส่งจากเกาะเริ่มต้นไปที่ทวีปกู่ย่า ค่าขนส่งที่ผู้เล่นแต่ละคนต้องจ่ายคือ ๓๐,๐๐๐ เหรียญเงิน ส่วนค่าขนส่งของสัตว์เลี้ยงคือ ๕๐,๐๐๐ เหรียญเงิน ตอนนี้เฉินเฟิงไม่มีเงินมากขนาดนั้น แต่ถึงจะมีเงินมากพอ เขาก็จ่ายไม่ลงอยู่ดี !
สรุปว่าเฉินเฟิงได้แต่คอตกกลับไปนั่งเรือตามเดิม เจ้าของเรือแนะให้เขาขายซวงเว่ยทิ้งไปเสีย พอไปถึงทวีปกู่ย่าแล้วยังต้องการใช้ก็ค่อยหาซื้อเอาใหม่ แต่เฉินเฟิงรู้สึกผูกพันกับซวงเว่ย แถมเขายังเป็นคนตั้งชื่อให้มันเองด้วย จึงได้แต่กล้ำกลืนฝืนใจซื้อตั๋วไป ๕,๐๐๐ เหรียญเงิน
ยังต้องรออีก ๒ วันเรือถึงจะมา เฉินเฟิงไม่อยากกลับไปที่เมืองเริ่มต้นอีกแล้ว เพราะถ้ากลับไป เขาก็ต้องเก็บตัวอยู่แต่ในห้องที่โรงแรม ไม่มีอะไรให้ทำ และเขาก็ไม่นึกอยากจะฝึกวิชาเลื่อนระดับอีก จึงได้แต่ไปเดินๆ ดูส่วนอื่นของเกาะ
ย้อนกลับมาถึงเนินเขาวายุจันทรา แถบนี้ผู้เล่นบางตาเป็นพิเศษ เฉินเฟิงเดินวนรอบเนินเขาไปหนึ่งรอบอย่างอยากรู้อยากเห็น ก็พบว่าที่นี่มีสัตว์อสูรแค่ชนิดเดียว แต่ระดับสูงไม่เบา หลังจากเปิดคู่มือสัตว์อสูรเทียบดูแล้วถึงได้รู้ว่านั่นคือ ปิศาจหิน ระดับ ๓๐ ซึ่งจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มโจมตีศัตรูก่อน
เฉินเฟิงไม่คิดจะอ่านวิธีโจมตีที่เขียนอยู่ในหนังสือ เพราะมีบทเรียนจากเรื่องหนอนเขียวเขี้ยวเหล็กไหลกับพฤกษ์ไพธอนสารหนูแดงอยู่ก่อน แต่เฉินเฟิงที่คิดว่าตัวเองสามารถท่องไปทั่วเกาะเริ่มต้นได้แบบสบายๆ ก็ต้องเจอของแข็งเข้าให้อีกรอบ เพราะถึงปิศาจหินจะไม่เป็นฝ่ายโจมตีศัตรูก่อน แต่ถ้าดันไปหาเรื่องมันเข้าหนึ่งตัว มันจะแห่กันมารุมไล่ล่าคุณทีละเป็นฝูงทันที
การยิงลูกดอกใส่ปิศาจหินแทบไม่ต่างอะไรกับยิงใส่แผ่นเหล็ก เพราะลดพลังชีวิตของมันได้แค่ ๕๐ จุดเท่านั้น แต่ถ้าพลาดโดนมันอัดเข้าหนึ่งหมัด พลังชีวิตของคุณจะหดวูบไป ๔๐๐ จุด นี่ล่ะมั้งสาเหตุที่ทำให้ไม่มีผู้เล่นคนไหนอยากไปแตะต้องมัน !
