รำพึงถึงเพื่อนตาย (๒)
เมื่อผมได้มีชีวิตอยู่มาจนเข้าปีที่เจ็ดสิบ ตามคำทำนายของอดีตลูกน้อง ซึ่งเป็นหมอดูอาชีพมีระดับอยู่ในสมาคมโหราศาสตร์
ผมก็หวนคิดถึงเพื่อนที่หายหน้าไป ด้วยความรักและความผูกพัน ที่มีต่อกันมาในกาลก่อน จนไม่อาจจะลืมได้
ในสมัยที่สงครามโลกครั้งที่สองเข้มข้น มีเครื่องบินสี่เครื่องยนต์ของสัมพันธมิตร มาทิ้งลูกระเบิดในพระนครถี่ ๆ ทั้งกลางคืนและกลางวัน ครอบครัวของผมก็อพยพ ไปกับครอบครัว ของเพื่อนบ้านในสวนอ้อย ซึ่งเขาอพยพไปอยู่ ที่คลองสามลาดกระบัง จนสงครามใกล้จะสงบจึงกลับมาอยู่ที่สวนอ้อยตามเดิม
หลานชายของเจ้าของบ้าน ที่ผมอาศัยหลบภัยนี้เมื่อยามสงครามยังเป็นเด็กเล็ก พอสงครามสงบแล้ว ก็มาเข้าเรียนมัธยมปีที่ ๑ โรงเรียนเดียวกับผม แต่ขณะนั้นผมเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๖ แล้ว เราเดินไปโรงเรียนพร้อมกัน เขาเรียกผมว่าพี่
ผมออกจากโรงเรียนโดยไม่จบชั้นมัธยมปีที่ ๖ เพราะสอบได้เพียง ๔๖ เปอร์เซ็นต์ เข้าทำงานเป็นลูกจ้างใช้แรงงาน ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๘๙ ก็เลยไม่ได้คบหาสมาคมกัน เพราะเป็นคนละรุ่นไปแล้ว
จนเวลาผ่านไปอีก ๑๒ ปี ผมบวชและผ่านการเกณฑ์ทหารออกรับราชการเป็นนายสิบแล้ว เขาก็จบการศึกษาจากโรงเรียนฝึกหัดครูมัธยม มาบวชที่วัดใกล้บ้านพร้อมกับเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของผม เมื่อลาอุปสมบทแล้วเขาจึงกลายมาเป็นเพื่อนสนิทของผมด้วย และเลิกเรียกผมว่าพี่ตั้งแต่นั้นมา
ครั้งแรกเขาเป็นครูโรงเรียนราษฎร์ ต่อมาสอบเข้าโรงเรียนรัฐบาลได้ ผมเป็นนายสิบติดแง่งปลาทูที่แขน เพื่อนของเราทั้งสองเป็นข้าราชการต๊อกต๋อยของกระทรวงคมนาคม เพราะเรียนไม่จบชั้นมัธยมปีที่ ๖ เหมือนกัน แต่เราสามคนก็คบกันอย่างสนิทแนบแน่น
เขาเป็นคนมีไหวพริบปฏิภาณไว เก่งภาษาไทย แต่งโคลงกลอนคล่องแคล่ว เคยไปในงานบวชที่อยุธยา เขาสามารถบอกกลอนแปด ปากเปล่า ให้นักร้องวงดนตรีไทยเดิม ร้องทำนองเพลงนางนาค อวยพรเจ้าภาพได้ยาวตั้งหลายบท
เขามีนิสัยอย่างที่เรียกกันเล่น ๆ ว่า รักธรรมชาติ ชอบเสียงเพลง เกลียดการดูถูกเหยียดหยามคนจน เขาไม่เอาเปรียบใคร แต่ก็ไม่ยอมเสียเปรียบใครเหมือนกัน และเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ใคร บางครั้งเขาจึงต้องโต้เถียงกับผู้อื่น ที่พยายามจะเอาชนะเขาจนเพื่อนอึดอัด
แต่หลายครั้งเขากลับใช้คารมอันคมคายแก้เรื่องที่ทำท่าว่าจะร้าย ให้กลับกลายเป็นดีก็ได้เหมือนกัน แต่สำหรับเพื่อนสนิทแล้ว เขาเป็นคนร่าเริงแจ่มใส และมีอารมณ์ขันฟุ่มเฟือยเสมอ
เรามีความสามารถในการกินเหล้า อย่างดุเดือดเข้มข้นไม่แพ้กัน แต่เมื่อเมาแล้วมองเห็นโลกในแง่ดี ชอบต่อกลอน และร้องเพลงไทยเดิม ไทยสากล ตั้งแต่ยังไม่มีเพลงลูกทุ่ง จนกระทั่งเขามีอายุสามสิบเศษ และเพิ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีมาหมาด ๆ มีลูกหญิงสอง ชายหนึ่ง
คนเล็กแก่กว่าลูกชายคนโตของผมเพียงปีเดียว เราตั้งใจว่าจะเอาลูกเข้าเรียนอนุบาลโรงเรียนเดียวกัน แถวบ้านญวน จะได้เป็นเพื่อนกันเหมือนพ่อ แต่ไม่สำเร็จ เพราะเขาย้ายบ้านไปอยู่กับแม่ยายแถวซอยทองหล่อเสียก่อน
แล้วเขาก็ต้องจากเพื่อนไปอย่างน่าอนาถ ด้วยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากความคะนองของกระเป๋ารถสองแถว ที่ขับรถมาชนเขาข้างหลัง ในขณะที่กำลังจะก้าวขึ้นรถสองแถวคันหน้า เพื่อไปสอนหนังสือ ในเช้าวันหนึ่ง
เขามีอาการสาหัสมาก อวัยวะแตกหักเสียหายหลายแห่ง ทนหายใจอยู่ได้ไม่ถึงเย็น ก็หมดลม ผมได้เห็นหน้าเขา ที่ห้องเก็บศพของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ไม่มีร่องรอยของความเจ็บปวดเหลืออยู่เลย
ผมจึงทำใจได้
เพราะถ้าเขายังเหลือชีวิตอยู่ คงจะต้องทนทุกข์ทรมานมากทีเดียว วันนั้นเป็นวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๑๐
ผมยังจำได้ดี มาจนถึงบัดนี้.
จากคุณ :
เจียวต้าย
- [
14 มี.ค. 50 06:28:10
]