อ่า..สวัสดีอีกครั้ง
เอิ่ม..รู้สึกว่า..เรื่องของตัวเองมีผู้อ่านแบบยืดๆ หดๆ T^T
จากครั้งที่ ๑
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5137071/W5137071.html
ได้ทำลายกำลังใจ (ไปบางส่วน) เนื่องด้วยจำนวนผู้อ่านอันกระจิริด
จวบจนครั้งที่ ๒
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5173989/W5173989.html
ทำให้เราดีใจน้ำตาไหลพราก
กับจำนวนผู้อ่านที่เพิ่มขึ้น
แต่เมื่อครั้งที่ ๓
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5183749/W5183749.html
กลับมาที่ผู้อ่านและคอมเม้นท์ ๒ ท่าน โอ้..มายพระพุทธเจ้า
เฮ้อ..เอาเหอะ
ยังไงเราก็จะยัง (พยายาม) ลงต่อไป
ป.ล. ในบล็อกยังลงไม่ได้ เพราะระบบยังไม่เข้าที่เข้าทาง
ครั้งที่ ๔ (จบแล้วนา)
ค่ะ ศุกร์หน้านี้มีนก็จะย้ายกลับไปแล้วล่ะค่ะพี่ น้ำตอบผมด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เจ้าตัวกำลังรดน้ำต้นไม้ ผมจึงไม่สามารถจับสังเกตจากสีหน้าหรือแววตาได้ว่าน้องสาวของผมกำลังรู้สึกอย่างไรอยู่
ย้ายมาเรียนที่นี่แค่เทอมเดียวเนี่ยนะ? ผมถามต่ออย่างงุนงง
ก็เทอมกว่านะพี่ จริงๆ มีนเค้าย้ายมาตั้งแต่ปลายสิงหาของเทอมหนึ่ง ก็เทอมกว่าแล้วแหละ เพียงแต่มีนเพิ่งมาสนิทกะน้ำตอนปลายเทอมน่ะ เอ..น้ำว่าเหมือนเคยบอกพี่ไปแล้วนะ เจ้าตัวบ่นปิดท้ายการแก้ความเข้าใจผิดของผม เห็นมีนบอกว่า แม่เค้าอยากให้กลับไปเรียนที่เดิม เค้าบอกว่า..น่าจะเหมาะกับมีนมากกว่า
ประโยคท้ายเจ้าตัวเสียงเบาและดูอึดอัดซึ่งทำให้ผมเข้าใจสิ่งที่ซ่อนอยู่ได้ จากนั้นน้ำก็นิ่งเงียบจนกระทั่งรดน้ำต้นไม้เสร็จ เจ้าตัวจึงไปปิดก๊อกน้ำก่อนจะมาจ้องหน้าผม
พี่ดินจะถามถึงทำไม? พี่ก็ไม่ได้คิดอะไรกับมีนไม่ใช่เหรอคะ น้ำเสียงกึ่งไม่พอใจนั้นทำให้ผมต้องถอนหายใจยาว
ก็พี่ได้ข่าวมาจากพายน่ะ ก็เลยมาถามดู ผมตอบไปตรงๆ น้ำอึ้งไปนิดก่อนจะพูดเหมือนถามตัวเอง
แล้วพี่พายรู้ได้ไง?
น้องของพายเค้าเรียนอยู่ที่เดียวกับเราน่ะสิ ประโยคนั้นทำเอาน้ำเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ พี่ก็เพิ่งรู้เหมือนกันน่ะแหละน่า... แล้วนี่เราจะเลี้ยงส่งเค้าหรือเปล่า?
