ตอนที่ 24 เมื่อเวลาหนึ่งมาถึง
ขณะที่กำลังเดินทางกลับ เฌลลีนั่งหลับบนรถ ณนนท์เขกมะเหงกโป้กลงบนหัว
เฮ้ย ระหว่างที่ผมขับรถอยู่เนี่ย ห้ามหลับ เอาเปรียบ เดี๋ยวผมก็หลับมั่งหรอก
โอ้ยยย ฉันเปล่าหลับซะหน่อย แค่กำลังคิดอะไรเพลินๆ
คิดแล้วต้องน้ำลายยืดด้วย
เออ สิ คิดเรื่องของกินนี่ เฌลลีตอบส่งๆ ไปงั้น
ดำน้ำเก่งเหลือเกินแม่คุณ
เออ น่ะ... แล้วเธอก็มองออกไปนอกหน้าต่างกระจก
อืมม์ แป้น เรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว อยู่ๆ ณนนท์ ก็ถามขึ้น
ถามทำไม มีแต่คนอายุมากเท่านั้นนะที่ชอบระลึกอดีตน่ะ
ก็พอกันแหละน่า ว่าแต่คุณหลงรักผมมากี่ปีแล้ว
หลงรักบ้าอะไร หลงผิดน่ะสิไม่ว่า... ราวๆ หก เจ็ดปีล่ะมั้ง
นี่คุณนับตั้งแต่สมัยอยู่มหาวิทยาลัยเลยเหรอ
ก็แหงสิ ฉันหลงผิดตั้งแต่เจอแกครั้งแรกที่ค่ายอาสาฯ นั่นแหละ แต่ถ้าไม่นับสามปีที่เราต่างคนต่างหายไปจากชีวิตกันและกัน ก็เหลือแค่สี่ซ้าห้าปีล่ะมั้ง
อืมม์ ห้าปีเลยเหรอที่คุณมากวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างรถ ซักผ้าให้ผมเนี่ย
มันน้อยไปหรือไง
เปล่า ผมรู้สึกว่ามันแค่แป๊บเดียว
แกเอาระยะเวลาเท่าไหร่มาเป็นตัวตั้งล่ะ ถ้าจากยี่สิบปี มันก็น้อย ถ้าจากเจ็ดปีมันก็มากพอดู
ใช่... มันมากพอที่จะทำให้เรารักใครสักคนได้ หรือลืมใครสักคนได้เหมือนกัน
พูดแปลกๆ นะเนี่ย มีอะไรหรือเปล่า
ไม่มี ที่จริงน่ะมี แต่ณนนท์ก็ไม่เห็นประโยชน์ที่จะอธิบายมากไปกว่านั้น บางเรื่อง... การไม่พูดเลยอาจจะดีที่สุด
ไม่มีก็ขับรถไป ห้ามหลับด้วย ทั้งสองจบบทสนทนาเพียงนั้น
เฌลลีไม่ได้บอกณนนท์เรื่องผลสอบเรียนต่อ นั่นเพราะเธอเองก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าระหว่าง หัวใจ กับ ความฝัน ไม่บ่อยครั้งนักที่เฌลลีจะตกอยู่ในสภาวะต้อง เลือก อย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อณนนท์คือส่วนหนึ่งของชีวิต เหมือนนิ้วมือนิ้วที่สิบ เหมือนขาข้างขวา เหมือนแขนข้างซ้าย เหมือนหัวใจสามห้อง และเหมือนสมองทั้งสองซีกของเฌลลี ถ้าขาดณนนท์ ก็เหมือนขาดความสมบูรณ์ในร่างกายและจิตใจ เธอไม่รู้ว่าทำไมถึง เป็นเอาหนัก ขนาดนี้...
