บันทึกของคนเดินเท้า
.......ไม่ยากอย่างที่คิด
ในรอบปีหนึ่ง มีวันสำคัญทางพุทธศาสนาอยู่เพียงสี่วันเท่านั้น คือ มาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา
ความสำคัญของทั้งสี่วันนั้น ผู้อ่านทุกคนย่อมรู้มานานแล้วตั้งแต่เป็นนักเรียน ผู้ที่เป็นพุทธศาสนิกชน ต่างก็ตั้งใจปฏิบัติธรรมในวันสำคัญเหล่านี้ ด้วยวิธีการต่าง ๆ ตามความเชื่อหรือความสามารถของแต่ละคน
เริ่มตั้งแต่การสมาทานศีลห้า ศีลแปด หรือปฏิบัติวิปัสนากรรมฐาน อย่างน้อยก็ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน ฟังเทศน์ฟังธรรม เป็นต้น
ผมเองเมื่อยังรับราชการอยู่ ก็ตักบาตรทำบุญ รับศีลฟังธรรมไปตามโอกาส ส่วนชีวิตประจำวันก็ทำบาปไปตามปกติธรรมดา ฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อย โลภมากอยากได้แต่ไม่ถึงกับเป็นโจร นอกใจภรรยาตามโอกาสที่เขาเผลอ โกหกหรือพูดไม่จริงเยอะมากแต่ไม่เคยหลอกลวงใครให้เสียหาย ดื่มสุราเป็นอาจิณ
ครั้นพอเกษียณอายุราชการแล้ว ไม่ค่อยมีการเกี่ยวข้องกับผู้อื่นมากนัก นอกจากการเขียนหนังสือขาย โอกาสที่จะทำบาปก็น้อยลง
พอเกษียณมาได้สิบปี ก็รู้ตัวว่าเวลาในการทำชั่วน้อยลง และเรี่ยวแรงที่จะไปทำความชั่ว ก็น้อยลงเช่นกัน จึงคิดว่าอย่ากระนั้นเลย ลองพยายามละเลิกความชั่ว ที่ท่านระบุไว้ในศีลห้าข้อดูบ้างซิ ว่าชีวิตจะขาดรสชาติไปสักแค่ไหน
แต่ความที่เคยชินมาเป็นเวลานานมาก จึงต้องค่อย ๆ ลดลงทีละน้อยก่อน คือตั้งใจจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ในวันสำคัญทางพุทธศาสนาก่อน ปีหนึ่งก็มีเพียงสี่ครั้งเท่านั้น
ต่อมาก็เพิ่มเป็นวันอาทิตย์ ถ้าทำได้ตลอดปลอดโปร่ง ปีหนึ่งก็จะได้ทำบุญทำกุศลให้แก่ตนเอง ถึงห้าสิบกว่าครั้ง
คิดได้แล้วก็ลงมือทำ แต่ก็ไม่ค่อยครบ เพราะมีมารมาคอยขัดขวางอยู่เป็นประจำ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบัตรเชิญงานต่าง ๆ ที่มักจะจัดกันในวันอาทิตย์ ไม่ว่าจะเป็นงานวันเกิด งานอุปสมบท งานแต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ ฉลองในโอกาสต่าง ๆ หรืองานฌาปนกิจศพ
ถ้าขืนอ้างว่าฉันจะปฏิบัติธรรม เจ้าภาพก็คงจะกล่าวหาว่าบ้า จึงต้องยอมผ่อนผันไปบ้าง แต่ทุกสิ่งที่มีกติกา ถ้าสามารถละเมิดได้สักครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะอ้างเหตุความจำเป็นสักเพียงใด โอกาสที่ละเมิดในคราวต่อ ๆ ไปก็จะมีมากขึ้น
ดังนั้น ในปีที่ผ่านมาแล้ว ผมจึงปฏิบัติธรรมไม่ถึงสามสิบครั้งสักปีเดียว
การปฏิบัติธรรมที่คนส่วนมากเข้าใจนั้นก็คือ การนุ่งขาวห่มขาว ไปอยู่ที่วัดคืนหนึ่งหรือสองคืน ได้สวดมนต์ภาวนา รักษาศีลอุโบสถ ฟังธรรม เป็นต้น