คำถามนั้นทำเอาน้ำอึ้งอีกคำรบ ท่าทีลังเลกับคำตอบ
ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ยังไม่ได้คิดอะไรกันเลย มีนเค้าก็ยุ่งๆ เรื่องการทำเอกสารย้ายที่เรียนอยู่ น้ำก็เลยไม่ได้คุยเรื่องนี้ พูดถึงตรงนี้สีหน้าเจ้าตัวสลดลง หลังๆ นี้น้ำก็ไม่ได้คุยอะไรกับมีนเท่าไหร่เหมือนกัน ตั้งแต่รู้ว่าเค้าจะย้ายกลับไปน่ะ มีนเองเค้าก็เหงาๆ เงียบๆ
ผมสะเทือนใจกับอาการเศร้าสร้อยนั้น หากทำได้เพียงเอื้อมมือไปดึงน้ำให้นั่งลงข้างๆ ก่อนจับหัวเล็กๆ โยกเบาๆ แต่ไม่สามารถเอ่ยอะไรเพื่อปลอบใจได้
ถ้าน้ำจะจัดปาร์ตี้เลี้ยงส่งให้มีนที่บ้านเรา พี่ดินจะว่าอะไรมั้ยอะคะ น้ำพูดขึ้นมาหลังจากเช็ดน้ำตาให้แห้งดีแล้ว
พี่จะไปว่าอะไรหละ อยากจัดก็จัดสิ มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกแล้วกัน
แล้วพี่ดินจะอยู่มั้ยอ้ะ? น้ำเสียงนั้นกึ่งขอร้องกึ่งคาดคั้น ผมชะงักขณะสบตาแดงระเรื่อของน้องสาว นะคะ..มีนคงอยากให้พี่อยู่ อยู่ในฐานะพี่ของน้ำก็ได้ มีนเค้ารู้สึกดีกับพี่มากๆ นะพี่ดิน มีนเค้าคงรู้สึกดีขึ้น..บ้าง ถ้าได้เจอพี่ก่อนย้ายไป
อือม์ ผมพยักหน้าในที่สุด ซึ่งทำให้น้ำยิ้มอย่างดีใจ หากแต่ในใจผมกำลังสับสนอย่างที่สุดว่าตัดสินใจถูกหรือเปล่า...
ไม่เป็นไรหรอกพี่ พายเข้าใจ ประโยคอ่อนเบานั้น ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นสบตาพาย หลังจากที่ได้แต่จ้องไปที่โต๊ะตลอดการบอกเล่าเรื่องทั้งหมด ดวงตาโตมีแววของความเอื้ออาทรและรอยยิ้มนั้นทำให้ผมใจชื้นขึ้น
ดีแล้วล่ะพี่ อย่างน้อยมีนเค้าก็จะได้ความทรงจำดีๆ เพิ่มขึ้นบ้าง เป็นพายเอง พายก็คงอยากเจอพี่สักครั้งก่อนที่จะจากไป เพราะไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกมั้ย พายยังคงระบายยิ้ม ก่อนจะเอื้อมมาจับมือผมและบีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ พี่ดินเองก็ทำสิ่งที่พี่เห็นว่าควรทำเถอะ พายเชื่อว่าพี่รู้ว่าควรทำอะไรแค่ไหน
น้ำเสียงหนักแน่นย้ำประโยคท้าย ทำให้ผมรู้สึกตื้นตันจนต้องเอื้อมมืออีกข้างไปเกาะกุมมือพาย
ขอบคุณนะพาย
ขอบคุณเรื่องอะไรค้า? เจ้าตัวทำเสียงล้อ ไม่ต้องมาทำซึ้งเลย เอาเป็นว่า..ถ้าพี่นอกลู่นอกทางนะพายจะเจี๋ยนเลย
ประโยคท้ายเจ้าตัวเอานิ้วชี้ของมือข้างที่ว่างทำท่าปาดคอประกอบ ใบหน้าเอาจริง แต่ดวงตาพราวนั้นก็ทำให้ผมหัวเราะออกมา
ผมรักเธอจริงๆ ครับ...
