Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เรื่องตลกของโชคชะตา : ร้านนี้ชื่อ “ขนมเค้ก”

    ตอนที่ 23 ร้านนี้ชื่อ “ขนมเค้ก”

    ซองสีครีมเล็กๆ สองซองวางซ้อนกันอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องนอนของณนนท์ซึ่งเฌลลียึดเป็นที่ทำการในทุกครั้งที่ต้องมาที่บ้านนี้ ใบแรกเขียนหน้าซองว่า “สำหรับน้านนท์” และใบที่สอง “สำหรับพี่แป้น” ภายในซองเป็นการ์ดขนาดกระดาษร้อยปอนด์สีเดียวกับซองพิมพ์ตัวอักษรทองว่า

    เรียนเชิญพี่น้องที่รักของ แจนกับหนึ่ง
    ร่วมแสดงความยินดีในการเปิดร้านเบเกอรี่ของเราสองคน

    “ทำไรแป้น แอบอ่านจดหมายคนอื่นเหรอ” ณนนท์เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ หลังจากอาบน้ำสระผม

    “คนอื่นที่ไหน หน้าซองก็เขียนไว้ว่าสำหรับพี่แป้น ว่าแต่ ทำไมสองคนนั้นเปิดร้านก่อนแต่งงานล่ะ ไหนบอกว่าจะแต่งก่อนค่อยเปิดร้านไง”

    “จะไปรู้มันเรอะ ผมไม่ได้เป็นคนแต่งนี่ อยากรู้ก็โทฯ ไปถามเองดิ เชื่อมสัมพันธไมตรีกันแล้วไม่ใช่เหรอ เห็นคุยกันถูกคอนี่”

    “แล้วเค้าเปิดร้านกันวันที่เท่าไหร่” เฌลลีดึงการ์ดออกมาดูอีกที

    “เฮ้ย วันนี้นี่ แกทำไมไม่บอกฉันตั้งแต่เนิ่นๆ”

    “แล้วมันจะต่างกันตรงไหน วันนี้หรือ วันไหนคุณก็หน้าแป้นเหมือนเดิมนั่นแหละ”

    “หูย ปาก...”

    “ไปอาบน้ำ ชักช้า เดี๋ยวก็ให้ขับรถตามไปเองหรอก” สิบนาทีต่อมา เฌลลีก็นั่งหน้าแป้นอยู่ข้าง ณนนท์ด้วยชุดสวยที่สุดที่เธอมี

    “อยากรู้ใช่ไหมว่าทั้งคู่รักกันได้ยังไง นั่งเงียบๆ ห้ามพูดห้ามถามแล้วผมจะเล่าให้ฟัง”

    “ฉันสวยไหม”

    “บอกแล้วไงว่าห้ามพูดห้ามถาม เดี๋ยวลืมพอดี... สวย สวยกว่าปกติ สวยจนเกือบจำไม่ได้ ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนคงจีบไปแล้ว”

    “ไอ้บ้า”

    “ฟังป่ะ ถ้าฟังก็หยุดพูด”

    -------------------------

    ริมทะเลเกาะช้าง จังหวัดตราดของประเทศในวันพระจันทร์เต็มดวง สองสามปีที่ผ่านมา

    “โหวววว มานั่งอาบแสงจันทร์อยู่ตรงนี้เอง เดินหาแทบขาลากทั่วหาด”

    “มาไมอ่ะ น้านนท์”

    “เอ๊า ก็มาตามกลับที่พักดิ เดี๋ยวเกิดเดินลงน้ำหายไปโผล่อีกทีกลางทะเลก็แย่ดิ เฮ้ย นี่ริอ่านดื่มเบียร์เหรอ เป็นเด็กเป็นเล็ก เดี๊ยะๆ”

    “ยุ่งน่ะ”

    “อ่ะแน๊... เพราะคนที่เดินมาตามไม่ใช่พี่หนึ่งใช่ไหมล่ะ” เท่านั้นเอง น้ำตาที่เพิ่งหยุดไหลก็นองหน้าอีกครั้งปานทำนบพัง

