เขาว่ากันว่า ทุกสิ่ง...ย่อมมีครั้งแรกของมันเสมอ
และในชีวิตของฉัน...วันนี้ก็คงเป็นวันที่รวบรวมเอาความเป็นครั้งแรกของประสบการณ์หลายอย่างอยู่ในวันเดียว
ตัวอย่างแรกที่พอจะยกขึ้นมาเล่าได้ ก็เห็นจะเป็น...
วันนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นแม่เถียงกับพ่อ...แล้วแพ้
และก็ในตอนนั้นเองที่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นแม่ล้มลงทั้งๆ ที่กำลังยืนอยู่
จากนั้นฉันก็ได้นั่งรถพยาบาลเป็นครั้งแรก และในขณะที่ฉันกำลังนั่งอยู่บนรถพยาบาลนี้ ฉันก็ได้เห็นพ่อ...ร้องไห้เป็นครั้งแรก
ฉันนั่งมองพ่อกุมมือของแม่เอาไว้อย่างเงียบๆ น้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายของพ่อ ทำให้ฉันเกิดความรู้สึกประหลาดใจนิดๆ
พ่อ...รักแม่มากขนาดนี้เชียวหรือ ทั้งๆ ที่ทะเลาะกันออกจะบ่อยขนาดนั้นเนี่ยนะ
หลายครั้งที่ฉันต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะเสียงพ่อกับแม่ทะเลาะกัน พอฉันยื่นหน้าออกไปดู ท่านก็จะเงียบกันไปสักพักเหมือนนักมวยกลับเข้ามุมของตัวเอง แต่พอประตูห้องนอนของฉันปิดลง นั่นก็ราวกับจะเป็นสัญญาณตีระฆังให้นักมวยทั้งสองฝ่ายปรี่เข้าหากันอีก และทำให้ในคืนนั้น...เป็นอีกคืนที่ฉันต้องหลับไปด้วยความไม่เข้าใจทั้งน้ำตา
ในส่วนลึก ฉันยอมรับว่าหวั่นใจไม่น้อย ทั้งจากคำบอกเล่าของเพื่อนๆ ผู้มีประสบการณ์ตรง ที่มักจะเริ่มด้วยเหตุการณ์คล้ายๆ กัน ทุกคนต่างพยักหน้าให้กันแล้วยังสามารถเสริมได้ด้วยซ้ำในกรณีที่บางคนร้องไห้...จนเล่าต่อไม่ได้ และประสบการณ์ที่พวกเขาผ่านมาก็แทบจะไม่ต่างกันเลย
"เรื่องมันก็เดิมๆ นี่นะ" เพื่อนคนหนึ่งบอกพลางทำท่าทางยักไหล่ที่ดูราวกับจะไม่ใส่ใจอะไรในโลกนี้อีกแล้ว แต่เธอก็เงียบไปพร้อมกับน้ำตาที่รื้นขึ้นมาเมื่อเพื่อนอีกคนเริ่มเล่าเรื่องของตนเอง
พวกเขาเล่าว่า เมื่อสงครามอันร้อนระอุปะทุขึ้นจากการทะเลาะเบาะแว้งเพียงเล็กน้อย นำไปสู่การลากเอาเรื่องทุกเรื่องทั้งในอดีตและปัจจุบันเข้ามาเกี่ยวข้อง หาเรื่องโน้นเรื่องนี้เอามาพูดมาต่อว่ากันไม่ได้หยุดจนบ้านแทบจะร้อนเป็นไฟ หาความสงบไม่ได้
และแม้จะหนีไปอยู่มุมใดของบ้าน หรือแม้จะห่างไกลจากเสียงนั้น แต่หลายอย่างก็ทำให้เพื่อนฉันถึงกับหดหู่ใจเมื่อนึกถึง และได้แต่ถอนใจอย่างอ่อนล้าเมื่อเหตุการณ์จบลง