แต่แล้วงานเลี้ยงส่งมีนก็ไม่ได้เกิดขึ้น
มีนปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่าเธอไม่สะดวกและนั่นก็ยิ่งทำให้น้ำดูเสียใจมาก ผมจึงได้แต่ฝากหนังสือเล่มที่ผมกับพายช่วยกันเลือกไปให้ และทำการ์ดโดยด้านหนึ่งวาดรูปร้านหนังสือของพี่อ้ายด้วยสีน้ำ ขณะที่อีกด้านก็เขียนอวยพรโดยลงท้ายเป็นชื่อผมเพียงคนเดียว ทั้งที่ตามจริงแล้วผมอยากเขียนชื่อพายไปด้วย หากแต่พายปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่ามันคงดูไม่เหมาะสมนัก
และนับแต่นั้นมีนก็หลุดวงโคจรไปจากชีวิตผม ส่วนน้ำเองก็เหงาได้อยู่ไม่นานนักก็กลับมาร่าเริงเป็นปกติกับเพื่อนกลุ่มเดิมๆ ของเธอ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าน้ำยังติดต่อกับมีนหรือไม่ อย่างที่บอก..เรื่องไหนผมไม่สนใจ ผมก็ไม่จำเป็นต้องใคร่รู้มิใช่หรือ?
การเปิดเทอมที่มาพร้อมกับสถาบันและสถานะนิสิตใหม่ของผม ทำให้ผมสนุกกับการใช้ชีวิตที่ดูเหมือนเป็นอิสระยิ่งกว่าเดิมมากมาย การอยู่หอกับเพื่อนๆ เป็นครั้งแรกทำให้ผมได้เจอกับชีวิตอีกหลายรูปแบบที่ผมไม่เคยได้รับรู้ในสมัยเรียนอยู่มอปลาย ไม่ว่าจะเหล้า การพนัน ฯลฯ แต่แน่ล่ะ...ผมเพียงแต่เป็นผู้สังเกตการณ์ ทว่าก็ไม่ได้รังเกียจเพื่อนที่สนิทกับสิ่งเหล่านั้น
เทอมแรกของการเป็นนิสิต ผมกลับบ้านแทบทุกอาทิตย์ เนื่องจากมหาวิทยาลัยของผมนั้นอยู่ห่างจากจังหวัดผมเพียงนั่งรถประจำทางประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น และความคิดถึงที่ผมมีต่อพายนั้นทำให้ผมต้องกลับไปหาเธอ ไปพูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ ในช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเพื่อไม่ให้รู้สึกว่ามีความเหินห่างระหว่างเรา
แต่เมื่อผมเรียนครบสองเทอม ก็เป็นเวลาเดียวกับที่พายสอบเทียบจบ (รุ่นผมกับพายยังสอบเทียบได้) และเอ็นทรานซ์ติดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในคณะที่เธอเลือกเป็นอันดับหนึ่ง ผมใจหายไม่น้อย หากแต่ไม่คิดจะรั้งพายไว้ ด้วยรู้ว่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นมหาวิทยาลัยในฝันของพายมาแต่ไหนแต่ไร
ในช่วงเทอมแรกของการเรียน ผมกับพายยังติดต่อกันอยู่อย่างสม่ำเสมอ เราโทร.หากันอาทิตย์ละหน เขียนจดหมายอย่างสม่ำเสมอตามประสาคนรักกัน หากแต่เมื่อเข้าสู่เทอมสอง ด้วยการเรียนที่หนักหนาสาหัส กิจกรรมของคณะที่ผมเริ่มเป็นตัวหลัก ทำให้ผมเริ่มมีเวลาน้อยลงให้กับความรักและคนรัก พายเริ่มตัดพ้อผมทางโทรศัพท์บ่อยขึ้น ท้ายที่สุดเมื่อผมเลี่ยงการรับโทรศัพท์เพราะไม่อยากทะเลาะกับเธอบ่อยครั้งเข้า พายเองก็พลอยห่างหายกับการโทรศัพท์หาผมไปด้วย แต่แน่หละ..ผมมีเรื่องอื่นต้องสนใจมากกว่าเรื่องนี้นี่นะ ไหนจะเรื่องเรียนเอย..กิจกรรมเอย..