    “เฮ้ยๆ จะร้องทำไมเนี่ย หยุด หยุดร้องสิโว้ย ได้โปรด เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าเค้าจะหาว่าพี่ทำมิดีมิร้ายเราหรอก บอกให้หยุด...ฮ่วย” พอมุกนี้ใช้ไม่ได้ ไม้ตายสุดท้ายก็ถูกงัดขึ้นมาใช้ทันที

    “พีรพงษ์ว้อยยยยยย มาเก็บยัยแจนหน่อยมันจะฆ่าตัวตาย” คนที่ยืนค้ำหัวอยู่ยังขี้เล่น อย่างอารมณ์ดี แต่ก็เหมือนนิยายน้ำเน่าเพราะเจ้าของชื่อที่ถูกกล่าวถึงกำลังเดินตรงมายังทั้งคู่พอดี

    “พายัยนี่กลับที่พักด้วยนะ ท่าทางจะเมา เราไปล่ะ” เขาสรุปสั้นง่ายไม่เปิดโอกาสให้ใครได้ตอบรับหรือปฏิเสธ

    น้องแจน... เป็นพนักงานในบริษัทเดียวกับที่เขาทำงานอยู่ เธอได้รับฉายาว่าน้องขนมเค้กจากคนทั้งบริษัทเพราะเธอชอบทำขนมเค้กเป็นชีวิตจิตใจ และเธอมักจะใช้ความสามารถในการคาดเดาเป็นพิเศษว่า เพื่อนร่วมงานคนไหนชอบกินแค้กรสอะไร ในวันเกิดของเขาผู้นั้นก็จะรับเค้กปอนด์ใหญ่จากเธอเป็นของขวัญทุกรายไป หลังจากบริษัททำกำไรได้เกินกว่าที่คาดหมายก็ให้โบนัสกับพนักงานโดยการจัดทริปไปเที่ยวทะเล ซึ่งหนึ่งในผู้ร่วมทริปก็คือน้องเค้กคนนี้

    “ก็น้านนท์น่ะ นอกจากจะกะล่อน เจ้าชู้ แล้วยังปากเสียด้วย แจนไม่ชอบหรอก” เธอบอกเขาอย่างตรงไปตรงมาหลังจากที่ใช้เค้กเป็นตัวเชื่อมและใช้เขาเป็นสะพานข้ามไปมาหาสู่กับเพื่อนสนิทของเขานานนับปี แต่ก็ไม่เห็นวี่แววว่าหมอนั่นจะชอบยัยขนมเค้กขึ้นมาสักที ณนนท์เคยถามเอาตรงๆ กับเพื่อนสนิทว่าคิดยังไงกับยัยเด็กหน้าตลกคนนี้

    “เฮ้ย หนึ่ง เราถามนายจริงๆนะ นายคิดยังไงกับยัยขนมเค้กเนี่ย”

    “คิดในเรื่องไหน” พีระพงษ์เป็นเพื่อนสนิทของเขา ซึ่งเป็นสถาปนิกหนุ่ม พูดน้อย เงียบขรึม มีโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยสุงสิงกับมนุษย์หน้าไหนถ้าไม่จำเป็น และเขาก็ไม่เข้าใจว่ายัยน้องเค้กมาหลงรักหมอนี่ตรงไหน หน้าตารึก็หล่อไม่ได้ครึ่งเขาสักนิด เขาไม่รู้ว่าอะไรสิงใจน้องขนมเค้กให้หลงไหลได้ปลื้ม ชื่นชม ชื่นชอบ และหลงรักพีระพงษ์อย่างหัวปักหัวทิ่ม

    “ก็เรื่องความรัก เราเห็นยัยเนี่ยเพียรพยายามที่จะเอาใจนายมาก มีที่ไหน ทำเค้กมาให้กินทุกวัน ถ้าเป็นเรา คงไขมันขึ้นสมองตายไปแล้ว”

    “ผมก็ไม่เห็นจะต้องไปทำร้ายจิตใจเค้าเลยนี่ เค้าทำมาให้ด้วยความรู้สึกดีๆ เมื่อก่อนผมไม่ค่อยชอบกินเค้กกับกาแฟ แต่ตอนนี้ผมก็รู้สึกว่ามันอร่อยดีเหมือนกัน”

    “นายชอบเธอใช่ไหมล่ะ”