จากนั้น เมื่ออริทั้งสองฝ่ายสาดกระสุนเข้าใส่กันจนเต็มที่แล้ว ผลที่ยังไม่รู้แพ้ชนะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามเย็น จากบรรยากาศที่แสนจะร้อนระอุราวกับเปลวเพลิง ก็จะเข้าสู่สภาวะหนาวเหน็บราวกับขั้วโลกใต้ ความเย็นชาที่คนทั้งสองมีให้กันแผ่อำนาจออกมาอย่างเงียบๆ
ณ จุดนี้ มันทำให้เพื่อนบางคนของฉัน ถึงกับเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อความรักไป
ความรัก... มันไม่ใช่แค่เพียงความสดใสสว่างอีกแล้ว มันมีด้านมืดของมันอยู่ด้วย
และเมื่อเข้าสู่จุดสิ้นสุดของสงครามเย็น ลูกๆ จะถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้อง ถูกเริ่มต้นบทสนทนาจากเย็นวันหนึ่งที่กลับจากโรงเรียนอย่างเย็นชาว่า ต้องการอยู่กับใคร
แม้จะไม่อยากเลือก แต่ก็ต้องเลือก หรือไม่อย่างนั้นก็จะถูกเลือก
หลายคนถูกยื้อแย่งราวกับเป็นเพียงตุ๊กตาผ้า...ไม่มีจิตใจ
ส่วนอีกหลายคนก็กลับถูกผลักไส ต่างฝ่ายต่างทำราวกับไม่ต้องการอะไรก็ตามที่จะทำให้นึกถึงศัตรู แม้ว่านั่นจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ลูก ก็ตาม
เพื่อนบางคนตอบว่าไม่ต้องการอยู่กับใครเลยด้วยน้ำเสียงอันกร้าว และตัดสินใจออกจากบ้านไป โดยที่ฉันไม่ได้เห็นหน้าคนเหล่านั้นที่โรงเรียนอีกเลย
ส่วนหลายคนก็ถูกส่งไปอยู่ตามบ้านญาติก่อนที่จะหายตัวไป...ไม่ได้ข่าวของพวกเขาอีก
น้ำตา...รวมทั้งคำพูดมากมายจากคำบอกเล่าของเพื่อน ทำให้ฉันอยู่ด้วยความหวั่นไหว หวาดกลัวว่าวันหนึ่งฉันจะต้องถูกบังคับให้เลือกหรือต้องเลือก...เพราะความรักที่คนทั้งคู่เคยมีให้กันนั้น มันหมดสิ้นไปแล้ว
แต่ความกดดันที่ว่า มันก็มาถึงจุดสิ้นสุดของมันในวันหนึ่งที่ฉันหมดความอดทนและตะโกนถามแข่งกับเสียงทะเลาะของท่านทั้งสอง
แล้วสิ่งที่ท่านพร้อมใจกันตอบกลับมาคือ พ่อ (แม่) แค่ปรึกษากันเสียงดัง แต่ไม่ได้ทะเลาะ (นะ)
ทียังงี้ล่ะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ฉันเห็นพ่อกับแม่สะบัดหน้ากันไปคนละทางเมื่อพบว่าตนเองเผลอพูดพร้อมกัน
ฉันได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจโดยอดสงสัยไม่ได้ว่าท่านเคยรักกันบ้างหรือเปล่า แล้วยังรักอยู่มั้ย หรือถ้าไม่รัก แล้วพ่อกับแม่แต่งงานกันทำไม หรือแม้แต่คิดว่า บางทีท่านอาจจะหมดรักในกันและกันแล้วก็เป็นได้
แต่ในวันนี้...วันที่เป็นวันแห่งครั้งแรก ฉันรู้คำตอบจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างหมดความสงสัย
พ่อ...รักแม่มาก
และการทะเลาะกันของท่านทั้งสองเป็นแค่การปรึกษากันเสียงดังเท่านั้นเอง...เท่านั้นเองจริงๆ ท่านไม่ได้โกหกฉันเลย