แต่ท่านอาจารย์บางท่านบอกว่า ไม่ต้องเสียเวลาขนาดนั้นหรอก ปฏิบัติธรรมที่บ้านก็ได้ ขอให้มีสติระลึกอยู่ทุกขณะ อย่าผิดศีลก็ใช้ได้แล้ว
ผมเห็นว่าการรักษาศีลที่บ้านนี้ดูจะง่ายดี จึงรับเอามาปฏิบัติเป็นประจำทุกครั้งที่ตั้งใจปฏิบัติธรรม
ข้อที่หนึ่ง ไม่ฆ่าสัตว์ ข้อนี้หลายท่านบอกว่าทำยาก เพราะบ้านเรามียุง มด แมลงวัน ปลวก หนู งู เราก็ตั้งใจว่าจะไม่ฆ่ามันโดยเจตนาเป็นอันขาด แล้วทำให้ได้ ยุงกัดเราก็เอาผ้าปัด ๆ เอามือลูบ ๆ โดยไม่ตบผัวะ หรือจุดยากันยุงเพื่อไล่ให้มันไปพ้น ๆ เสีย ไม่ใช่เอาดีดีทีจ้องฉีดให้มันตายทั้งกลุ่ม หรือเอาไม้ไฟฟ้าไล่ฟาด จนมีเสียงดังเพียะ ๆ
สมัยนี้ห้องนอนส่วนใหญ่จะมีมุ้งลวด อาจจะมียุงเล็ดรอดเข้ามาเพียงสองสามตัว ปล่อยให้มันอาศัยอยู่บ้าง เสียเลือดไปไม่ถึงหยดมันก็อิ่มแล้ว
ส่วนมด แมลงวัน หรือปลวก ก็หายาสมุนไพรมาไล่ให้มันหนีไปเสีย หรือเอาชอล์ก กันแมลง มาขีดเขียนเป็นวง ไม่ให้มันเข้ามายุ่มย่ามกับของกินของใช้ของเราก็ได้ ส่วนหนูนั้นไม่ยาก ไม่ต้องใช้กับดักหรือกรงดัก หรือเอายางเหนียวมาล่อให้มันติดตัง เป็นที่น่าทุเรศเวทนา
เพียงแค่เลี้ยงแมวตัวสองตัว มันเดินวนรอบ ๆ บ้าน หนูก็หายไปหมดแล้ว
สำหรับงูนั้นถ้าบ้านไม่รกอย่างกับอยู่ในสวนก็ยากที่จะเจอมันอยู่แล้ว ถ้าเจอโดยบังเอิญ ก็เอาไม้เขี่ย ๆ ให้ไปทางอื่นเสีย เพราะมันก็ไม่ได้อยากจะอยู่กับเราสักเท่าไร
ไม่ถึงกับต้องเรียกเจ้าหน้าที่ป้องกันสาธารณภัย ให้มาจับเอาไปผัดเผ็ดหรอก
เมื่อไม่ฆ่าสัตว์แล้วก็พยายามไม่กินสัตว์ได้เป็นดี แต่ก็มีอาจารย์ท่านหนึ่งสอนว่า ไม่ควรยึดติดว่ากินเนื้อหรือกินผัก เรากินอาหารที่เขาปรุงมาเรียบร้อย เป็นแกงเป็นผัดแล้ว ไม่ได้เจาะจงว่าจะกินหมู วัว หรือไก่
ผมก็เลยไม่กินสัตว์อะไรที่มันเป็นตัว ๆ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา เป็นต้น ส่วนสัตว์ อื่น ๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจเกิดมาเป็นอาหารของมนุษย์ เช่น สมองลิง อุ้งตีนหมี หรือบ้องหางจรเข้ ฯลฯ เป็นอันว่าไม่ยุ่งด้วยเลย
ศีลข้อนี้ไม่ได้หมายถึงการฆ่าอย่างเดียว แต่ครอบคลุมไปถึงโทสะด้วย ความโกรธ ความเกลียด ความริษยา ความอาฆาต ความพยาบาท ความจองเวร ความหงุดหงิด ความหมั่นไส้ ฯลฯ ก็รวมอยู่ด้วย
วิธีแก้ก็ไม่ยากอะไร ยกเอาความเมตตา ปรารถนาให้เขาหรือมันพ้นทุกข์ และพยายามช่วยให้พ้นทุกข์ ความกรุณาปรารถนาให้เขามีความสุข และพยายามช่วยเหลือให้เขาได้รับความสุข ความพลอยยินดีด้วยเมื่อเขาพ้นความทุกข์หรือมีความสุขแล้ว ความวางเฉยเมื่อเห็นเขาได้รับความทุกข์ ที่เราไม่สามารถช่วยได้แล้ว
เห็นไหมล่ะ การรักษาศีลข้อหนึ่งไม่ยากเลย.......
ไม่ยากอย่างที่คิด..
จากคุณ :
เจียวต้าย
- [
3 มี.ค. 50 10:30:36
]