    “ชอบแบบไหน แบบคนรักละก็ไม่...” ประโยคนี้เองที่น้องขนมเค้กเบรกตัวเองแทบหัวทิ่มหลังจากที่ได้ยินเต็มสองรูหู ขณะที่เอาข่าวมาบอกว่าทางบริษัทพาไปเที่ยวเกาะช้าง

    และประโยคนั้นนั่นเองที่ทำให้เธอต้องมานั่งน้ำตานองหน้าริมทะเลในวันนี้ น้ำตาที่รินอาบแก้มสวย เหมือนไข่มุกยามต้องแสงจันทร์ และมันก็ไหลพรากอีกครั้งเมื่อได้ยินประโยคตอกย้ำจากชายหนุ่มปากร้ายที่เพิ่งเดินจากไป

    “จะกลับเลยไหม หรือจะเดินเล่นก่อน” เขาไม่ได้รอคำตอบ แต่นั่งลงข้างๆ เธอ มีเพียงเสียงคลื่นที่โยนตัวเป็นจังหวะสม่ำเสมอเท่านั้นเป็นเพื่อน

    “ไม่สบายใจเหรอ” พีระพงษ์ไม่ใช่คนช่างถาม และโดยปกติเขาก็ไม่ใช่คนช่างพูด จึงไม่แปลกที่ใครๆ ก็มักคิดว่าเขาเป็นคนที่เข้าใจยาก เข้าถึงยาก น้อยครั้งนักที่เขาจะพูด และยิ่งกับคนที่เขาไม่มีความจำเป็นจะต้องพูดด้วยแล้ว พีระพงษ์ก็มักจะหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้าด้วยโดยเจตนา

    และเขาก็เพิ่งจะมาสังเกตเห็นว่ามี “น้องขนมเค้ก” อยู่ในวงโคจรของชีวิตก็ตอนที่มีขนมเค้กกล่องเล็กๆ มาวางที่โต๊ะทำงานในทุกเช้า เขาไม่หาที่มาที่ไป และมันก็ลงถังขยะในหลายวันของช่วงแรกที่เขาได้รับ จนกระทั่งณนนท์มาบอกว่ามีคนตั้งใจทำขนมเค้กมาให้เขานั่นแหละ เขาถึงได้ลองชิม... แต่เขาก็ไม่เคยเจอเธอ ไม่รู้ว่าคนทั้งบริษัทใครคือผู้หญิงที่ชอบทำขนมเค้กคนนั้น จนผ่านไปถึงสองอาทิตย์ในวันเกิดของณนนท์เพื่อนสนิทของเขา เธอทำเค้กส้มปอนด์ใหญ่มาให้เป็นของขวัญ เขาจึงได้รู้ว่าฉายาน้องขนมเค้กมาจากไหน

    “ไม่ได้เป็นไรค่ะ”

    “จะเล่าให้พี่ฟังก็ได้นะ” เขาง้มหน้างุด ร้อยวันพันปีก็ไม่เคยที่จะเป็นที่ปรึกษาให้ใคร แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาพูดไปแบบนั้น หญิงสาวเอียงคอ มองหน้า... น้ำตาเธอยังไหลนองทั้งสองแก้ม

    “ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ แค่คนที่แจนรักเขาไม่ได้รักแจนเท่านั้นเอง”

    “ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกันนะ ที่เราจะรักคนที่เราไม่รัก”

    “ใช่ค่ะ ถ้าเขาไม่รัก ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่ต่างจากตักน้ำไปเทถมทะเล แจนขอโทษนะคะ แจนคงทำให้พี่หนึ่งรำคาญ”

    “เรื่องอะไร”

    “แจนได้ยินพี่คุยกับพี่นนท์ก่อนที่จะมาที่นี่ พี่ไม่ได้ชอบแจนแบบคนรัก”

    “อ้อ....”

    “คราวนี้แจนจะไม่รบกวนพี่หนึ่งอีกแล้วล่ะค่ะ”
    “ประโยคที่ว่าก็คือ ชอบแบบไหน แบบคนรักละก็ไม่...นั่นใช่ไหม? มิน่า ตอนนั้นได้ยินเหมือนเสียงใครวิ่งชนประตูด้วย... ที่จริงในความคิดของพี่ตอนนั้นสำหรับแจน พี่ก็คิดว่ายังไม่ใช่ความรักเพราะยังไม่ได้รู้จักกันมากสักเท่าไหร่ คงต้องเรียนรู้ใจกันอีกสักพัก อาจจะคิดแบบคนรักได้น่ะนะ แต่ดูเหมือนแจนจะฟังยังไม่จบ แล้ววิ่งก่อนใช่ไหม?”

