เรื่องที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5222973/W5222973.html
++++++++
ใต้แมวดำ......1/2
เด็กชายวัยใกล้เคียงสิบขวบปิดหนังสือลงก่อนเอนลงหลังบนเตียงด้วยหัวใจซึ่งเต้นไม่ค่อยปกตินัก เพราะหนังสือเล่มนั้นเป็นงานเขย่าขวัญคลาสสิกของเอ็ดการ์ อลันโป เรื่องที่เพิ่งอ่านจบลงไปคือเรื่อง แมวดำ ซึ่งบรรยากาศหลอนน่าสะพรึงกลัวแทบทั้งเรื่อง ฉากสุดท้ายของเรื่องเป็นการเปิดเผยความลับของศพถูกฝังในผนังห้องพร้อมแมวดำซึ่งมีที่มาเร้นลับและนำมาซึ่งความหายนะ แต่ฉากอันน่าขนลุกของเด็กชายเพิ่งเริ่มต้น เมื่อเขาได้ยินเสียงแมวร้องดังแว่วมาแต่ใกล
ความจริงมันก็เป็นเสียงแมวธรรมดา แต่ร้องตอนกลางคืนหลังการอ่านเรื่องสยองขวัญจบใหม่ๆ แบบนี้มันวังเวงน่ากลัวเป็นพิเศษ เด็กชายนึกภาพแมวดำตัวเขื่องเกาะบนบ่าของศพภรรยาเจ้าของบ้าน กำลังแสะเขี้ยวร้องพร้อมดวงตาแดงจ้าราวมีไฟลุกโชนอยู่หลังผนังปูนอันเย็นยะเยือก มืดมนและอลอวลเต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งความตาย
เขาหันไปมองหน้าต่างซึ่งเป็นกรอบสี่เหลี่ยมดำมืดบนผนัง ด้านนั้นของตัวบ้านไม่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้เคียงเพราะเป็นพื้นที่รกร้าง เต็มไปด้วยหญ้านานาชนิด ไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่น้อย ชาวบ้านเคยลือว่าเคยเห็นงูเหลือมขนาดใหญ่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น ทำให้ไม่มีใครล่วงล้ำเข้าไปถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
เสียงแมวดังแว่วมาอีก เขาจับทิศทางไม่ได้ว่าดังมาจากไหน บางทีอาจเป็นจากป่ารกร้างนั่น หรือไม่ก็เป็นใต้ชายคาบ้าน หรืออาจจะเป็นข้างๆ บ้าน
หรือบางทีอาจจะดังมาจากในผนัง !
คิดอะไรบ้าๆ...เด็กชายอยากลุกขึ้นเตะก้นตัวเองสักป๊าบ แมวบ้าอะไรจะมาร้องในผนัง นึกแล้วอยากจะฝืนหัวเราะปลอบใจตัวเอง แต่จนใจที่ตอนนี้ไม่มีปัญญาขำ เขาบอกกับตัวเองว่าไม่น่าอ่านเรื่องน่ากลัวแบบนี้ก่อนนอนเลย มันเป็นความผิดของพ่อกับแม่ที่ชอบซื้อหนังสือประเภทนี้เข้าบ้าน
แสงไฟบนเพดานดูหม่นมัวชอบกล คืนนี้อะไรก็ดูวังเวงน่ากลัวอย่างน่าแปลก หรือจะเป็นเพราะอาถรรพ์ของเรื่องสยองขวัญนั่น ถึงจะอ่านจบไปแล้วแต่เรื่องแมวดำเหมือนจะตอกตรึงอยู่ในหัวอย่างสลัดไม่หลุด ฉากและเหตุการณ์ในเรื่องราวกับเป็นภาพยนต์มาฉายอยู่ในห้วงความคิดวนเวียนไปมาไม่รู้จบ
เสียงร้องของแมวดังมาอีกแล้ว
คราวนี้เหมือนดังใกล้เข้ามากว่าทุกครั้ง แต่ยังจับทิศทางไม่ได้อยู่ดี เด็กชายรู้ว่าแถวนี้ไม่มีบ้านไหนเลี้ยงแมว และปกติก็ค่อยได้ยินเสียงแมวมาร้องให้ได้ยินบ่อยครั้งนัก ไม่แน่....บางทีมันอาจซ่อนอยู่ใต้เตียงนี่เอง
จะบ้ากันใหญ่ แมวที่ไหนจะมาซ่อนอยู่ใต้เตียง มันเป็นไปไม่ได้และไม่มีทางเป็นไปได้เลยสักนิด
นอกจากว่าจะเป็นแมวผี!
