แหะๆ....(ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องหัวเราะนำมาก่อน หุหุหุ)
เอ่อ...คือ...(คราวนี้เริ่มเข้าใจแล้วค่ะ เกิดจากความละอายใจนั่นเอง...ก้มหน้างุดยิ้มอายๆเอานิ้วชี้ชนกัน)
เอาล่ะ ! อุณากรรณอยากจะบอกว่า....
ขอส่งเรื่องสั้นเรื่องนี้มาขัดตาทัพ "เพลงปืนในคืนรัก" ก่อนนะคะ เพราะหลังจากที่เขียนตอนที่ ๓ จบ รู้สึกว่า "เพลงปืนฯ" ไม่ดุเดือดอย่างที่คิดเลยค่ะ มันออกคอมเมดี้ยังไงไม่รู้ดิ ฮือๆ จะรอดไหมเนี่ย วางพล็อตไว้ ๙ ตอน นี่ยังไม่ถึงครึ่งเลย
ฮี่ๆ เอาปัญหานี้ไปปรึกษากับแม่ที่รักที่ซู้ด ข้ออ้างสารพัดสารพันอันยาวเหยียดของอุณากรรณ แม่สรุปสั้นๆค่ะว่า "ขี้เกียจน่ะสิ" คนเป็นลูกสาวเลยได้แต่ย่นจมูก ทำปากจู๋ ก่อนจะงึมงำๆ
"โหย....แม่อ้ะ อย่าเอาเรื่องนี้ไปปนกะเรื่องอื่นเดะ"
อุณากรรณไม่ได้ขี้เกียจเลยนะคะ จริงๆนะคะ สงสัยช่วงนี้
กระดี๊กระด๊ากินจุเกินไปหน่อย เลยมีความสุขเขียนฉากรันทดหดหู่ไม่ค่อยได้
มาเรื่อง "เกลียวคลื่นและผืนทราย"กันดีกว่าเนอะ
เขียนเรื่องนี้ไว้นานแล้วค่ะ ปีหนึ่งได้แล้ว แต่ยังไม่ได้ลงที่ไหน
ด้วยความรู้สึกผิดที่ปล่อยให้คนอ่านรอ "เพลงปืนฯ"นาน
เลยไปค้นๆในเครื่องและเอามาลงให้อ่านกันก่อน
สัมผัสบรรยากาศริมทะเลจะได้เย็นกายและเย็นใจกันค่ะ ฮี่ๆ
ปล.สำหรับ "น้องจอยสาวสุพรรณคนงาม" พี่ไม่ได้ขี้โกงนะคะ ส่ง"พี่นนท์"มาก่อน แล้ว "พี่อะไรก็ไม่รู้ยังไม่คิดชื่อ" จาก "ประภาคารดาว" จะตามออกมาค่ะ อย่าให้พี่เขียนเรื่องทหารติดๆกันเลยนะคะ "มันจะเป็นอันตรายต่อหัวใจคนอ่านอย่างยิ่งค่ะ" 555
แว๊บ...บบบ.....บบ.....บ
* ~ * ~ เกลียวคลื่นและผืนทราย ~ * ~ *
ดวงตะวันค่อยๆอวดโฉมโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำแรสีทองลงบนผืนฟ้าและส่องสะท้อนกับผืนน้ำจนเกิดเป็นประกาย หญิงสาวที่ยืนเกาะราวระเบียงยกมือรวบผมยาวที่ถูกลมทะเลยามเช้าพัดจนยุ่งแล้วขมวดม้วนรัดไว้ด้วยผ้ากำมะหยี่สีดำที่ซ่อนยางยืดไว้ภายใน
เสียงแก้วกระทบกันดังขึ้นทางเบื้องหลังเป็นเหตุให้ปรางมณีเอี้ยวคอมองข้ามไหล่ไปยังเด็กสาวที่กำลังยกอาหารเช้าจัดวางลงบนโต๊ะ รอยยิ้มละมุนปรากฏบนดวงหน้าเรียวเมื่อเอ่ยปากถามถึงผู้เป็นมารดา
แม่ล่ะจ๊ะ ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะเอ่ยปากตอบผู้ถูกถามหาก็เดินออกมาจากตัวบ้าน
อยู่นี่จ้ะ ปรางมณีเดินเข้าไปรับถาดผลไม้จากผู้เป็นมารดามาถือเสียเองก่อนจะวางลงบนโต๊ะ
วันนี้จะออกไปไหนหรือเปล่าลูก หรือจะรอตาเอก่อน คุณงามตาถามพลางทรุดตัวลงนั่ง ดวงตายาวรีมองผู้เป็นลูกสาวที่ยืนอมยิ้ม ดวงหน้าเรียวหวานอิ่มเอิบด้วยวัยสาวและเมื่อฉาบด้วยความสุขของว่าที่เจ้าสาวยิ่งส่งให้ดวงหน้านั้นงามละมุนยิ่งกว่าเดิม
ปรางจะไปหาลุงภพค่ะ ขืนรอพี่เอคงดึก เห็นวันนี้มีนัดกับลูกค้าไม่รู้จะเสร็จกี่โมง กว่าจะขับรถมาจากกรุงเทพอีก ก็แม่สั่งห้ามพี่เอไม่ใช่เหรอคะ ว่าห้ามขับรถเร็ว ห้ามแซงซ้าย ปาดหน้า หญิงสาวเอียงคอส่งยิ้มล้อเลียนมารดา
จ้า แม่ลูกสาว คนพูดอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบผมยาวดำขลับของลูกสาวด้วยความเอ็นดู
ลูกสาวคนเดียวกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝา กำลังจะเติบโตสร้างครอบครัวของตัวเอง งานแต่งงานที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้านำมาซึ่งความสุขจนล้นหัวใจ หากเธอก็ยอมรับว่าในความสุขนั้นเธอก็อดใจหายไม่ได้
นี่ถ้าแม่ไม่ติดนัดเสียก่อนและลุงภพไม่ต้องไปราชการแต่เช้า แม่จะไปด้วย หรือถ้าพ่อไม่ติดราชการที่ต่างจังหวัดพ่อก็จะได้ไปเป็นเพื่อน
แม่คะ ปรางโตแล้วนะคะ อีกอย่างลุงภพก็ไม่ได้เป็นยักษ์เป็นมารสักหน่อย ปรางอยากไปเรียนเชิญลุงภพด้วยตัวเองค่ะ ลุงภพเหมือนเป็นพ่อของปรางอีกคนเห็นปรางมาตั้งแต่ตัวเท่าเนี้ย มือเรียวบางแบคว่ำขนานกับพื้นในระดับต่ำกว่าเอว
ดวงตากลมดำขลับทั้งคู่ของคนพูดเป็นประกายพราวเมื่อนึกถึงวัยเด็ก ลุงภพ...ผู้ชายตัวใหญ่เสียงดัง ใจดีที่สุดในโลกสำหรับเด็กหญิงปรางมณีตัวน้อย ทว่าเข้มงวด ดุที่สุดในโลกอีกเหมือนกันสำหรับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา และดุที่สุดในสามโลกเลยก็ว่าได้สำหรับ พี่นัทและพี่นนท์
จากคุณ :
อุณากรรณ
- [
24 มี.ค. 50 11:23:38
]