ความคิดเห็นที่ 1 ทว่า ความเป็นไปของประเทศก็ดำเนินไปไม่ ถึงสิบปี เหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สองก็เขยิบเข้ามา สู่ประเทศไทยระหว่างพุทธศักราช ( พ.ศ.  2482-2488) ประเทศไทย เป็นเป้าหมายถูกโจมตีทางอากาศ โดย เฉพาะในกรุงเทพมหานคร และ จังหวัดใกล้เคียง .............../25       สภาพสังคมในยุคช่วงหลังสงครามโลกครั้ง ที่สองเป็นสาเหตุทำให้บุคคลมีความลำบากในการศึกษา เป็นอย่างยิ่ง   จากการอพยพหนีสงคราม ทำให้การศึก- ษาในระดับต่างๆของบุคลากรในประเทศ เป็นไปอย่าง ทุลักทุเล มีการขาดการศึกษาเป็นช่วงๆ และ เรื่องสำคัญ........... /30 ของการอพยพหนีสงครามในยุค พุทธศักราช 2480 กว่า เป็นต้นมา ทำให้เกิดการพากเพียรพยายามที่จะศึกษา เพิ่มเติมด้วยตนเอง         ในยุคนั้น จะเห็นได้ว่า สตรีและเด็ก มีโอกาส "ถูกตัดตอน"การศึกษาลงอย่างน่าเสียดาย ............. /35       หลายท่านในยุคนั้น อาจต้องจบการศึกษาของ ตนลง นับแต่ ชั้นประถม มัธยมต้น และ มัธยมปลาย           ข้าพเจ้าจำได้ว่า ในยุคของข้าพเจ้า การจบ "มัธยมแปด"หรือต่อมาเรียกกันว่า " มัธยมศึกษาปีที่ห้า " และมาเป็น"มัธยมศึกษาปีที่ หก " หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ ............./40 หมายความจบชั้นมัธยมศึกษาสูงสุด นับเป็นมาตรฐาน การรับเข้าทำงานในยุคนั้น .... จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 4 มี.ค. 50 07:10:12 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ที่มาถึงวันนี้ อาจบอกได้ว่า ผู้นำธุรกิจและ กิจการสังคมหลายท่าน ในวงการสื่อสารมวลชนก็มี ใน วงการโฆษณาที่ข้าพเจ้าเคยรู้จักก็ดี จบการศึกษาระดับ ............./45 นั้นกันมาก เพราะในยุคดังกล่าวถือว่า การจบชั้นมัธยม บริบูรณ์ เป็นมาตรฐานการศึกษาเพื่อรับเข้าทำงาน         เฉกเช่นสมัยปัจจุบัน ในยุค พุทธศักราช 2550  การจบการศึกษาระดับปริญญาตรีถือเป็นมาตร- ฐานรับเข้าทำงานตามหน่วยราชการและบริษัทห้างร้าน ............./50   แต่ก็มีมากที่ขั้นปริญญาโท ถือเป็นพื้นฐานมาตรฐาน ในการรับ เข้าทำงาน กับหน่วยงานเอกชน จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 4 มี.ค. 50 07:17:44 ]

ความคิดเห็นที่ 3 02         ความยากลำบากในการพยายามที่จะ ผ่าน ระดับมาตรฐานการศึกษา เพื่อปูทางให้ตนเองมีอาชีพ มีรายได้เลี้ยงตัวในระดับสุขสบาย เป็นเป้าหมายการ .............../55 ดำรงชีวิตของประชากรไทยเช่นเดียวกับประชากรทั่ว โลก ที่มีเป้าหมายการหางานหาเงินเช่นเดียวกัน คนไทยอาจมีความยากลำบากในการกระ เสือกกระสนดิ้นรนเพื่อจุดหมายดังกล่าวน้อยกว่าหรือ อาจผาสุกกว่า ประเทศที่มีพลเมืองมากอย่างอินเดีย ................