คิดแบบนั้นทำให้หัวใจเต้นรัว แมวผีซึ่งเป็นวิญญาณอาฆาตเร่ร่อนวนเวียนหลอกหลอนผู้คนโดยไร้เหตุผล มันเดินทางออกมาจากนรก โผล่ขึ้นมาจากหลุมศพอันอุดอู้ในราตรีอันเยือกเย็นวังเวง หรือไม่ก็เป็นแมวผีซึ่งหลุดออกจากผนัง!
ผนังซึ่งมีศพซ่อนอยู่ พร้อมขวานเล่มใหญ่จามติดคาหัว ไม่รู้ว่าความคิดบ้าๆนี่มันทะลึ่งเข้ามาอยู่ในสมองได้อย่างไร นี่มันบ้านของเขา ไม่ใช่นิยายสยองขวัญ จะมีศพมาซ่อนได้อย่างไร
นอกจากว่าจะมีการฆาตกรรม!
เด็กชายนอนไม่ติด เขาลุกขึ้น รู้สึกคอแห้งผาก ถ้าได้น้ำเย็นๆ ลงแก้วคงจะดีไม่น้อย แต่ตู้เย็นอยู่ชั้นล่าง ตอนนี้อะไรๆก็ดูวังเวงน่ากลัว และยิ่งนึกว่าพ่อแม่ยังไม่กลับบ้าน ยิ่งทำให้รู้สึกอ้างว้างอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ถ้าเดินลงไปแล้วเกิดมีใครบางคนดักรออยู่พร้อมด้วยขวานเล่มโต คงวิ่งหนีไม่ทัน หรือไม่ก็เป็นซากศพเน่าเปื่อยตะกุยตะกายไขว่คว้าออกมาจากผนัง แค่คิดก็ขนลุก
เขาเปลี่ยนใจ ยอมทนกระหายจนกว่าพ่อแม่จะกลับมาดีกว่า ตอนนี้ความหวาดกลัวไร้สภาพมันก่อตัวเติบโตขึ้นมาอย่างช้าๆ ฝังรากเง่าแห่งความประหวั่นพรั่นพรึงไปทั่วเส้นประสาทและไขสันหลัง ต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติไปจากที่ควรจะเป็นไปในคืนซึ่งผิดแผกแตกต่างนี้
ใต้เตียง......มันต้องไม่มีแมว... แต่จะให้แน่ใจต้องก้มลงไปดู ใต้เตียงซึ่งเป็นที่อยู่ของความมืด เป็นมุมอับอัดน่ากลัวเต็มไปด้วยความไม่รู้ มันก็แค่ก้มลงไปมองเท่านั้น เรื่องที่จะทำไม่ยากอะไรเลย ต้องดูให้รู้แน่
อย่างช้าๆ เขาค่อยๆชะโงกหน้าลงไปมองด้วใจระทึกทั้งที่ไม่ใช่เรื่องตื่นเต้นอะไร แต่บางทีความรู้สึกคนเรามันช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เพราะยิ่งก้มลงไปมากเท่าไรขนยิ่งลุกเกรียวไปทั่วร่าง มันไล่เป็นละลอกจนเห่อชาหนาไปทั้งตัว
เงาดำทะมึนอยู่ใต้เตียง อะไรบางอย่างอยู่ที่นั่น
เด็กชายตาเบิกโพลง แทบหลุดปากร้องออกมาดังๆ หัวใจเหมือนกระเด็นออกจากร่าง แทบจะนึกถึงแมวดำตาลุกเป็นไฟกระโจนเข้ามาใส่หน้า หรือไม่ก็ซากศพตาเหลือกถลนปากอ้าแสยะกำลังยื่นมือออกมากระชากตัวหายไปไต้เตียง ถ้าไม่เป็นเพราะความทรงจำบางอย่างวิ่งเข้ามาช่วยสติไม่ให้แตกแบบเฉียดฉิว
นั่นมันกล่องกระดาษบุบบิบบู้บี้เก่าๆ สำหรับใส่ของเล่นที่เบื่อแล้วซึ่งซ่อนไว้ใต้เตียง ไม่ใช่ภูติผีปีศาจอะไรสักนิด