เป็นไรแป้น ทำหน้าเหมือนอกหัก
ไมได้เป็นไรนี่
อย่ามาหลอกกันซะให้ยาก เรารู้จักกันมากี่ปี เหอะๆ หน้าคุณมันบอกชัดเลยว่ามีอะไรในใจ จะบอกไม่บอก ไม่บอกวันนี้เสร็จผมแน่ไอ้แป้น เหอะๆ น้องกลางยังไม่กลับ น้องเล็กไม่อยู่ ตายๆๆๆๆ
ทะลึ่งน่ะแก เกิดมาหื่นอะไรเอาตอนนี้ อารมณ์ไม่ดีเดี๋ยวก็ยันเปรี้ยงติดฝาบ้าน
ไม่สวยแล้วยังดุอีก พันธุ์อะไรเนี่ย ดัลเมเชี่ยน หรือบลูด็อก
ไม่ใช่หมานะ แกอ่ะ อย่ากวนประสาทได้ป่ะ ไม่มีงานหรือไงเนี่ย ทุกทีไม่เคยจะว่าง ทีวันนี้ทำไมทำตัวให้ว่างได้ล่ะ
ก็หน้าคุณเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จะให้ผมสบายใจได้ไงล่ะ
เป็นห่วงฉันว่างั้นเถอะ
เปล่า แค่สงสัย
อื้อ ฉันรู้แล้ว แค่แกล้งถาม เพราะยังไงแกก็ไม่เป็นห่วงฉันหรอก
อ๊ะ น้อยใจก็เป็นด้วย
เป็นสิ คนนี่ ไม่ใช่บลูด๊อก หรือดัลเมเชี่ยนซะหน่อย
โอเค ไม่เล่นละ ตกลงคุณเป็นอะไร ไม่ต้องเฉไฉ หันมาทางนี้ ณนนท์จับสองแก้มหันมาเผชิญหน้า
เจ็บเว้ย เฌลลีพยายามแกะมือของณนนท์ออก แต่คนตัวเล็กกว่าหรือจะสู้
ม่ายยยย ไม่บอกเดี๋ยวจูบ ไม่พูดเปล่า แต่ทำหน้าตาหื่นๆ แล้วทำปากจู๋ๆ เข้ามาใกล้ๆ อีก
เฮ้ย ไอ้บ้า ทำไรวะ ปล่อยฉันนะเฟ้ยยย ก็คงพอๆ กัน... เพราะเฌลลี ทั้งถีบทั้งเตะ ณนนท์เปลี่ยนจาก
บีบแก้มมาเป็นงัดคอจากด้านหลังแทน เพราะความที่เป็นคนตัวสูง คนตัวเล็กกว่าจึงได้แต่ดิ้นพราดๆ
เจ็บโว้ย ไอ้บ้า ไอ้ซาดิสม์ ฉันไม่รักแกแล้ว ฉันไม่อยู่กับแกแล้ว ฉันโกรธแกแล้ว ได้ผล ณนนท์แทบจะปล่อยในทันที
ไม่รักผมแล้วจะไปรักใครเหรอแป้นศรี แต่ปากคอไม่ได้เบรกตามหรอก
แกอย่าเล่นกับฉันแบบนี้อีกนะ มันเจ็บนะ
ไหน มาดูใกล้ๆ ดิ๊ เออ จริงด้วย เป็นรอยแขนแดงเป็นปื้นเลย เอายานวดมั้ย
ไม่ต้องมายุ่งเลย ฉันดูแลตัวเองได้น่ะ
เห็นแล้วอดไม่ได้ ก็มันหมั่นเขี้ยวนี่หว่า ทำหน้าตาเหมือนกำลังเซ็งจิตอยู่แบบนั้น เป็นใครก็อยากแกล้งทั้งนั้นแหละ
ถ้าไม่มีชั้นสักคนแก ก็คงไม่มีใครให้รำคาญใจหรอก
อ่ะ น้อยใจไรอีกล่ะ
ไม่ได้น้อยใจนะ แต่ เฮ่อ ช่างเหอะ
พูดมาให้หมด เกิดอะไรขึ้น ยังไม่ทันที่นางเอกของเรื่องจะอ้าปากพูดอะไรต่อ ก็เหมือนเทวดามาโปรด เพราะน้องกลางมาพอดี
อ้าวเจ๊ ยังไม่ไปอีกเหรอ ผมนึกว่าคุณบินแล้วซะอีก มาร่ำลายาหยีเหรอ น้องกลางทักขึ้น เพราะเธอปรึกษาเขาเป็นคนแรก เรื่องผลสอบ
หือ ยังมีอะไรที่ผมไม่รู้ใช่ไหม ณนนท์หันมาถาม
คือ... ฉันขอโทษ
ผมเป็นคนสุดท้ายที่รู้ทุกเรื่อง
เปล่า คือ แค่ฉันยังไม่รู้จะบอกยังไง
ผมเดาว่าผลสอบคุณออกแล้ว คุณก็ได้ทุนไปเรียนต่อ และเรื่องที่ทำให้คุณมีอาการเหมือนอกหักก็เพราะเรื่องนี้
ฉันไม่อยากไป
ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปสิ ต้องคิดมากด้วยเหรอ
ผมขอตัวก่อนดีกว่า ณฌาเริ่มอึดอัดกับการสนทนา
ยังก่อนน้องกลาง เรื่องนี้ต้องคุยกัน
ไม่รู้สิ ฉันยังตัดสินใจไม่ได้ เฌลลีนั่งก้มหน้าพูดอย่างหมดอาลัย
