คำเตือนสักนิดนะคะ คือบทผีเสื้อในรังไหมนี่ถูกเขียนขึ้นในสภาวะอารมณ์ที่ไม่ปกติอย่างที่สุด ทั้งเครียด ทั้งสับสน ทั้งไม่เชื่อถือในตัวเอง ชนิดที่ว่าตอนนั้นนิยามตัวเองว่า deep in blue อย่างสุดกู่เลยล่ะค่ะ ดังนั้น...โปรดอภัยหากบทผีเสื้อในรังไหมนี้จะวกวน สับสน งุนงง เบื่อโลก หรืออะไรไปบ้าง แต่อารมณ์ตอนนั้นมันสุด ๆ จริง ๆ ค่ะ
ต่อไป...ขอเชิญพบกับ...
ผีเสื้อในรังไหม
หนอนไหม...เดินไปต้วมเตี้ยม
ใต้แดดร้อนเกรียม...ต้องเตรียมต้องไป
เวลา...จงอย่าปล่อยไร้
ต้องก้าวเดินไป...อย่าได้อ่อนแอ
ข้ามขั้น...เปลี่ยนชั้นดักแด้
ต้วมเตี้ยมตามแล...สร้างแหใยบาง
เติบโต...เฉกโพตระหง่าน
ผีเสื้อปีกบาง...เลือนลางเรื่องราว
บีบคั้น...ด้นดั้นคว้าดาว
ขีดสีผ้าขาว...สวยพราวงามตา
จริงแท้...ซ่อนร่างอ่อนล้า
ผีเสื้อโตมา...เสาะหาสับสน
เร้นหลีก...กระพือปีกรน
หลีกหนีผู้คน...เกินทนเกินรับ
รังไหม...เยื่อใยหวนกลับ
รั้งปีกลอยลับ...คืนกลับสู่รัง
ไม่รู้...นั่งดูกรงขัง
ผีเสื้อคืนรัง...ต้องยั้งหยุดกาย
ใครกัน...เคยดันมุ่งหมาย
ต่อสู้ไม่หน่าย...ยึดกายให้มั่น
วันนี้...คนที่ผลักดัน
กลับรั้งหยุดฝัน...อย่าดั้นด้นไป
ถ้อยคำ...บอกย้ำห่วงใย
เจ้ายังเล็กไป...อย่าได้เก่งเกิน
ยามเยาว์...ใครเฝ้าบอกเดิน
ล้มกันเพลิดเพลิน...จงเมินนิ่งเฉย
เชื่อมั่น...คำนั้นเคยเอ่ย
ไม่ร้างลาเลย...แต่เคยเชื่อใจ
เพราะเชื่อ...ผีเสื้อจึงได้
กล้าบินต่อไป...แม้ไร้หนทาง
มั่นคง...ยืนยงหยัดร่าง
ยืนหยัดไม่วาง...ต้องขวางต้องทน
ยอดยิ่ง...เป็นมิ่งเป็นผล
ค่าความเป็นคน...คือผลกำไร
ยืนหยัด...นิ่งวัดดวงใจ
มองตามหลังใคร...ฤๅไร้แม้เงา
อ่อนล้า...ก้มหน้าทนเหงา
ฝืนยิ้มกับเรา...หน้าเงากระจก
ผีเสื้อ...ฝ่าเรื้อพงรก
ซวนเซซบอก...ซุกกกในป่า
สุดท้าย...ที่ปลายขอบฟ้า
มีเพียงตัวข้า...อ่อนล้าลำพัง
ดักแด้...ลืมแลดูหลัง
เหลือเพียงลำพัง...ต้องยั้งหยุดเดิน
เคยเชื่อ...ผีเสื้องามเพลิน
สมองตื้นเขิน...เกินเดินได้เอง
จริงแท้...ก็แค่ร่ำเพลง
ให้ร้อนให้เร่ง...อย่าเกรงอย่าถอย
ก่อนรั้ง...ยุดยั้งให้คอย
กลับคืนสู่ดอย...นั่งหงอยเรื่อยมา
เติบโต...ดุจโพไร้ค่า
ไม้ร่มนกกา...จงอย่าออกไป
สับสน...ไหนคนเคยให้
บอกจงก้าวไป...ยืนให้มั่นคง
ช่างเถิด...เคยเกิดทระนง
อาจเพียงแค่หลง...มึนงงชั่วคราว
จากคุณ :
Argent
- [
18 มี.ค. 50 19:25:48
]