แล้วก่อนปิดภาคเรียนที่สอง หนังสือเล่มหนึ่งก็ถูกส่งมาพร้อมกับจดหมายในกระดาษสีฟ้าอ่อน
พี่ดิน
ในที่สุดพายก็หาหนังสือเล่มนี้ให้พี่ได้
แต่..กลับไม่ใช่เป็นการให้ด้วยความรู้สึกอย่างที่พายเคยอยากให้พี่เมื่อคราวนั้น
พายเคยคิดว่าเราสองคนเป็นเหมือน missing piece ที่มาพบกันและเติมเต็มให้กัน
พายไม่คิดว่า วันหนึ่ง เราต่างฝ่ายต่างมีเวลาที่ เติบโตขึ้น และไม่สามารถกลิ้งไปด้วยกันได้อีกแล้ว
พายเสียใจนะคะพี่ พายไม่เคยคิดว่าเรื่องของเราจะกลายเป็นอย่างนี้...
ไม่รู้..ว่าพี่จะเชื่อพายหรือเปล่า
แต่พายไม่ได้รักพี่น้อยลงเลย
หากแต่..ในวันนี้ พายเข้าใจแล้วว่า ความห่างไกลมันมีผลต่อความรักมากมายแค่ไหน..มันมาก - -อย่างที่พายไม่เคยคาดคิดว่ามันจะมีผลกับเรื่องของเราขนาดนี้
....
พายคิดอยู่นานเหลือเกิน กว่าที่จะเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมา
พายเฝ้าแต่ถามตัวเองว่า..พายคิดมากไปหรือเปล่า รู้สึกมากไปหรือไม่ อ่อนไหวมากไปหรือไร ถึงได้รู้สึกว่า พี่ไม่ใช่พี่คนเดิมที่พายเคยรู้จัก
ขณะเดียวกัน พายก็รู้สึกว่า พายคงไม่ใช่คนเดิมที่พี่เคยรู้จักและ รัก อีกแล้วเช่นกัน
....
พายไม่อยากให้เรื่องของเราจบลงอย่างนี้เลย - - แต่พายก็ไม่รู้ว่าพายจะยื้อมันไปทำไม
เมื่อเห็นอยู่ชัดเจนว่า ท้ายที่สุดแล้ว...
ระหว่างเรา - -อย่างไรมันก็คงต้องจบลงแบบนี้ในสักวันหนึ่ง
....
พายเพียงหวังว่า..ระหว่างเรา จะยังคงมีความทรงจำที่งดงามให้กัน และยังยิ้มได้เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา
พาย
ผมค่อยๆ พับจดหมายสอดไปที่หนังสือเรื่อง การเดินทางของส่วนที่หายไป ก่อนที่จะเริ่มต้นอ่าน ความคิดที่จะเดินทางไปหาเพื่อขอโอกาสอีกครั้งของผมหมดลงทันทีเมื่ออ่านหนังสือเล่มนั้นจบ
เพราะหนังสือเล่มนั้นคือเหตุผลที่ผมไม่สามารถปฏิเสธได้ และทำให้ผมเข้าใจว่า เกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา
และเรื่องของผมกับพาย..ก็จบลงอย่างนั้น- - ง่ายๆ แต่เจ็บปวดมากมายเหลือเกิน...
นับแต่เลิกกับพายเป็นต้นมา ผมก็ไม่ได้คบกับใครอย่างจริงจังอีกเลย ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาปีกว่าแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่มีใครผ่านเข้ามา เพียงแต่ทุกครั้งผมก็รู้สึกว่าระหว่างผมกับเธอเหล่านั้นมักมีกำแพงกั้นระหว่างเราอยู่เสมอ ทำให้ผมไม่สามารถที่จะรักใครได้อย่างที่เคยรักพาย
ใครกันหนอที่กล่าวว่า คนเราไม่เคยลืมรักครั้งแรก แต่ทำไมไม่บอกเล่าว่า..มันทำให้รักใครไม่ได้เลยอีกด้วย...หรือจะเป็นเพียงผมคนเดียวกัน?
....
แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 50 15:34:28
จากคุณ :
มีนเมษ
- [
5 มี.ค. 50 15:26:00
]