เราท่าจะประสาทกิน....คิดเป็นจริงเป็นจังไปได้ถึงขนาดนั้น เด็กชายนึกอยากหัวเราะให้กับตัวเอง แต่หัวเราะไม่ออกเพราะยังมีจุดที่น่าสงสัย ผนังคอนกรีต..กำแพงที่อาจซ่อนศพใครบางคนเอาไว้ บ้านหลังนี้พ่อแม่ซื้อต่อมาจากคนอื่น มันก็อาจเป็นไปได้ว่ามีศพฝังซ่อนอยู่ข้างในรอการทลายผนังปลดปล่อยวิญญาณให้ไปผุดไปเกิด
เหงื่อไหลชุ่มโชกอีกแล้ว เขาลุกพรวดพรวดก่อนสูดลมหายใจยาวๆ พยายามประคองสติให้มั่นคง ทำไมต้องนึกนั่นคิดนี่ เรื่องดีๆ ไม่คิด มาคิดเรื่องประสาทเสียแบบนี้ หรือเป็นอาถรรพ์นิยายของเอ็ดการ์ อลัน โป จริง ๆ เพราะเรื่องฆาตกรรมซ่อนรอยนี่เขาถนัดนัก
มันไม่มีอะไรก็แล้วไป แต่ถ้ามีอะไรอบู่หลังกำลังนั่นล่ะ เช่นซากศพซึ่งจ้องมองเขาผ่านเบ้าตากลวงมืดดำทะลุผนังออกมา แอบดูความเคลื่อนไหวของเขาอย่างเงียบ ๆมานาน เพื่อรอคอยโอกาสวันเวลา ด้วยจุดมุ่งหมายอะไรบางอย่าง มันคงน่าขนลุกขนพองสยองเกล้าและน่าสพรึงกลัวที่สุดในการถูกจับจ้องเฝ้ามองด้วยสายตาของคนตายแบบนั้น
เด็กชายกัดริมฝีปาก พยายามระงับความสงสัยและเลิกคิดบ้าๆแบบนั้น แต่ดูเหมือนจะไร้ผล ภาพซากศพแห้งกรังแทบจะลอยปรากฏให้เห็นออกมาจากผนัง นี่เขาต้องค้อนมาทะลายกำแพงดูให้รู้แน่ว่าไม่มีอะไรจริงๆ จึงจะนอนหลับ หรืออย่างไร
เสียงร้องของแมวดังอีกครั้ง คราวนี้ถนัดชัดเจนเหลือเกิน มันดังใกล้ๆ นี่เอง
ไม่..มันจะต้องไม่ดังออกมาจากผนัง แค่ชะโงกมองลงไปจากหน้าต่างๆ บางทีอาจจะเห็นแมวต้นเหตุเดินอยู่ข้างล่าง มันก็แค่แมวธรรมดา แต่พอนึกต่ออีกว่าขณะเดินไปที่หน้าต่าง ถ้าจู่ๆ ภาพผู้หญิงหน้าซีดผมยาวศีรษะแบะเลือดโชกจากรอยขวานโผล่พรวดขึ้นมาจะทำอย่างไร ตอนนี้อยู่คนเดียวใครจะช่วยได้
เขากระโจนขึ้นเตียง คว้าผ้าห่มมาคลุมโปง ขดตัวเป็นแมวนอนหวด ไม่ต้องรู้ต้องเห็นอะไรทั้งนั้น จะร้อนก็ทนเอาหน่อย รอให้พ่อแม่กลับมาทุกอย่างคงดีขึ้น ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยไปขอนอนห้องพ่อแม่ก็ได้
การอยู่คนเดียวในค่ำคืนอันอ้างว้างมันเป็นสิ่งเลวร้ายเหลือเกิน ยิ่งเผลออ่านเรื่องน่ากลัวยิ่งตอกย้ำให้เลวร้ายหนักลงไปอีก เขาสาบานว่าต่อไปนี้จะไม่แตะต้องนิยายสยองขวัญก่อนนอนเด็ดขาด มันทำให้ฝันร้ายทั้งที่ยังลืมตา
