เสียงกระทบของไม้ตีพริกกับครกดังตามจังหวะบทเพลงอมตะที่ถูกนำมาร้องและเรียบเรียงใหม่นับครั้งไม่ถ้วนอย่างเพลง I will survive ท่วงทำนองยอดนิยมดังกล่าวส่งกระจายเสียงมาจากเครื่องเล่นสเตอริโอชุดใหม่ที่มาตาเพิ่งถอยมาได้ไม่ถึงสัปดาห์ ซึ่งเธอก็ใช้มันอย่างคุ้มค่า (หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่าขี้เห่อ) ด้วยการเปิดฟังทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น
หญิงสาวร่างบอบบางในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นอยู่บ้าน กำลังนั่งตำน้ำพริกปลาทูอยู่บนพื้นปูกระเบื้องในส่วนที่เป็นห้องครัว ซึ่งเป็นลานเล็กๆ แบบเปิดโล่งอยู่บริเวณหลังบ้าน
และเมื่อแผ่นซีดีเล่นเพลงมาถึงท่อนฮุค มือเรียวก็จัดการแปรสภาพไม้ตีพริกให้กลายเป็นไมโครโฟน ก่อนจะครวญเสียงหวานใส่อารมณ์ตามนักร้องตัวจริง ประหนึ่งว่าเธอกำลังขึ้นแสดงอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตDivaอย่างไรอย่างนั้น
ท่านั่งขัดสมาธิตัวตรงเริ่มมีปฏิกิริยาตามจังหวะชวนเต้นมากขึ้น แล้วในที่สุดมาตาก็ทนเสียงร้องเรียกจากหัวใจไม่ไหว ลุกขึ้นมายักย้ายส่ายสะโพกทำมือทำไม้ประกอบ และเมื่อบทเพลงสุดโปรดของเธอจบลง เสียงปรบมือจากที่ไหนสักที่ก็ดังสวนขึ้นมา
ดวงตากลมโตมองหาต้นเสียง แล้วหญิงสาวก็พบเจ้าของเสียงปรบมือนั้นกำลังยืนชมการแสดงของเธออยู่ที่ระเบียงชั้นสองของบ้านหลังที่อยู่ติดกัน
มาตาเงยหน้าขึ้นไปมองส่งค้อนขวับให้ (แทนไม้ตีพริกที่อาจก่อให้เกิดคดีอาญา) ก่อนจะย้ายฐานทัพการทำอาหารมื้อนี้เข้าสู่ตัวบ้าน เพื่อให้พ้นจากสายตาของเพื่อนบ้าน ขืนอยู่นานกว่านี้เธออาจจะยั้งใจไม่อยู่ได้ก่อคดีดังพาดหัวข่าววันรุ่งขึ้น สาวสวยใจโหดดับอนาถเพื่อนบ้านด้วยไม้ตีพริก อู้ยยย แค่คิดก็แย่แล้ว ไม่ใช่เป็นห่วงเป็นใยอีตาบ้าข้างบ้านหรอกนะ แต่เผอิญอาวุธในการก่อเหตุกับหน้าเธอมันไม่ค่อยเข้ากันต่างหาก เอ่อ ก็แค่สมมุติน่ะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าเธอเป็นสาวสวยใจร้ายอย่างนั้นสิ
...ว่าแต่ฆ่าคนโดยไม่ได้เจตนานี่ติดคุกกี่ปีเนี่ย ก็อีตาบ้านั่นยังไม่ยอมหยุดปรบมือเสียที แถมยังมีเสียงหัวเราะประกอบอีก หึ! เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย ฝากไว้ก่อนเถอะ แล้วจะมาถอนคืนทั้งต้นทั้งดอก
ณภัทรอมยิ้มพลางส่ายศีรษะเบาๆ ให้กับความน่ารักตามแบบฉบับของสาวน้อยข้างบ้าน ซึ่งถ้าเป็นวันธรรมดาเวลาราชการอย่าหวังว่าแม่สาวรายนี้จะยอม หลุด ให้ใครเห็นภาพเปิ่นเหมือนเมื่อสักครู่หรอก
จะว่าไปแล้วตั้งแต่ที่ณภัทรอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ ชายหนุ่มยังไม่เคยได้ทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านที่แสนจะ น่ารักผิดปกติ อย่างเป็นเรื่องเป็นราวเสียที ไอ้ที่ผ่านๆ มาก็ออกจะเป็นในลักษณะไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวซะมากกว่า บางทีพรุ่งนี้อาจเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการผูกมิตรก็เป็นได้
หากตอนนี้สาวน้อยข้างบ้านที่ณภัทรกำลังคิดถึงอยู่นั้น คงจะไม่อยากญาติดีด้วยสักเท่าไหร่ เพราะฟังจากเสียงไม้ตีพริกที่เปลี่ยนจากจังหวะแดนซ์สนุกๆ กลายเป็นจังหวะร็อกหนักหน่วง ระบายอารมณ์หงุดหงิดและความอาย (ถึงจะกล้าควงสากแทนไมค์ เธอก็อายเป็นเหมือนกันนะ)
ตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้วมาตารู้สึกได้ถึงไอร้อนผ่าวๆ บนพวงแก้มทั้งสองข้างที่ตอนนี้ก็ยังไม่หายร้อน พอยิ่งคิดก็ยิ่งเคือง มือเรียวก็เร่งความแรงในการตำน้ำพริก ผลที่ได้ออกมา ส่วนผสมต่างๆ ที่อยู่ในครกหินละเอียดชนิดที่อาจทำให้ยอดจำหน่ายเครื่องปั่นลดลงเลยทีเดียว
หลังอาหารมื้อเที่ยงจบลง มาตาเตรียมตัวออกไปที่ตลาดสดที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน หลังจากที่เมื่อเช้าสำรวจในตู้เย็นแล้วพบว่าของสดพวกเนื้อสัตว์ ผักผลไม้พร่องลงไปเยอะแล้ว ความจริงก็ยังเหลือพอประทังชีวิตสาวโสดอย่างเธอไปได้หลายวันอยู่หรอก แต่มันคงเป็นอาการโรคจิตอย่างหนึ่ง(ซึ่งไม่มีสถาบันวิจัยแห่งใดกล้าออกมารับรอง) ที่เวลาเห็นของกินไม่เต็มตู้เย็นแล้วจะไม่สบายใจ
รถจักรยานแม่บ้านใหม่เอี่ยมถูกเข็นออกมาจากโรงเก็บที่ตั้งอยู่ข้างบ้าน ดูจากสภาพของรถสีสันสดใสก็บอกได้เลยว่าคงถูกใช้งานเพียงไม่กี่ครั้ง (ก็บอกแล้วไงว่าใหม่เอี่ยม) เพราะส่วนใหญ่เธอมักใช้รถยนต์เป็นพาหนะไปซื้อเสบียงเสียมากกว่า
ดวงตากลมโตแอบเหล่ไปทางข้างบ้าน ด้วยเกรงว่าจะเจอบุคคลไม่พึงประสงค์อยู่บริเวณหน้าบ้าน ความจริงก็ไม่ได้ติดใจอะไรนักหนาหรอกนะไอ้เรื่องนั้นนะ (เรื่องที่คุณก็รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร) เพียงแต่ว่า...ถ้าเผลอเมื่อไหร่ล่ะเสร็จฉันแน่ ฮึ ฮึ
หลังจากเห็นว่าไม่มีวี่แววของคู่แท้ เอ้ย คู่แค้น มาตาก็ปั่นจักรยานออกจากบ้านเลียบข้างทางมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าตลาด ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปจอดในที่ฝากรถ มือเรียวคว้าตะกร้าหวายติดมาด้วย เผื่อว่าเวลาไปซื้อของจะได้ใส่ตะกร้ามาเลย ทั้งช่วยประหยัดทรัพยากรที่ผลิตถุงพลาสติก ลดปริมาณขยะ และที่สำคัญได้ของแถมจากแม่ค้าด้วย (แบบว่าข้อหลังนี่สำคัญสุดๆ)
รายการเครื่องอุปโภคบริโภคที่ต้องซื้อถูกหยิบขึ้นมาจากกระเป๋าผ้าถักใบเล็ก หลังจากนั้นสาวนักช็อปเฉพาะกิจก็จัดการไปซื้อของตามร้านต่างๆ กว่าจะได้ของครบก็แทบลากขาเดินเป็นผีดิบที่หมดแรง แค่นึกภาพว่าต้องปั่นจักรยานกลับบ้านด้วยแล้ว ก็อยากแปลงร่างเป็นนักปั่นน่องเหล็กแห่งตรูเดอะฟร้องชะมัด
ระหว่างทางเดินกลับมายังที่จอดรถ มาตาก็รู้สึกเหมือนมีใครเดินตามหลังมา โอ้ ไม่นะ อย่าบอกนะว่าเป็นพวกโรตจิคหื่นกามเดินตามมา หญิงสาวเร่งฝีเท้าหนีแต่ก็รู้สึกว่าไอ้โรคจิตยังตามไม่เลิก เธอตัดสินใจหันขวับกลับไปเผชิญหน้ากับมัน แล้วเธอก็พบกับ...