/60 หรือจีน   หรือมีพื้นฐานเศรษฐกิจลำบากกว่าไทยเช่น ลาว กัมพูชา และ เวียตนามในยุคนั้น           หากเข้าไปดูสถิติการจบการศึกษาของประ- ชากรไทยในระดับต่างๆ ที่สำนักสถิติแห่งชาติ .......จะ เห็นได้ว่า มาตรฐานของครอบครัวในยุคนี้ คือการ จบ ................./65 ปริญญาตรี เป็นเครื่องชี้ชัด แต่ก็มีมากที่บุคคลากรในครอบครัว สามารถ ทำได้เพียงการจบประโยคมัธยมศึกษาบริบูรณ์ ด้วยเหตุผลหลายประการ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 4 มี.ค. 50 16:05:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4          การจบประโยคมัธยมศึกษาสูงสุด ดังกล่าว ................/70 อาจไม่ได้ทำให้คนบางคนมีปัญหาในการดำรงชีวิต ตราบเท่าที่บิดามารดาปู่ย่าตายายของเขามีธุรกิจส่วน ตัว ดำเนินต่อเนื่องในวงศ์ตระกูลมาให้ลุกหลานทำต่อ ไปได้ทำให้มีเงินพอใช้มีที่อยู่อาศัย  สามารถมีเกียรติ ยศหน้าตาต่อไปได้ .............../75 แต่หากไม่มีปัจจัยดังกล่าว ในวันนี้ การจบมัธยมศึกษาบริบูรณ์จะทำให้ เขาต้องประสบภาวะวิกฤตขึ้นได้ในการดำรงชีพต่อไป ในระดับ"ชนชั้นระดับล่าง " เอาทีเดียว อย่างคำติดปาก ของผู้คนสมัยก่อนว่า "เสมียนเขียนตั๋ว"  กระเป๋ารถเมล์ ............../80 แม่ค้า พ่อค้า ตามถนนในตลาด ฯลฯ ในระหว่างประโยคมัธยมศึกษาดังกล่าว ประเทศไทยก็มีระบบการศึกษาอาชีวะศึกษา ขึ้นมาเพื่อช่วยให้มีการศึกษาต่อเนื่อง เป้นระบบ อย่าง ปวช และ ปวส ขึ้นมา และหลายสถาบันได้รับการอุป-............../85 ถัมภ์ ยกฐานะขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยในวันนี้ ในระยะ สามสิบปีที่ผ่านมา การศึกษานอกโรงเรียนได้เข้ามามีปัจจัย ส่งผลให้มีการศึกษาต่อเนื่องจากระดับประถมศึกษา สู่ มัธยมศึกษา จนถึง จบมัธยมบริบูรณ์ได้ ............../90 และในขณะเดียวกัน การเอื้ออำนวยให้เกิด การศึกษาต่อเนื่องในระดับอุดมศึกษา คือ การศึกษา ปริญญา ตรี  ก็ได้เกิดขึ้นจากการมีมหาวิทยาลัยเปิด อย่างมหาวิทยาลัย รามคำแหง และ มหาวิทยาลัย สุโขทัยธรรมาธิราช ซึ่งถึงปัจจุบันนี้ มีการเปิดสอน ............../95 ถึงระดับ ปริญญาเอก และ มีหลักสุตรการศึกษานานา ชาติด้วยเช่นกัน แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 50 16:09:31 จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 4 มี.ค. 50 16:06:59 ]

ความคิดเห็นที่ 5 03             อินเตอร์เน็ตเป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามามีบทบาท ต่อความต้องการเรียนรู้อิสระของมนุษย์ นอกเหนือไป จากการเรียนรู้ข้อมูลในสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อทางอากาศ ............../100 ทั่วไป เช่น วิทยุ  โทรทัศน์    สาระในการเรียนรู้จากแหล่งการศึกษา นอกโรงเรียนนี้ขึ้นอยูกับความสนใจส่วนบุคคลของผู้นั้น