คุณอยากไปไหม
ฉันลาออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว
งั้นก็คือ คุณตั้งใจจะไป
เปล่า ที่จริงฉันลาออกเพราะอยากออกอยู่แล้ว ฉันอยากเปลี่ยนงาน แค่นั้นเอง พอดีกับจังหวะที่ฉันสอบได้ด้วย
แล้วอะไรทีทำให้คุณยังตัดสินใจไม่ได้
ถามแปลกนะพี่ ก็พี่นั่นแหละ น้องกลางทะลุกลางปล้อง
ผมเหรอ เฮ่ย... ชีวิตคุณนะ คุณต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง จะเอาผมไปเป็นตัวกำหนดชีวิตคุณได้ยังไง
เหมือนจะฉลาดนะพี่ผม แต่บางเรื่องก็ไม่ฉลาดเอาเสียเลย ไม่เอาล่ะ ผมไม่คุยด้วยแล้วเรื่องนี้ ขอตัวก็แล้วกัน อ่อ พี่นนท์เคยมีความรักนี่ น่าจะรู้นะว่า Love Changes Everything แล้วเขาก็ลุกไปดื้อๆ ปล่อยให้สองคนที่หันหน้าเข้าหาทีวี แต่ไม่รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในจอเหลี่ยมนั้น
จะบินเมื่อไหร่
เดินเรื่องเสร็จ ก็อีกราวๆ สี่เดือน
โอ เค มีเวลาทำใจ
ขอบใจ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันรู้ว่าระหว่างเรายังไงมันก็เป็นไปไม่ได้ ฉันทำใจไว้แล้วว่าการจากลาจะต้องมาถึงในสักวัน ความรู้สึกของเฌลลีคือ น้อยใจ ณนนท์ไม่เคยใยดีเธอแต่ไหนแต่ไรมา และกระทั่งเธออยู่ในภาวะที่ต้องตัดสินใจ เขาก็ยังเย็นชาเหมือนน้ำแข็งขั้วโลกอยู่เหมือนเดิม
ใครบอกว่าเวลาของคุณ เขาพูดแค่นั้นก็เลี่ยงขึ้นห้องไป เป็นอันว่าโซฟาหน้าทีวีวันนี้ตกเป็นของเฌลลี
ณนนท์อึ้ง งง กับเรื่องที่ได้รับรู้ เขาลืมเรื่องสอบของเฌลลีไปสนิท ไม่คิดว่าไอ้หน้าแป้นของเขาจะเก่งกาจขนาดเอาชนะคู่แข่งเกือบสามสิบคนทั่วเอเชียได้ แต่ที่มากกว่านั้นคือ เขาไม่แน่ใจว่ารู้สึกยังไงกับการที่เฌลลีจะไม่อยู่
ขึ้นไปนอนข้างบนไป เขาเดินลงมาบอกเมื่อเวลาผ่านไปแล้วสามชั่วโมงห้าสิบนาที ขณะที่เฌลลีกำลังนอนตาค้างกับเรื่องราวที่จะต้องตัดสินใจ
ฉันอาจจะไม่ไปก็ได้
ทำไมล่ะ โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ นะ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเลยนี่นา ฉันคงทำใจไม่ได้ถ้าต้องอยู่ห่างจากแกมากกว่าสามร้อยกิโลเมตรน่ะ แต่นี่มันอีกซีกโลกเลย
อย่าเพิ่งคิดอะไรเลย ไปนอนก่อนเถอะ ผมง่วงจะแย่อยู่แล้ว ลุกขึ้น นี่ที่นอนผม ไม่ลุกใช่มั้ย งั้นขยับไป
โอ๊ยยยยย แกจะมาเบียดทำไมเนี่ยที่มันแคบนิดเดียว ถ้าแกนนอนลงมาอีกคนฉันหล่นพื้นแน่
ไม่หล่นหรอก... เดี๋ยวผมกอดไว้
งั้นฉันขึ้นไปนอนข้างบนดีกว่า พรุ่งนี้เช้าฉันไม่ปลุกนะ บางทีฉันอาจจะตื่นสาย เธอจะบอกอย่างนี้ทุกครั้งที่แน่ใจว่าคืนนี้จะนอนไม่หลับ.../
ตอนก่อนหน้าค่ะ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5205475/W5205475.html
แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 50 11:04:54
แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 50 10:59:43
จากคุณ :
ดาริกามณี
- [
18 มี.ค. 50 10:38:49
]