เมี้ยวๆ (แล้วโรคจิตแปลงร่างเป็น) ลูกแมวเหมียวสีน้ำตาลอ่อนตัวน้อยที่กำลังซอยเท้าทั้งสี่ตามเธอมาต้อยๆ
ร่างบางย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้า เอื้อมมือไปลูบหัวเจ้าแมวน้อยอย่างเบามือ ซึ่งก็ได้รับการตอบสนองด้วยเสียงร้องเล็กและเบาคล้ายกับมันแค่ขยับปาก แต่ไม่ได้เปล่งเสียงออกมา
โธ่ คิดว่าโรคจิตซะอีก ฟังจากเสียงถอนหายใจ มาตาดูจะผิดหวังเล็กๆ ที่โรคจิตกลายเป็นแมวไปได้ (เอ่อ เจอคนโรคจิตกว่าแล้วไหมล่ะ)
ว่ายังไงเจ้าเหมียว ตามฉันมาทำไมกันหือม์ เอ๊ะ รึว่าจะได้กลิ่นน้ำพริกปลาทูที่กินตอนเที่ยง มาตาเริ่มสำรวจดมกลิ่นตัวเอง ไม่มีซะหน่อย มือเรียวเลื่อนลงมาเกาคางให้ลูกแมวที่พริ้มตาทำเสียงครางอย่างมีความสุข
นี่เรามีเจ้าของรึเปล่า หนีออกมาแบบนี้ เดี๋ยวที่บ้านจะเป็นห่วงนะ รู้มั้ย นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนของเจ้าเหมียวช้อนมองสบตากับนัยน์ตาสีน้ำตาลของมาตา เหมือนต้องการบอกความนัยบางอย่างที่หญิงสาวสุดความสามารถที่จะเข้าใจ (ภาษาแมว) ได้
มาตาอุ้มลูกแมวไปถามเด็กฝากรถว่ารู้จักกับเจ้าของของเจ้าเหมียวตัวนี้หรือไม่ เมื่อไปถามก็ได้ความว่าแมวน้อยตัวนี้เป็นแมวกำพร้าที่แม่แมวถูกรถชนตายเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน เจ้าตัวเล็กก็เร่รอนขอเศษอาหารตามแผงร้านค้า ถ้าเจอคนใจดีก็โชคดีมีอาหารประทังความหิว แต่ถ้าวันไหนอับโชคก็คนใจร้ายเอามือไล่ตี หรือไม่ก็ถูกหมาเจ้าถิ่นประจำตลาดไล่กัด
หญิงสาวตัดสินใจในนาทีที่ได้ฟังเรื่องราวชีวิตน่าเศร้าของลูกแมวตัวจ้อยจบ ว่าเธอจะนำมันกลับไปเลี้ยงที่บ้าน ถือว่าเป็นการทำบุญช่วยเหลือสัตว์ให้มีบ้านคุ้มแดดคุ้มฝน ไม่ต้องให้มันไปดิ้นรนอดมื้อกินมื้อ แล้วก็ไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนที่เธอเคยเป็น
...และแล้วเจ้าแมวผอมกะหร่องก็ถูกหย่อนลงตะกร้าหน้ารถจักรยาน ก่อนที่มันจะยืนด้วยสองขาหลัง เท้าคู่หน้าพาดกับขอบตะกร้า ใบหน้ารูปหัวใจเล็กๆ ซึ่งกำลังโต้ลมโชยอ่อน ดูจะมีความสุขเหมือนรู้ชะตากรรมว่าในอีกไม่กี่ร้อยเมตรข้างหน้าจะได้มีบ้านอบอุ่นและไม่ต้องเร่รอนอีกต่อไปแล้ว
จากคุณ :
ลิปมัน
- [
11 มี.ค. 50 20:15:21
]