ฉันส่งกระดาษทิชชูไปให้พ่อซับน้ำตาอย่างเงียบๆ ในตอนแรกท่านดูงงๆ กับสิ่งที่ฉันส่งให้ แต่ก็รับไปกำไว้แต่โดยดี
เสียงพ่อสูดจมูกและสั่งน้ำมูกกับกระดาษชำระ ดังเป็นระยะสลับกับเสียงหวอๆ ของรถพยาบาล ฉันมองออกไปภายนอกรถและเห็นรถของเรากำลังแล่นผ่านรถคันอื่นๆ ไป หลายคันยอมหลีกทางให้เราไปก่อนแต่โดยดี ส่วนอีกหลายคันก็เร่งเครื่องตามหลังรถของเรามา เพื่อจะผ่านการจราจรอันแสนแน่นขนัดนี้ไปให้ได้เร็วที่สุด
การที่คนเราจะทำอะไรเพื่อให้ไปถึงจุดหมายข้างหน้าอย่างเร็วที่สุด เราจะต้องยอมเสียอะไรไปเท่าไหร่นะ
รถของเรากำลังจะแล่นผ่านไฟแดงตรงแยกหน้าไปโดยไม่ต้องหยุดรถ ส่วนรถคันหลังเองก็เร่งเครื่องตามขึ้นมาโดยไม่คิดจะหยุด บางทีเขาคงจะลืมไป
ฉันเฝ้ามองรถคันนั้นอยู่พลางคิด 'ถ้าเป็นไปได้ ฉันไม่อยากให้เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเลยจริงๆ'
ฉันหลับตาลงเมื่อเสียงเบรกรถอันดังของรถสีดำที่แล่นตามเรามาและเสียงโครมอันสนั่นหวั่นไหวที่ในที่สุด รถที่ตามเรามาก็ชนกับรถสีทองที่วิ่งมาในเลนหลักจนได้ รถที่ตามเรามาคงจะเผลอ และฝ่าไฟแดงมาจนได้ ฉันยังหลับตาเมื่อภาวนาอยู่ในใจ อย่าให้มีใครเป็นอะไรเลย ถ้าไม่มีใครเป็นอะไรก็คงจะดี อย่าให้ใครต้องไม่ได้กลับบ้านเลย อย่าให้ใครที่กำลังรอคอยการมาถึงของคนที่รักต้องเสียใจ
ชีวิต...มีอะไรให้ต้องผิดหวังมากพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเพิ่มเรื่องนี้เข้าไปอีกหรอก ฉันคิดขณะเราค่อยๆ แล่นห่างออกมาเรื่อยๆ การจราจรเบื้องหลังเริ่มติดขัดมากขึ้น คนขับรถสีดำค่อยๆ ออกมาจากรถอันบุบเบี้ยว ส่วนเจ้าของรถสีทองก็ลงมาดูสภาพรถของตัวเองด้วยท่าทางหัวเสีย
ตำรวจคงจะมาในอีกไม่ช้า ฉันถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกนิดๆ เมื่อเห็นภาพนั้น ดีแล้วที่ไม่มีใครเป็นอะไร ดีแล้วจริงๆ
คุณพยาบาลประจำรถตรวจดูอาการของแม่อีกครั้ง สติของแม่ดูเหมือนจะเริ่มกลับมาทีละน้อย ฉันยอมให้แม่บ่นฉันอย่างเดิมเสียยังดีกว่าต้องมามองดูท่านนอนเจ็บอยู่แบบนี้
อีกสองไฟแดงจึงจะถึงโรงพยาบาล ปกติฉันคงไม่ได้ใส่ใจอะไรกับระยะทางมากนัก แต่ในยามนี้ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากให้เกิดห้วงเวลาที่ต่างกันระหว่างเวลาภายนอกกับเวลาภายในรถคันนี้ เป็นไปได้มั้ยที่จะให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วที่สุดภายนอก เพื่อที่เราจะได้ไปให้ถึงโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด และให้ภายในรถเป็นอีกห้วงเวลาหนึ่งที่เชื่องช้า เพื่อให้แม่อยู่กับเรา...อยู่กับฉันได้นานที่สุด