โชคดีที่เฉินเฟิงมีซวงเว่ยอยู่ด้วย ถึงสู้ไม่ได้ก็ยังหนีได้อยู่ ใช้วิธีสู้ไปพลางหนีไปพลาง หลังจากระดมยิงไป ๕๐๐ ดอก ก็ล้มมันได้หนึ่งตัวในที่สุด แต่ไอเท็มที่ได้เป็นอะไร เฉินเฟิงไม่มีโอกาสไปดูเหมือนกัน เพราะถึงปิศาจหิน ๕๐ กว่าตัวจะเคลื่อนไหวอืดอาด แต่พวกมันจะทุ่มหินใส่คุณ ถ้าถูกซัดเข้า พลังชีวิตจะหดหายไปโขทีเดียว
จากเนินเขาวายุจันทราหักเลี้ยวไปทางเหนือทะลุผ่านป่าสน จะถึงสถานที่ที่เฉินเฟิงคุ้นเคยที่สุด การต่อสู้ครั้งแรกของเขาเกิดขึ้นในป่าสนแห่งนี้เอง แต่นักรบจากกันสามวันต้องประเมินกันใหม่ เขาเล็งหนอนเขียวเขี้ยวเหล็กไหลที่พลัดหลงอยู่ตามลำพังตัวหนึ่ง กะจะระบายความคับแค้นที่ถูกปิศาจหินรุมรังแก
แต่เจ้าหนอนนี่ไม่เสียทีที่ถูกพวกผู้เล่นเกลียดขี้หน้า นอกจากน้ำลายที่กระเซ็นจะมีพิษแล้ว การระเบิดก่อนตายยังทิ้งความทรงจำไว้ให้อย่างลึกล้ำ
ยุทธวิธีสู้พลางหนีพลางที่เฉินเฟิงแสนจะภาคภูมิใจ พอเอามาใช้กับเจ้านี่ เขายังเกือบจะได้ไปเกิดใหม่ ถึงแม้ลูกดอกแค่ ๔๐ กว่าดอกก็เก็บมันได้แล้วก็เถอะ แต่ขนาดห่างตั้ง ๑๐ กว่าเมตร แรงระเบิดก็ยังดันมาถึงตัวได้อีก
ย่างสู่ที่ราบสันเขาทองคำ แทบจะเผลอเข้าใจผิดว่ามาถึงทุ่งหญ้าแอฟริกาหรือสวนสัตว์เปิดอย่างไรอย่างนั้น มองเห็นสัตว์ป่าประเภทที่มักอพยพย้ายที่อยู่ตามแหล่งน้ำกระจายกันอยู่เป็นกลุ่มๆ แต่ยังไงๆ พวกมันก็เป็นสัตว์อสูรที่ถูกสร้างขึ้นโดยคอมพิวเตอร์ พอผู้เล่นเข้าไปใกล้ มันก็หันมาโจมตีทันที แถมบางส่วนยังแห่กันเข้ามารุมทีละเป็นฝูงอย่างไม่มีการเกรงอกเกรงใจอีกต่างหาก
เฉินเฟิงเพิ่งจะย่างเข้าสู่ที่ราบแค่แป๊บเดียว ก็ถูกต้อนรับอย่างแสนจะอบอุ่นในทันใด ฝูงกระทิงป่า ๑๐ ตัวประกาศก้องว่าเขาบังอาจมาบุกรุกอาณาเขตของพวกมัน ถึงแม้พวกมันจะมีระดับแค่ ๒๐ แต่กองทัพมดกัดช้างตาย เมื่อต้องเผชิญกับฝูงกระทิงที่ควบตะบึงดาหน้าเข้าหา เขาก็ต้องให้เกียรติกันบ้างล่ะ
เฉินเฟิงที่มีระดับถึง ๓๐ ยังสะบักสะบอมแทบไม่รอด ไม่กล้าเขียมยาฟื้นพลังแม้แต่นิดเดียว พอปะทะกัน เขาก็ใช้ยุทธวิธีเดิม สู้พลางหนีพลาง กระทิงป่านอกจากจะหนังหนาอึดทนทานแล้ว การโจมตีจะโจมตีโดยใช้เขาขวิด แถมพลังโจมตีสูงจนน่าขนลุก
จากคุณ :
Linmou
- [
28 ก.พ. 50 17:50:49
]
|
|
|