อย่างเช่นตอนนี้ เขาต้องมานอนคลุมโปงทั้งที่อากาศคืนนี้ค่อนข้างร้อนอบอ้าว แต่สมมุติว่ามีใครบางคนกำลังอยู่ในห้องนี้ล่ะ เพราะการนอนคลุมโปงแบบนี้จึงทำให้มองไม่เห็นผู้หญิงหน้าซีดขาวจนน่ากลัว ผมยาวเลือดท่วมตัว กำลังยืนจ้องมองข้างๆ เตียงอย่างสงบเงียบ รอให้เปิดผ้าห่มออกมาประจัญหน้าซึ่งๆ หน้า แบบนั้นคงได้ชักดิ้นชักงอกันคอตายคาเตียง ยิ่งนึกยิ่งขนลุก อาการใกล้บ้าเป็นแบบนี้เอง
ความโดดเดี่ยว ราตรีอ้างว้าง ความหวาดกลัว และจินตนาการซึ่งยากในการควบคุมผสมผสานสร้างบรรยากาศแห่งความน่าประหวั่นพรั่นพรึงจนจับขั้วหัวใจ ทำให้ห้องนอนซึ่งเคยอบอุ่นปลอดภัยกลายเป็นฝันร้าย
เด็กชายพรวดพรวดลุกจากเตียง ร้องสุดเสียงเหวี่ยงหลับหูหลับตาเหวี่ยงผ้าห่มไปมาเหมือนคนสติแตกไปแล้ว
มาสิโว้ย ไอ้ผีบ้า..
เขากระโดดเตะต่อยอากาศไปมาจนเหนื่อย เอาความบ้าดีเดือดมาข่มความหวาดกลัว ผีจะหลอกคนบ้าก็ให้มันรู้ไป.. จนรู้สึกเหนื่อยเหงื่อท่วมตัวจึงนั่งลงหอบข้างเตียง ได้บ้าไปยกหนึ่งรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย
ใจยังไม่ทันหายสั่นเสียงแมวก็ร้องให้ได้ยินอีก ทีนี้จับทิศทางได้แล้ว เสียงร้องนั่นไม่ได้มาจากผนัง แต่ดังอยู่ในบ้านนี่เอง และสิ่งที่น่าขนหัวลุกที่สุดคือเสียงฝีเท้าเดินเป็นจังหวะขึ้นมาบนชั้นบนพร้อมกับเสียงร้องของแมวดังเป็นระยะ
ภาพนรกปรากฏขึ้นในหัวทันที ผู้หญิงศีรษะท่วมเลือดกำลังเดินถือขวานเล่มโตเดินลากเท้าช้าๆ ขึ้นมา โดยมีแมวเกาะบ่ามาด้วย อาภรรพ์ของเรื่องแมวดำกำลังจะกลายเป็นจริง เขาไม่ควรอ่านมันเลย ถ้าเลือกอ่านเรื่องกระต่ายกับเต่า ป่านนี้คงนอนหลับฝันเห็นเจ้าเต่าน่ารักต้วมเตี้ยมไปมามุ่งหน้าสู่เส้นชัยโดยมีเจ้ากระต่ายหน้าตาตื่นใล่กวดมาห่าง ๆ
เสียงร้องของแมวอยู่หน้าประตูนี่เอง พร้อมกับเสียงเคาะประตูแรงๆ
เด็กชายแหกปากร้องสุดเสียง ผมเผ้าตั้งชันจนรู้สึกว่าหัวตัวเองขยายขึ้นหลายเท่า แต่ก่อนขวัญจะกระเจิดกระเจิงไปจนกู่ไม่กลับ ในหูได้ยินเสียงที่แสนคุ้นเคย
ลูกเป็นอะไรไป นี่แม่เอง เปิดประตูที
ความรู้สึกพลิกวูบกะทันหัน แม่มาแล้ว....ไม่ใช่ภูตผีปีศาจที่ไหน เขาแทบหัวเราะออกมาสุดเสียงด้วยความดีใจ ฝันร้ายหยุดลงแล้ว ในที่สุดแม่ก็กลับมา แต่อาการดีใจยังไม่ขึ้นเต็มพิกัดก็ต้องชะงักค้างทางอารมณ์เมื่อเปิดประตูออกไป
แม่ไม่ได้มามือเปล่า มีแมวตัวหนึ่งติดตัวมาด้วย มันยังโตไม่เต็มที่ และที่สำคัญมันเป็นแมวดำ
เขาจ้องมองอย่างมึนงงปนไม่ไว้ใจครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า
แม่เอาแมวมาทำไมครับ..