เอง อาทิเช่น สนใจในเรื่องงานอดิเรกก็มักจะเข้าไปค้นหา ข้อมูลในเรื่องดังกล่าว หรือมีความจำเป็นต้องการข้อมูล............../105 ดัานใดๆไม่จำกัด อินเตอร็เน็ตก็สามารถพาไปหาได้ แนวโน้มของผู้คนในประเทศที่จะเริ่มเมิน เฉยกับระบบการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาชนิดคัด เลือกสอบเข้าเฉพาะผู้ทำคะแนนสูงและคัดผู้ทำข้อ สอบได้คะแนนต่ำออกดูจะเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ............../110 แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 50 16:48:27 จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 4 มี.ค. 50 16:40:27 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แต่ทว่า ยังมีเยาวชนไทยอีกมากมายที่รู้สึก ไม่มั่นคงในชีวิต หากไม่ได้เข้าเรียนในระบบคัดเลือก สอบเข้าอยู่ ยังมีความรู้สึก "ต้อยต่ำ" อยู่บ้างในการที่ ไม่เลือกเข้าสอบระดับอุดมศึกษา  อาจเป็นเพราะสังคม ได้หลอมหล่อความรู้สึก เป็นเกียรติยศอย่างสูงที่สอบ ............../115 เข้ามหาวิทยาลัยของรัฐบาลได้ และ ผู้ที่สอบเข้าได้ ตามมหาวิทยาลัยเอกชนอื่นก็รู้สึกว่าตนเอง ดูเป็น นักศึกษาประเภทเกรดรองไป ความเป็นไปของสังคมในส่วนนี้ เนื่องจาก ครอบครัวของแต่ละครอบครัวไม่ได้ให้การศึกษาแก่ ............../120 เยาวชนในครอบครัว จึงรู้สึกมีปมด้อยและรู้สึกเป็น ภาวะวิกฤตในช่วงระยะการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยา ลัย ในระบอบอุดมศึกษาชาติปัจจุบัน อันมีผลกระทบ ไปถึง นักเรียนในระบบมัธยมศึกษาตอนปลายและ มัธยมต้น ที่มีเป้าหมายเช่นเดียวกันไปหมด ............../125 จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 4 มี.ค. 50 16:41:17 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีสิทธิ์ และอิสระที่จะศึกษา ในระบบหรือนอกระบบ ที่พึงมีคือ "ความมั่นใจในตนเอง ความเชื่อมั่นในตนเอง ความมีระเบียบวินัยในตนเอง และ ความมุ่งมั่นที่จะใฝ่รู้ ศึกษาตลอดชีวิต " ............../130 บทความต่อไปนี้จะช่วยให้ทุกคนเชื่อมั่น ในระบบการศึกษาอิสระ ซึ่งก็หมายถึง "ความเคารพ ตัวเองอย่างแท้จริง " หวังใจว่าเยาวชนชาติจะได้เข้ามาอ่านและ คิด และ เพิกถอนค่านิยมการแย่งชิงอย่างรุนแรงที่จะ ............../135 สอบเข้าระบบอุดมศึกษาไทยอย่างปัจจุบัน อย่างน้อย พ่อแม่ผู้ปกครองที่ได้อ่านจะได้ อ่านกรณีศึกษาที่น่าสนใจหลายกรณี และ เชื่อมั่นว่า ประเทศไทยกับระบบการศึกษานอกระบบและการ ศึกษาเสรี ไม่ได้ ด้อยกว่าการศึกษาในระบบแต่อย่างไร............../140 สำคัญที่ ต้อง " ทำใจ" " ให้เวลา " เพราะ เป้าหมาย ของมนุษย์ คือ การศึกษาตลอดชีวิต เพื่อความเป้น มนุษย์ที่สมบูรณ์ ไม่ใช่เพียงเพื่อได้ใบปริญญาไปหา งานและ หาเงินเท่านั้น         หวังใจว่า จะไม่มีกรณี "ฆ่าตัวตาย" หรือ "เศร้า ............../145 สลดใจหมดหวังในชีวิต จนวิปลาสไปในระยะนี้ ด้วยความปราถนาดีจากผู้เขียน tiki_ทิกิ อาทิตย์ ๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐ เรือนนนทบุรี ประเทศไทย. ............../150 จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 4 มี.