เส้นทางลงเหว
วันที่ 1 ของเดือนคือวันที่พารนไม่ต้องไปทำงานแล้ว เขาอยู่บ้านดูแลแม่ มีความสุขที่อยู่กับครอบครัว หลังจากที่เครียดเรื่องงานมาตลอด
ในใจของเขามีกังวลและไม่สบายใจเรื่องของแม่ และเรื่องหางานใหม่ทำ เขารู้ว่า พ่อแม่ของเขาย่อมไม่ค่อยสบายใจไปกับเรื่องที่เขาตกงานเหมือนกัน ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นหนุ่มใหญ่แล้วน่าจะมีครอบครัว และควรมีหน้าที่การงานที่มั่นคงได้แล้วไม่ควรจะมาลุ่มๆดอนๆแบบนี้
ในขณะที่เศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้คงไม่ได้หางานกันง่ายๆเหมือนสมัยตอนเศรษฐกิจรุ่งโรจน์และที่สำคัญเงินเดือนในระดับผู้จัดการที่เขาได้รับก็ไม่ใช่ว่าจะไปหาได้ในเวลาอันรวดเร็ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ ในใจของเขามีความทุกข์เพราะตกงาน ไม่มีงาน ไม่มีเงิน เหลือแต่เงินเดือนที่เก็บไว้ใช้ยามข้างหน้าบางส่วนเท่านั้น
ยังมีอีกเรื่องที่เขาเป็นกังวล คือเรื่องคนรักที่เคยดีกับเขา จะยังดีกับเขาอีกนานแค่ไหน เขาย่อมวิตกเป็นธรรมดา เพราะ คนหนึ่งทำงานอีกคนหนึ่งอยู่บ้าน เธอจะเข้าใจเขารึเปล่า
ค่อยๆ คิดกันไปนะ ลองหางานใหม่ดูสิ หรือว่าจะทำเองดี แฟนของเขาเสนอแนะ เมื่อครั้งที่เขาบอกกับเธอเรื่องงาน
เพราะแฟนพารนเป็นคนทำงาน มีหน้าตาในสังคม คงไม่ต้องการบอกใครๆว่าแฟนตัวเองตกงาน ชายหนุ่มพยายามจะหางานทำและต้องเป็นงานในระดับเดียวกับที่เคยดำรงตำแหน่งอยู่ เขาเข้าใจความรู้สึกและความต้องการของคนรักของเขาดี
แต่ช่วงนี้ติดที่แม่ยังต้องการดูแลมากกว่าเดิม เพราะเมื่อวันก่อนแม่เป็นโรคติดเชื้อในกระแสโลหิต อาการหนาวสั่นไม่รู้สาเหตุ ที่บ้านทุกคนตกใจพาแม่เข้าโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน และอาการที่ตามมาจากรักษาแล้วคือมือสั่นไม่หาย ไม่ใช่เป็นเพราะหนาว แต่เป็นเพราะร่างกายไม่แข็งแรง และมาจากอาการติดเชื้อ หมอบอกว่าไม่แน่อาจมาจากสมองของแม่ ซึ่งไม่รู้ว่าเชื้อเล่นงานส่วนไหนของแม่บ้าง ช่วงนี้ต้องดูแลแม่อย่างใกล้ชิด เพราะดูแล้วไม่ค่อยดีเอาเลย
วันนี้พารนนั่งหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ ใช้งานอยู่ หันกลับมาที่แม่ซึ่งกำลังนั่งลงจากการไปเข้าห้องน้ำมา พี่สาวเรียกแม่ที่อาการไม่ค่อยสู้ดี เขาเดินไปที่แม่ เห็นแม่หน้าซีด ปากเขียว อาการนี้อาจเป็นจากการเข้าห้องน้ำแล้วหมดแรงก็ได้ เขาฉุดคิด และรีบบอกแม่
แม่ ไปโรงพยาบาลกันเถอะ เพราะหน้าซีด ไปให้เกลือแร่ สะหน่อยจะได้ดีขึ้นนะ เดี๋ยวกลับมานอนบ้านเรานะ ดีไหมแม่ ลูกชายเช็ดเหงื่อที่ใต้ขอบตาแม่
เขาเตรียมพาแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาล ไปกันหมดทั้ง 4 คน พ่อแม่ลูก เข้าไปพบหมอที่รู้จัก พยาบาลให้ไปรอที่ห้องฉุกเฉิน สักพักหมอมาถึงและพูดคุยกับพวกเขา อาการแม่ยังไม่ดีเท่าไร ต้องให้อ๊อกซิเจนช่วย
ตัวเขาเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน หลังจากบุรุษพยาบาลเชิญให้ญาติออกมารอข้างนอกก่อน เพราะเขาจะเจาะเลือดให้น้ำเกลือ พารนไม่ค่อยพอใจบุรุษพยาบาลเท่าใดนัก เพราะคนนั้นเจาะเส้นเลือดแม่แล้วแต่ไม่สำเร็จ น้ำเกลือไม่เข้า ต้องเจาะใหม่อีกที และคนนั้นให้ออกมาก็เพราะว่าคงเห็นว่าญาติจะตำหนิเขาในเรื่องบกพร่องต่อหน้าที่ของเขาเอง พารนจึงต้องฝืนเดินออกมาด้วยความไม่สบายใจอย่างมาก
เพียงแค่ช่วงแป็ปเดียวจริงๆ พยาบาล และหมอวิ่งกันทั้งห้องฉุกเฉิน พารนมองกลับเข้าไปเห็นเตียงแม่ถูกผลักให้มาอีกด้านของห้องและมีคนรุมกันเต็มเตียงของแม่ เขาวิ่งเข้าไปดู เห็นหมอและพยาบาลกำลังช่วยกู้การหายใจของแม่ หมอเรียก คุณป้า อยู่ไม่ขาดปากเพื่อให้คนไข้มีสติ และลืมตา ชายหนุ่มสีหน้าซีดเผือก ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่รู้อะไรเข้ามาสู่ห้วงความคิดของเขาในขณะนั้น พ่อและพี่สาวเข้ามาแต่อยู่ห่างจากตัวเขาออกไป
เวลาผ่านไป 5 นาที เหมือนเวลาผ่านไปช้ามากกว่านั้น ทุกคนที่ล้อมเตียงแม่ดูผ่อนคลาย และโล่งใจ หมอเดินมาหา และบอกเขาว่า
แม่หัวใจเต้นต่ำมาก ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว เมื่อกี้เรียกก็มีสติ ลืมตา หมอบอกแม่ว่า
ถ้าเข้าใจที่หมอพูดให้กระพริบตา แม่ก็กระพริบตา แสดงว่ายังรับรู้ เดี๋ยวจะให้ย้ายไปห้องไอซียู เพื่อดูอาการ
หมอรู้สึกไม่สบายใจเช่นเดียวกัน ทำให้ชายหนุ่มยิ่งกังวลมากยิ่งขึ้นเมื่อมองไปที่เตียงแม่ แล้วเห็นพยาบาลกำลังเตรียมการย้ายเตียงเพื่อลำเลียงผู้ป่วยไปยังห้องไอซียูที่อยู่ไปอีกด้านหนึ่งของตัวตึก
เตียงแม่ถูกเข็นผ่านออกมาจากห้องฉุกเฉิน เขาเดินเข้ามาเกาะข้างเตียงแม่ ผ่านทางเดินไป
แม่ นี่พารนนะ เขาเรียกแม่
ดูแม่สายตาอ่อนล้า มีลักษณะเหมือนอยากจะหลับ มือเขาจับมือแม่ไว้ กุมมือแม่เพื่อให้แม่รับรู้ และดูเหมือนมือแม่จับมือลูกชายเช่นกัน เป็นมือที่อบอุ่น ทำให้เขามีกำลังใจมากขึ้นกว่าเมื่อกี้
เตียงแม่ถูกเข็นมาถึงห้องไอซียูแล้ว ญาติถูกให้อยู่ด้านนอกของห้องเพื่อความสะอาด และความสะดวกของเจ้าหน้าที่ในการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆสำหรับหวัดคนไข้ ก่อนเรียกเข้าไปเยี่ยมได้ในขั้นตอนต่อไป เขาปล่อยมือแม่ มือที่แสนอบอุ่น สายตาแม่ลอยๆ และคล้ายกำลังจะหลับ เตียงถูกเข็นเข้าไปในห้องไอซียู และหายเข้าไปลับจากสายตา
จากคุณ :
อนันต์สิทธิ์
- [
28 ก.พ. 50 21:07:55
]