แม่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ลูบหัวเจ้าแมวตำในอ้อมแขนไปมาอย่างเอ็นดู ซึ่งได้รับการตอบสนองโดยการร้องเมี้ยวๆอย่างแสนประจบตามประสาแมว ๆ
แม่เห็นมันเดินวนเวียนอยู่ข้างบ้าน สงสัยหลงมาจากที่อื่นลูกจะเลี้ยงมันเป็นเพื่อนก็ได้นะ
แต่มันเป็นแมวดำนะแม่
แล้วไง....
ผู้เป็นแม่ถามอย่างสงสัย แต่พอมองเห็นหนังสือรวมเรื่องสั้นของเอ็ดการ์ อลัน โป วางอยู่โต๊ะหัวเตียงจึงยิ้มอย่างเข้าใจ
ลูกอ่านหนังสือนี้ใช่ไหมล่ะ
เด็กชายยิ้มแห้งๆ เป็นการยอมรับในที ผู้เป็นแม่ส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนยื่นแมวดำมาให้ตรงหน้า
นั่นมันเรื่องแต่ง แต่แมวตัวนี้เป็นเรื่องจริง ลองอุ้มดูสิจ๊ะ ขนนุ่มๆฟูๆ นี่ล่ะชีวิตจริงๆ
แต่....
ลูกผู้ชายอะไรขี้กลัวเป็นเด็กผู้หญิง
ประโยคนั้นคือไม้ตายกำราบลูกผู้ชายอย่างเขา เด็กชายเอื้อมมือไปรับเจ้าแมวคำมาทันทีเพื่อลบล้างคำปรามาทของแม่... ใช่แล้ว ...อย่างที่แม่ว่า ตัวอุ่นๆขนฟูๆนุ่มๆ นี่ล่ะความมีชีวิต ตอนนี้มันหันมามองตาแป๋ว เลียมือเขาไปมาแบบประจบเจ้านายอีกคน เด็กชายหัวเราะออกมาได้ ความรู้สึกไม่ดีหายวับไปทันทีเมื่อเจอความน่ารักของแมวขี้ประจบ
ให้มันนอนกับลูกก็ได้
แม่สั่งก่อนคว้าหนังสือสยองขวัญเจ้าปัญหาติดมือไปด้วย ก็ดีแล้ว..แม้ว่ายังเหลืออีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้อ่านก็ไม่เป็นไร เพราะอ่านแล้วทำให้สติแตก
เจ้าแมวตัวนั้นถ้ายิ้มได้คงยิ้มไปแล้ว เพราะได้นอนบนที่นอนนุ่มๆ หลังเดินตากยุงอยู่นาน
แกคงไม่ได้หลุดออกมาจากผนังนะเจ้าแมว...
เขาถามลอยๆ แบบไม่ตั้งใจทั้งที่ไม่รู้ภาษาแมว ขณะเกาคางให้เจ้าแมวตัวนั้น พอถามแล้วก็อยากตบปากตัวเองทันที เพราะคำถามนั้นชี้นำไปสู่จินตนาการสยองซึ่งเพิ่งจางหายไปให้ทำท่าจะหวนกลับอีกครั้ง
สมมุติว่าเจ้าแมวนี่หลุดออกมาจากผนังหลังความตายอันเยือกเย็น
แล้วใครกันล่ะที่ถูกฝังไปด้วย ภรรยาเจ้าของบ้านผู้โชคร้ายซึ่งถูกจามด้วยขวาน โดยฝีมือของสามีในขณะพยายามปกป้องแมวดำก่อนถูกซ่อนศพในผนัง
ถ้าแมวออกมาได้ ร่างไร้วิญญาณของหญิงสาวคนนั้นก็ต้องออกมาได้ ความคิดอุบาทว์เริ่มทะยอยเรียงหน้าออกมาแบบควบคุมไม่อยู่ สมมุติว่าความจริงคือพ่อของเขาได้ฆ่าผู้เป็นภรรยาของตัวเอง แล้วฝังไว้หลังกำแพงบ้านล่ะ.............
+++++
อ่านตอนจบในตอนต่อไปครับ
แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 50 12:03:08
แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 50 10:13:05
แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 50 08:39:31
แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 50 08:35:06
จากคุณ :
Psycho man
- [
20 มี.ค. 50 08:33:29
]