ผมเล่าเรื่องเพื่อนในอดีต ที่ได้จากไปแล้วมาหลายคน
และยังมีอีกหลายคน ที่เป็นเพื่อนสนิท และผมยังระลึกถึงเขาอยู่มิรู้ลืม
คนต่อไปเป็นคนรูปหล่อแบบชายงาม ผิวคล้ำไว้หนวดเรียวเหนือริมฝีปาก เขารับราชการในกรมเดียวกัน เกือบพร้อม ๆ กับผม แต่อยู่คนละหน่วย
ต่อมาอีกร่วมสิบปีเราจึงได้มาคบกันเป็นเพื่อน จากนั้นเราก็สนิทสนมกันมากขึ้น จนถึงขั้นไปกินไปนอนที่บ้านญาติของเขาที่บางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา แล้วจึงได้ทำงานร่วมกันในสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๕ ในหน้าที่พนักงานกล้องถ่ายโทรทัศน์
เขาเข้าไปทำงานทีหลังผม ดังนั้นผมจึงเป็นพี่เลี้ยงของเขาในหน้าที่นั้น แต่เขาเป็นคนเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ได้รวดเร็ว จึงทำให้สามารถปล่อยเดี่ยวได้ในเวลาไม่นานนัก
ผมรักและนับถือเขา ในเรื่องความขยันหมั่นเพียร เอาใจใส่ในหน้าที่การงาน มีความกระตือรือร้น และพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา
เขาเป็นคนกล้าหาญ สามารถทำงานใกล้ชิดกับผู้บังคับบัญชาชั้นสูงได้อย่างไม่เคอะเขิน ทั้ง ๆ ที่มียศเป็นนายทหารประทวนเท่านั้น แสดงให้ผู้บังคับบัญชาเห็นถึงความซื่อสัตย์สุจริต และความจงรักภักดี เขาจึงได้รับความไว้วางใจและความเชื่อถือจากผู้บังคับบัญชาชั้นสูง ตลอดมา
ในงานด้านโทรทัศน์ นอกจากงานประจำที่เขาทำด้วยความกระฉับกระเฉง ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอย่างว่องไวทันเวลาแล้ว เขายังได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ ให้ก้าวเข้าสู่วงการแสดง
เริ่มจากเป็นตัวประกอบซึ่งเมื่อเขาได้รับค่าตอบแทนครั้งแรกใส่อยู่ในซอง เข้าไม่กล้าเปิดออกดู ได้ชวนผมกับเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง ไปนั่งที่ร้านข้าวต้มแถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วค่อย ๆ แกะซองนั้นออกมาด้วยความภาคภูมิใจต่อหน้าเราทั้งสอง
มันเป็นเงิน ๑๕๐ บาท ซึ่งมากพอสมควรในสมัยที่ยังเป็นทีวีขาวดำ แล้วเราก็ช่วยกันแสดงความยินดีด้วยสุราอาหาร จนหมดเงินจำนวนนั้น
เขาได้ร่วมแสดงภาพยนต์ทางโทรทัศน์ ของคณะรัชฟิล์มหลายเรื่อง ที่เด่นดังในยุคนั้น เช่น พิภพมัจจุราช หุ่นไล่กา เพื่อมาตุภูมิ และ ชุมทางชีวิต ถึงแม้เขาจะก้าวไปไม่ถึงระดับดารานำ แต่ฝีมือการแสดงของเขา ก็ไม่ด้อยไปกว่าดาวร้ายที่ไว้หนวดทั้งหลาย
สุดท้ายเขาได้เลื่อนเป็นผู้กำกับเวที และทำงานทางโทรทัศน์อยู่จนถึงเวลาเกษียณอายุราชการ
ในด้านส่วนตัวกับผมนั้น เขาให้ความรักและนับถือผม อย่างมั่นคงไม่มีเปลี่ยนแปลง ทั้ง ๆ ที่ผมมีอายุอ่อนกว่าเขา เขาจะทุกข์จะสุข มีกินหรือไม่มีกิน ก็ต้องบอกเล่ากันอยู่เสมอ ดูเหมือนเขาจะไม่มีความลับอะไรสำหรับผมเลย เราต่างเป็นที่ปรึกษาของกันและกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเมื่อมีโอกาส ตักเตือนแนะนำด้วยความสุจริตใจต่อกันทุกเรื่อง ตลอดเวลาที่คบกันมา
เขาเป็นคนมีความแข็งแรงสุขภาพดี เพราะได้ออกกำลังกายอยู่อย่างสม่ำเสมอ เมื่อผมเกษียณอายุราชการ เขาก็ยังแนะนำให้ผมหมั่นออกกำลังกายทุกเช้า เพื่อร่างกายจะได้แข็งแรง ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน
แต่ผมเป็นคนขี้เกียจตื่นเช้ามาแต่ไหนแต่ไร จึงละเลยคำแนะนำด้วยความหวังดีของเขาเสีย
จนอีกสองปีต่อมา เขาจึงเริ่มไม่สบาย ซึ่งเขาก็ปรับทุกข์และขอคำแนะนำจากผมบ้าง เมื่อผมแสดงความคิดเห็นไปตามความรู้สึกส่วนตัว เขาก็พอใจที่จะปฏิบัติตามในหลายประการ แม้แต่การเข้ารับการผ่าตัดโรคมะเร็งที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ เพราะเขาพักอยู่ที่บ้านปากน้ำ
สุดท้ายเขาได้รายงานอาการป่วยให้ผมทราบทางโทรศัพท์ ว่ารับประทานอาหารไม่ค่อยได้ น้ำหนักลด และอ่อนเพลียไม่มีแรงแม้แต่จะเดิน ต่อมาอีกเกือบเดือนผมจึงได้ทราบว่าเขาเข้าไปนอนอยู่ที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
ผมก็ตกใจพยายามที่จะไปเยี่ยมเขาให้เร็วที่สุด แต่ก็ไม่ทันการ เขาหมดลมหายใจเสียในตอนเย็น วันจันทร์ แทนที่ผมจะได้ไปเยี่ยมเขาที่ปากน้ำ ในวันรุ่งขึ้นตามที่ตั้งใจไว้ เขากลับมานอนให้ผมรดน้ำที่วัดสังเวชแทน
ผมจึงเห็นแต่ใบหน้าที่เรียบเฉย ผมขาวทั้งศีรษะ และหนวดก็ขาว สวมแว่นตาซึ่งไม่มีความจำเป็นสำหรับเขาอีกแล้ว
เขาไม่เห็นและไม่รับรู้สรรพสิ่ง ใด ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้แล้ว เขาไม่เห็นแม้แต่เพื่อนซึ่งรักเขา และเขาก็รักมากที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ตรงหน้า
ผมเขย่ามืออันเย็นชืดและแข็งทื่อของเขา เป็นการอำลา เหมือนที่เราเคยทำในคราวที่ต้องจากกัน แต่คราวนี้เป็นการลาครั้งสุดท้าย เขาไม่ได้บีบมือตอบผมเช่นเคย ผมเพียงแต่รู้สึกด้วยใจ
ว่าเขาคงจะรับรู้ถึงความเสียใจและอาลัยของผม เช่นกัน.
จากคุณ :
เจียวต้าย
- [
22 มี.ค. 50 07:05:01
]