กลัว...ฉันกลัวเหลือเกิน
รถพยาบาลยังคงเปิดทั้งไฟและเสียงเพื่อขอทางไปเรื่อยๆ รถหลายคันหลบให้เราผ่านไปอีก และเมื่อเราผ่านมาจนถึงไฟแดงสี่แยกอีกครั้ง ฉันเห็นคนขับเบี่ยงหน้ารถออกทางซ้ายเพื่อเบียดแทรกเข้ากับช่องว่างที่ถ้าเป็นฉัน...ฉันคงจะห้ามพ่อไม่ให้มุดเข้าช่องนี้แน่ๆ แต่พี่คนขับรถพยาบาลก็ยังคงเคลื่อนผ่านช่องว่างนั้นไปช้าๆ โดยไม่แม้แต่จะเบียดโดนรถซึ่งจอดอยู่ข้างทางซ้ายและส่วนทางขวาที่มีรถจอดติดไฟแดงอยู่ ทางอันแสนจะแคบนั้น ฉันอดคิดอย่างชื่นชมไม่ได้ว่า คนขับช่างมีความอุตสาหะพยายามเสียจริง และในที่สุด เราก็ผ่านแยกนั้นมาโดยไม่ต้องติดไฟแดง
แม่ดูเหมือนจะได้สติขึ้นมาอีกนิด เปลือกตาที่เริ่มปรือปรอยของแม่กำลังเปิดกว้างขึ้น ตอนคุณพยาบาลวัดความดันเลือดตรงโค้งสุดท้ายก่อนเราถึงโรงพยาบาล
Hypertension เธอพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะหันมาบอกเราว่า แม่จะไม่เป็นอะไรและความดันเลือดเริ่มลดลงแล้วในที่สุด ฉันอดที่จะดีใจไม่ได้ และเมื่อหันไปมองพ่อที่กำลังยิ้มน้อยๆ ด้วยท่าทางที่ดูใจชื้นมากขึ้น เราส่งยิ้มแบบโล่งใจให้แก่กัน จากนั้นท่านก็ส่งกระดาษทิชชูที่กำไว้ในมือจนยู่ยี่กลับคืนมาให้ จนทำให้ฉันสำนึกได้ว่า ตอนที่เรากำลังมองแม่อยู่นั้น พ่อไม่ได้เป็นคนเดียวที่กำลังร้องไห้
คนขับเร่งความเร็วขึ้นอีก และจากข้างทางที่เรากำลังผ่าน ฉันรู้ว่าใกล้จะถึงโรงพยาบาลแล้ว
เมื่อมาถึงหน้าโรงพยาบาล คนขับมุ่งตรงไปที่ที่จอดรถฉุกเฉิน มีบุรุษพยาบาลหลายคนพร้อมอยู่แล้ว และทำการเลื่อนเตียงที่แม่กำลังนอนอยู่ลงไป
ฉันมองพ่อที่วิ่งตามรถเข็นของแม่หายเข้าไปในห้องฉุกเฉินแล้วอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าวันนี้จะเป็นวันที่เป็นครั้งแรกของหลายสิ่งหลายอย่างซึ่งบางประสบการณ์ก็ให้ข้อคิดดีๆ หลายเรื่องและน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการปรับตัวให้กับชีวิตที่จะดำเนินต่อไปของครอบครัวเรา แต่กระนั้นฉันก็อยากให้อย่างน้อยขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เราต้องมาใจหายใจคว่ำแบบนี้อีก ครั้งแรกของการมาโรงพยาบาลแบบนี้ ขอให้มันเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเถิด
แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 50 15:46:14
จากคุณ :
surudee
- [
11 มี.ค. 50 15:42:40
]