รุ่งอรุณฟ้าสางสว่างแล้ว
ลืมตาแป๋วหาวปากไม่อยากลุก
แต่รู้ว่าไม่นานแม่ต้องปลุก
จึงทนลุกขึ้นฝืนตื่นเสียเอง
มองทางขวาหาตะวันหันกลางทุ่ง
สายตาพุ่งสะดุดตรงจุดเผง
ผ่านทิวแถวมะพร้าวดูวังเวง
จ้องเขม็งดวงตะวันอันโสภา
สีสดสวยดวงใหญ่ไส้ในส้ม
สีแสดอมริบขอบรอบทิศา
เพ่งมองไปยังได้ไม่แสบตา
หากเวลาผ่านไปอย่าได้มอง
โอ้ตะวันนั้นหนาเหมือนมาเตือน
ให้เราเคลื่อนกายกลับขยับผยอง
สลัดความงัวเงียลืมตามอง
โดดลงคลองอาบน้ำตามเวลา
เจ้าปลาซิวปลาสร้อยตัวน้อยนิด
ยังมาคิดแต๊ะอั๋งตอดมังสา
หรือเห็นเราเป็นเพื่อนเล่นในธารา
จึงคิดมาหยอกเย้าให้เหงาทรวง
หากเรามีนารีเป็นที่หมาย
ให้หยอกได้เท่าไหร่ไม่คิดหวง
สมมติให้เจ้านั้นเป็นคู่ควง
เนื้อหลุดร่วงยังได้ให้เจ้ากิน
แต่ด้วยเหตุนั้นว่าเวลานี้
มีหน้าที่ต้องไปใจถวิล
ต้องจำจากสร้อยปลาในวาริน
เหมือนสูญสิ้นสวาทขาดนงคราญ
ทะลึ่งพรวดบัดดลขึ้นพ้นน้ำ
รีบทำตามกิจวัตรเจนจัดจ้าน
แต่งองค์ทรงเครื่องแบบชายชาญ
เครื่องเขียนอ่านสันทัดจัดครบครัน
อาหารคาวเช้านี้แสนดีเหลือ
ช่อนคลุกเกลือแล้วจี๑ ดีมหันต์
น้ำเคย๒ มีเก็บไว้แหมเข้ากัน
ข้าวสวยนั้นร้อนร้อนช้อนลืมตัว
หิ้วกระเป๋าก้าวเดินลงบันได
สองมือไหว้พนมก้มเหนือหัว
ลาพ่อแม่แต่ไกลอยู่ในครัว
บอกอย่ามัวช้าใยรีบไปเรียน
ครับพ่อแม่แน่แท้จะรีบไป
เห็นไวไวเพื่อนผ่านบ้านน้าเหวียน
กลัวเพื่อนไปไกลใกล้ถึงโรงเรียน
เราจึงเปลี่ยนเป็นวิ่งซิ่งให้ทัน
เหตุเพราะว่าต้องผ่านป่าบางหลน
อยากให้พ้นแนวป่าที่ขวางนั้น
เงียบสงัดเล่าลือน่าคร้ามครัน
ถึงตรงนั้นต้องวิ่งให้ผ่านไป
แม้แต่ไปเป็นกลุ่มหลายสิบคน
ยังไม่พ้นต้องวิ่งอกหวั่นไหว
ทั้งเช้าเย็นต้องทำทุกครั้งไป
เหตุอย่างไรทำกันแต่นั้นมา
เรื่องมันมีเล่าขานนานมาแล้ว
มีคนแถวละแวกนั้นเกิดปัญหา
ผูกคอตัวกับต้นไม้ในพนา
โดดลงมาเพื่อฆ่าให้ตัวตาย
โอ้อนาถวาสนานะชีวิต
ไม่มีสิทธิ์ป้องปกตนเองได้
ร่างสวมใส่อยากปลิดชีวาวาย
เจ้าต้องกลายเป็นเครื่องสังเวยชนม์
ทำไมหนาปัญหาเขามีอยู่
ไม่คิดดูให้ดีด้วยเหตุผล
นั่งตรึกตรองลองนึกที่ใจตน
อย่าเที่ยวด้นไปไกลแก้ใจอื่น
สติมีคิดให้ดีใช้ให้ถูก
อย่าให้ผูกเป็นเงื่อนแก้ฝืนๆ
ตั้งสติแล้วหลับชั่วข้ามคืน
พอลุกตื่นขึ้นมาปัญหาเดิม
ท่านบอกว่าสตินั้นสำคัญมาก
ใช้เป็นรากฐานความคิดความรู้เสริม
จากนั้นเกิดปัญญาเข้ามาเติม
ปัญหาเดิมแก้ได้ใช้ปัญญา
เรื่องคนอื่นพูดได้ไม่ลำบาก
เหมือนกาฝากถูกปลิดทิ้งภูผา
หากเกิดกับตัวเองเมื่อถึงครา
เหมือนพวกปลาไม่ตอดอย่าถอดใจ
อย่าได้คิดว่าปลาในวาริน
อยากเปลี่ยนกลิ่นเปลี่ยนรสหรือไฉน
ไม่เหมือนคนบางคนชอบเปลี่ยนใจ
อย่าได้ไปเที่ยวเปรียบเทียบกันเลย
หัวใจปลาจะมีสักกี่ห้อง
ไม่เที่ยวต้องไปหาคำเฉลย
รู้แต่ปลาไม่มีสิ่งชดเชย
พออิ่มเลยไม่ตอดอย่าถอดใจ
รู้แล้วว่าธรรมะประเสริฐสุด
อยากให้ผุดผ่องแผ้วสุขสดใจ
มีที่เดียวจริงจริงคือที่ใจ
ใช่ของใครของเราเกลาให้ดี
กราบขอยกคำกลอนพรอาจารย์
นามกล่าวขานพุทธทาสผู้ทรงศีล์
ไส้เดือนเขียนถึงมนุษย์คิดให้ดี
บนรอยดินบาทวิถีท่านกล่าวมา
รอยไส้เดือนเกลื่อนไปในผิวดิน
เป็นลวดลายหลายระบิลหลายท่วงท่า
มีความหมายว่ากระไรใครสงกา
หรือเห็นว่าไร้สิ่งน่าสนใจ
คือจดหมายไส้เดือนเตือนมนุษย์
ไม่รู้สิ้นรู้สุดมาแต่ไหน
ทั้งคืนวันขยันเขียนเวียนทำไป
มนุษย์อ่านหรือไม่ไม่อาวรณ์
มันพร่ำบอกพร่ำสอนพร่ำวอนว่า
พร่ำพรรณนาให้ระวังให้สังหรณ์
ว่าสรรพสิ่งเปลี่ยนไปไม่ถาวร
ทุกตอนอนิจจังอนัตตา
มันให้อัตถาธิบายหลายแสนอย่าง
อุทาหรณ์ต่างต่างครบถ้วนท่า
รอยไส้เดือนเกลื่อนทั่วพสุธา
ก็เพราะว่าไส้เดือนรักคนนักเอยฯ ๓
๑ ปิ้ง ย่าง
๒ แกง
๓ คำกลอน ภาพปริศนาธรรม ในโรงมหรสพทาง วิญญาณ สวนโมกขพลาราม
จากคุณ :
hita
- [
2 มี.ค. 50 22:31:34
]