    “ก็แจนคิดว่า... พี่หนึ่งไม่ชอบแจนนี่คะ”

    “วันหลังลองทำบานาฟฟี่เค้ก มาให้ชิมบ้างนะ”

    ------------------------------------

    รถเลี้ยวเข้าจอดในซอยไม่ห่างจากถนนใหญ่นัก บ้านชั้นเดียวหลังเล็กสีครีม ดูอบอุ่นตั้งอยู่ในท่ามกลางตึกสูงคอตั้งบ่าใจกลางกรุง ด้านหน้ากรุกระจกใสบาง ประตูไม้กรุกระจกแขวนกระดิ่งดินเผาผูกโบว์สีสวยเหมือนในหนังฝรั่ง ภายในบริเวณบ้านเป็นสวนเล็กๆ ตกแต่งด้วยโต๊ะเก้าอี้ไม้สีขาว สามชุด มีแจกันดินเผาปักเบญจมาศดอกโต  เสียงเพลง Dancing in the Moonlight ของ Top loader ดังแว่วมาจากด้านใน และทันทีที่เปิดประตูเข้าไป กลิ่นหอมของขนมปังอบ กลิ่นเนย ลอยกรุ่นทั่วร้าน พื้นที่ภายในร้านมีโต๊ะเก้าอี้อีกสามชุดเท่ากับด้านนอก ป้ายงดสูบบุหรี่ เมนูเครื่องดื่มและรายการของขนมบางชนิดตั้งอยู่บนขาหยั่งมีเฟรมผ้าใบเขียนด้วยพู่กัน และบริเวณติดกระจกด้านหน้าเป็นชั้นวางขนมประเภทต่างๆ ของร้าน อาทิ บานาฟฟี่เค้ก เอแคลร์ เค้กส้ม โรลมะนาว แต่ที่มีพิเศษเพิ่มขึ้นคือ โต๊ะบุฟเฟ่ต์ของอาหารหลากหลายชนิด ซึ่งจัดสำหรับแขกที่มาในงานวันนี้

    แต่ที่เซอร์ไพรส์เฌลลีมากที่สุดคือ  ป้ายที่แขวนอยู่ข้างผนังที่ทำด้วยขนมปังเป็นรูปหัวใจ มีชื่อของสองหนุ่มสาวเจ้าของร้านอยู่ตรงกลาง ท้ายลงมามีคำว่า “งานแต่งงานของเรา”

    “แกๆ เห็นป้ายบนหัวน้องเค้กไหมน่ะ เขาเขียนว่า งานแต่งงานของเรา มันแปลว่าอะไร”

    “ไม่รู้สิ ผมก็เข้ามาพร้อมคุณนี่”

    “พี่แป้นหวัดดีค่า...” เสียงน้องเค้กมาถึงก่อนตัว เธอมาในชุดสีขาวสายเดี่ยว ลูกไม้ระบายยาว มีผ้าคลุมลูกไม้สีขาวห่มไหล่

    “อ่า พี่มาผิดงานหรือเปล่าน้องแจน”

    “ไม่ผิดหรอกค่ะน้านนท์ วันนี้แจนกับพี่หนึ่งเปิดร้านขนมแล้ว ที่เหลือเป็นเซอร์ไพรส์” เสียงเพลง Once in a lifetime ของ Enigma ดังขึ้นเป็นเพลงต่อมา

    “แจนขอตัวรับแขกเดี๋ยวนะคะ พี่ๆ ตามสบายเลยนะคะ มุมโน้นเป็นเครื่องดื่ม แล้วก็อาหาร วันนี้บุฟเฟ่ต์ค่ะ อ่ะ พี่หนึ่งมาตามแล้ว ขอตัวนะคะพี่ๆ”