ค. 50 16:41:40 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เข้ามาอ่านค่ะ ค่านิยมเกี่ยวกับ การศึกษา=การประสบความสำเร็จในชีวิต ตามความคิดเห็นของตัวเองเชื่อว่าจริงทุกประการ เพราะการศึกษาในความหมายที่คิดเองคือการเรียนรู้ตลอดเวลา มิได้จบแค่หลักสูตรที่ใครต่อใครจัดเตรียมไว้ให้ ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆ มาให้อ่านค่ะ จากคุณ : wayo - [ 4 มี.ค. 50 18:05:40 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยครับ............................................... ความต้องการเรียนรู้อิสระของมนุษย์  และ....... เป้าหมายของมนุษย์ คือ การศึกษาตลอดชีวิต เพื่อ...... ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ จากคุณ : dicky5 - [ 4 มี.ค. 50 23:44:10 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ : wayo คุณ : dicky5 Thanks for coming, I will copy and Paste what I wrote yesterday, if I had time; There's something coming into my comp last nite that halted  it breaking down ,Just cured it and recover file back this morning, Anyway, Education it the wholelife Process to nurture life , wisdom and spirit. Thanks for coming, I'll find my way to type thai in a moment, bye. จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 5 มี.ค. 50 14:03:48 ]

ความคิดเห็นที่ 11 บทที่ 2 การศึกษาเพื่อความรู้เพิ่มเติมอีกแขนงหนึ่ง 2.1 นิสิตวิศวะจุฬากับการเรียนบริหารธุรกิจเพิ่มเติม ช่วงหนึ่งที่ข้าพเจ้าลงเรียนที่มสธ. ต้องไป นั่งสอบที่โรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม ระหว่างรับประทาน อาหารกลางวันและ ติวข้อสอบให้ตัวเองอยู่นั้น ก็มีหนุ่มน้อย............./155 คนหนึ่งยกจานอาหารมานั่งรับประทานด้วยตรงข้าม จึงมีการยิ้มให้กันและทักทายกันบ้าง                ได้ทราบว่า เขากำลังเรียนอยู่ที่คณะวิศวกรรม ศาสตร์จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย แต่ขณะเดียวกัน ก็มาลง เรียนวิชา วิทยาการจัดการ กับ มสธ ไว้ด้วย ............./160         เมื่อถามว่าเหตุใดจึงมาเลือกเรียนวิชานี้ที่ มสธ เขาก็ตอบว่า เขาต้องการเรียนวิชาที่ใช้ประโยขน์ ในการทำงานในอนาคต เพราะวิชาวิศวกรรมที่เขาเรียน อยู่ก็เพียงแค่วิชาชีพ แต่ไม่ได้หมายความถึงการบริหาร ธุรกิจ เหมือนวิชาวิทยาการจัดการที่มสธ มีให้ ............./165 อีกอย่าง ด้วย ค่าเล่าเรียนไม่แพง(ในวันนั้น) เขาจึงเลือกลง เพราะไม่หนักอะไรนัก  และ ที่ดีอีกคือ วันที่ลงสอบในแต่ละวิชาเป็นเสาร์อาทิตย์ เขาจึง สะดวกที่จะเรียนมาเรื่อยๆ จนถึงปีสามของมสธ เช่น เดียวกับที่เขาเรียน คณะวิศวจุฬาปี 3 ในปีนั้น ............./170 คงไม่ต้องถามอีกว่า เหตุใดเขาจึงเลือก เรียนที่ มสธ เพราะสองคำตอบนั้น ก็พอเพียงให้เห็นว่า นิสิตผู้นั้นมีความมั่นใจในการศึกษาเพิ่มเติมควบคู่ของ เขาเพียงใด จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 6 มี.ค. 50 07:30:19 ]

ความคิดเห็นที่ 12 2.2  อัยการกับการเรียนต่างสาขาวิชา ............./175 ในช่วงที่ข้าพเจ้าเปลี่ยนสาขาจาก วิทยาการ จัดการ เข้าไปเรียนสายนิเทศศาสตร์ที่ตนเองทำงานอยู่นั้น ก็ปรากฏว่าได้พบประธานกลุ่มของตนทำงานเป็นอัยการ อยู่ สำนักงานอัยการแห่งหนึ่ง                       อันที่จริงก็มีผู้มีชื่อเสียงโด่งดังอีกหลายท่าน............./180 ที่จะกล่าวถึงภายหน้า แต่ การเรียนเพิ่มเติมของแต่ ละท่านก็มีกรณีที่น่าสนใจอยู่           อาทิเช่น ท่านอัยการดังกล่าว ท่านเป็นนัก นิติศาสตร์ อยู่กับกฎหมายมานาน แต่วันหนึ่งท่านต้อง มีรายการทีวีที่จะต้องบอกกล่าวประชาขนเรื่องตัวบท ............./185 กฎหมายต่างๆ   วิธีการที่ท่านจะบอกสาธารณะชนด้วย คำศัพท์กฎหมายยากๆ ก็ยากสำหรับท่านในการที่จะนำ เสนอให้เป็นของง่าย ท่านจึงตัดสินใจเข้าเรียนวิชาการ นิเทศศาสตร์สาขาวิทยุโทรทัศน์ต่อเนื่อง   และ ได้เข้าไป เรียน ประสบการณ์วิชาชีพรุ่นเดียวกันในช่วงนั้น ............./190 สำหรับข้าพเจ้าที่ในครั้งกระโน้นมีอาชีพ ในการเขียนสคริปต์ ทีวี วิทยุอยู่แล้ว เห็นเป็นเรื่องง่าย แต่พอเอาจริงเข้าให้ปฏิบัติถูกต้องตามทฤษฎี ก็ไม่ง่าย เท่าใด ความเป็นครีเอทีฟว์มากเกินไป ทำให้จินตนาการ เลยเถิด  เหมือนกับพวก"ชาล้นถ้วย"ทั้งหลาย ............./195 จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 6 มี.ค. 50 07:34:45 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ส่วนท่านอัยการ ความที่ลักษณะงานอาชีพ ของท่านทำอะไรตรงมากเหมือนไม้บรรทัด การใช้ภาษา ระบอบระบบราชการไม่มีการยืดหยุ่น เยิ่นเย้อ ดูท่านก็ต้อง ปรับตัวใน  วิชาดังกล่าวมากหมือนกัน  การเขียนสคริปต์ให้มี สีสันลีลามากดูเป็นเรื่องยากของท่าน แต่ก็เห็นท่านผ่าน ............./200 ภาคปฏิบัติไปได้เเป็นอย่างดี ท่านที่มีอายุทั้งหลาย อย่าท้อใจที่จะไปเรียน เพิ่มเติม เพราะจากตัวอย่างคนหนุ่ม และ คนมีอายุที่ไปเข้า เรียนนอกระบบ กับมหาวิทยาลัยเปิดท่านนี้ ก็อายุ เฉียดๆ หกสิบแล้วในครั้งกระนั้น แต่ท่านก็ยังไปเรียนและเข้า ............./210 กลุ่มกับพวก เด็กวัยรุ่นบ้าง หนุ่มสาวบ้าง  กลางคนบ้าง อย่างพวกเราได้ ด้วยตำแหน่งหน้าที่ระดับ "ท่านรอง" อย่างท่าน  ด้วย ปริญญาระดับปริญญาโททางรัฐศาสตร์ ของท่านที่มาเรียน ท่านก็มาเรียนได้เพื่อจะรับวิชาใหม่ๆ............./215 อันเอื้ออำนวยต่องานอาชีพ ไม่มีใครแก่เกินวัยสำหรับการเรียนระบบ เปิด อย่างที่นั้น จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 6 มี.ค. 50 07:36:03 ]

ความคิดเห็นที่ 14 2.3 นักวิทยุโทรทัศน์ระดับศาสตราจารย์ เป็นเรื่องน่าทึ่งอย่างมากที่การเข้าไปเรียน ............/220 ที่มหาวิทยาลัยเปิดในวันเก่าๆของข้าพเจ้า ได้มีโอกาส พบเห็นตัวจริงๆของท่านผู้มีประสบการณ์ในการ"พากย์" พิธีการของรัฐ ระดับประเทศ เข้าไปเรียนเพิ่มเติม ท่านอาจารย์มหาวิทยาลัยท่านนั้น ท่านมี ชื่อเสียงในด้านอักษรศาสตร์ และ ประวัติศาสตร์อย่าง ............/225 ดีเยี่ยม  การได้เห็นท่านออกทีวีบ่อยๆเพื่อบรรยายพิธีการ งานที่องค์ประมุขประเทศเสด็จในงานพระราชพิธีต่างๆ มาตลอด ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกใจที่เห็นท่านเข้าเรียนที่คณะ นิเทศศาสตร์ มสธ. ด้วย แต่การที่ได้เห็นท่านในวันนั้น ก็รู้สึกดีใจ ............/230 ที่คนรุ่นใหม่ ที่เป็นอาจารย์ มีตำแหน่ง ศาสตราจารย์ ยอมรับกับตัวท่านเองว่า เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน แต่มิใช่ ทุกด้าน และ การหาความรู้เพิ่มเติมเช่นนั้นเป็นสิ่งที่น่า ยกย่อง อย่างยิ่ง  เพราะระดับท่านจะไปเรียนปริญญา เอก หรือ โท ที่ใด ไม่ได้เป็นปัญหา ............/235 จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 6 มี.ค. 50 07:37:15 ]

ความคิดเห็นที่ 15 %%~~~~~~~~~~~~~~~ แต่ท่านกลับเลือกที่จะไปลงเรียนวิชา นิเทศศาสตร์ สาขาวิทยุโทรทัศน์ กับ มสธ.ท่านลงวิชา ภาคปฏิบัติ  ลงกระบวนการตั้งแต่การประชุมคัดเลือก เรื่อง ระดมสมอง ทำBrainstorm  ทำแผนงานปฎิบัติ ไปจนถึงเข้าร่วมการถ่ายทำงานต่างๆในกลุ่มของท่าน ............/240 เป็นสิ่งที่เมื่อเห็นแล้ว นึกนิยมท่านยิ่งขึ้นกว่าเดิม   เห็นท่านชัดๆอีกครั้งวันที่ไปร่วมรับ ปริญญาจากพระหัตถ์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ นึกดีใจที่ มีอาจารย์รุ่นใหม่ในวงการศึกษาไทยที่เห็น คุณประโยชน์การศึกษาเพิ่มเติมต่อเนื่องในกระบวน ............./245 การศึกษาระดับเปิดเช่นนั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องเขียนนามท่าน ขอ อนุญาตสงวนนามท่านไว้ เพราะอีกหลายท่านจากนี้  ขอให้เป็นกรณีที่น่าภาคภูมิใจในการศึกษาระบบต่อ เนื่องของไทย ไว้เท่านี้เป็นพอ ................/250 จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 6 มี.ค. 50 07:38:00 ]