    “วันนี้น้องสาวผมสวยมั้ย” อีตาสมศักดิ์ (จุ๋ม) อีกแล้ว... อีตานี่คงถนัดเล่นบทเซอร์ไพรส์เสียเต็มประดาเพราะทุกครั้งที่เจอหน้ามักจะเป็นความบังเอิญ หรืออย่างน้อยก็ ไม่คิดว่าจะได้เจอในสถานที่นั้นๆ

    “สวยกว่าที่ฉันคิด”

    “สวัสดีคุณน้านนท์ นะครับผม เราไม่สนิทกันนักแต่ผมคิดว่าในไม่ช้านี้เราจะสนิทกัน เหมือนที่ผมสนิทกับเชลซี”

    “ฉันกลายเป็นทีมฟุตบอล ก็ยังดีกว่าหอยล่ะนะ”

    “ได้ข่าวคุณหมอผาเมืองบ้างไหม” เขาหันกลับมาคุยกับเธออีกครั้ง

    “ส่งข่าวเป็นระยะค่ะ ว่าแต่นี่ตกลงงานแต่งงานหรืองานเปิดร้านขนมคะ”

    “ทั้งสองอย่าง”

    “ไม่บอกตั้งแต่แรกว่างานแต่งงาน จะได้แต่งตัวให้สวยกว่านี้”

    “ยังคิดว่าจะสวยได้มากกว่านี้อีกเหรอ” ประโยคนี้เป็นคลื่นแทรกจากณนนท์ แล้วเขาก็เดินยักย้ายไปกับเพลง Last Kiss ของ Pearl Jam หยิบแก้วไวน์แดงและว้อดก้าตรงมายังทั้งคู่

    “เนเธอแลนด์ไม่ดังเรื่องไวน์ แต่คุณควรลองดู เพราะมันจะทำให้คุณเมานิ่มๆ ได้เหมือนกัน” ณนนท์ยื่นแก้วไวน์ให้เฌลลี ขณะที่ตัวเองจิบว้อดก้าแล้วขอตัวเดินดูรอบร้าน ปล่อยให้เฌลลียืนคุยกับมิสเตอร์สมศักดิ์สองคน

    “ความรักของคุณเดินทางไปถึงไหนแล้ว”

    “ตอนนี้น่ะเหรอ เหมือนนกพเนจรร่อนถลาแล่นลม ความเป็นเพื่อนของเราอาจจะมีกว่าที่จะทำให้เขารู้สึกกับฉันเป็นอย่างอื่นไปได้”

    “โว้ว... แต่สายตาเขาไม่ได้บอกอย่างนั้น ผมมั่นใจสองล้านเปอร์เซ็นต์ เขาหึงคุณที่มายืนคุยกับผมอย่างสนิทสนมแบบนี้”

    “ตานั่นน่ะเหรอ ไม่มั้ง” สายตาของเฌลลียังจับอยู่ที่ร่างสูงของเพื่อนชาย

    “หรืออย่างน้องเค้าก็หึงผม ถ้ารู้ว่าผมไม่ได้ชอบเพศตรงข้าม ฮ่ะๆ”

    “บ้า...” เฌลลีฟาดเข้ากลางหลังจนอีกฝ่ายแทบสำลักว้อดก้า

    “ผมแค่ล้อคุณเล่นน่ะ ผมลองมองตาเขาดูแล้ว เขาไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดหรอกน่า ถึงแม้ผมจะอยากให้เป็นก็เถอะ หึหึ”

    “ถ้าคุณยืนยันอย่างนั้นฉันก็ดีใจ เพราะตั้งแต่ฉันรู้จักกับหมอนั่นมาหลายปี เค้าแตะต้องชั้นแค่ตอนตบไหล่ ดีดหน้าผาก แล้วก็เตะก้นฉันน่ะ”

    “แสดงว่าความรักของคุณเดินทางมาไกล... เป็นความรักที่ โหด มัน ฮา ดี” เฌลลีไม่ต่อความคำพูดของสมศักดิ์

    เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าระหว่างเธอกับณนนท์ จะจบลงอย่างไรด้วยซ้ำ…/

    ตอนก่อนหน้านี้ค่ะ

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5183081/W5183081.html

    จากคุณ : ดาริกามณี - [ 8 มี.ค. 50 18:16:21 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom