Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เรื่องตลกของโชคชะตา : ความรักกับความฝัน

    ตอนที่ 25 : ความรักกับความฝัน

    “....ทุกครั้งใกล้เธอฉันหน้าแดง ขาแข้งมันพันกัน เอ้ อี เย้ เฮ้...  ได้แค่กอดคอคงไม่พอ ได้กอดคอ ไม่เคยได้กอดใจไม่อยากกอดคอแล้ว ไม่เห็นแนวเท่ากอดใจ ลำบากเกินไปไหม ถ้ารักกัน เก็บอาการไว้ แอบรักเธอหมดหัวใจ ไม่อยากเป็นเพื่อนแล้วเข้าใจไหม อยากกอดหัวใจ ไม่กอดคอ” น้องเล็กกับขวดไวน์ และท่าทางเต้นแร้งเต้นกาหน้าจอทีวีขนาดสี่คนโอบ เฌลลีนั่งแหมะลงบนโซฟา กดรีโมท

    “เง้อออ ปิดไมอ่ะ กะลังฟังเพราะๆ เลย”

    “บาดใจ”

    “โหว พี่แป้น มันจะอินมากไปป่าวพี่นี่มันแค่เพลงน้า...  ไม่ได้เห็นแค่วันเดียว เคี้ยวข้าวไม่ลงคอ
    ยิ่งท้อถ้าโทรไปไม่รับสาย จะบอกว่ารักก็คิดหนัก ติดคอไม่กล้าพูดไป ทำได้ก็แต่คิด อีกนิดคงบ้าตาย ทุกครั้งใกล้เธอฉันหน้าแดง ขาแข้งมันพันกัน ได้แค่กอดคอคงไม่พอ ได้กอดคอ ไม่เคยได้กอดใจ” พูดเปล่าเมื่อไหร่ แต่กลับร้องเพลงเดิมต่อโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งมิวสิกวิดีโอในทีวีเลยนั่นแหละ

    “ทำอะไรอ่ะน้องเล็ก โดนน้ำร้อนสาดเข้าหรือไง”

    “ง่ะ เนี่ยพี่แป้นดู๊ ดูปากคอพี่ชายผม แล้วหยั่งงี้เมื่อไหร่จะมีแฟน...”

    “ยุ่งน่ะ ไปเลยไป ไปทำการบ้าน อย่าริเป็นนักร้องเชียวขอบอก เสียงแบบนี้ จากที่เป็นดาราอยู่ดีๆ เดี๋ยวจะดับไม่รู้ตัว”

    “พี่แป้นช่วยผมด้วย พี่นนท์รังแกผม”

    “พี่ก็คิดเหมือนณนนท์ นะ”

    “ทีหยั่งงี้ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทำไมไม่เป็นแฟนกันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยล๊า...” น้องเล็กมองค้อนแล้วก็งอนขึ้นห้องไป ปล่อยให้สองคนนั่งอึ้งเพราะพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน...

    วันหยุดลองวีคเอนด์ของณนนท์ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนเขาจะทำงาน ทำงาน และทำงาน โดยที่มีไอ้หน้าแป้นมาคอยรับใช้เรื่องงานบ้านและเฝ้าบ้าน เขาไม่เคยนึกถึงว่าเธอจะรู้สึกยังไง เพราะไม่เห็นเธอเคยบ่นอะไรสักคำ และเขาก็ไม่ได้บังคับให้ทำด้วย ถ้าไม่มา หรือไม่ทำ ก็เป็นสิทธิ์ที่ไอ้แป้นที่จะคว่ำบาตรตัวเองได้โดยไม่ต้องคิดอะไรมากอยู่แล้ว

    แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เพราะอีกไม่ถึงสี่เดือนเต็ม ไอ้แป้นก็ต้องไปอยู่ไกลจากเขาถึงอีกซีกโลกนานหลายปี และมันนานเกินไปสำหรับเขา

    “ไปเที่ยวกับไหมแป้น ผมว่าเราน่าจะไปเที่ยวต่างประเทศกันอีกสักครั้งนะ”

    “ฉันจำได้แม่นเป็นฉากๆ เลยแหละจะบอกให้ เรื่องที่แกทิ้งฉันให้มึนเป็นไก่ชนถูกถีบที่แฟรงค์เฟิร์ต ชะ อุตส่าห์จะไปสวีทหวานวันวาเลนไทน์ซะหน่อย ดันหนีกลับมาซะได้”

    “นี่เจ๊ เรื่องมันผ่านไปตั้งหลายปีแล้วลืมๆ ไปมั่งก็ได้นะ”

    “ไม่ได้หรอก เรื่องพวกเนี้ยสำคัญกับความรู้สึก”

    “เอาน่ะ ทีนี้จะแก้ตัวใหม่”

    “โนเวย์ ฉันไม่ไปต่างประเทศกับแกแล้ว เดี๋ยวแกทิ้งฉันอีก”

    “งั้นไปไหนดี อ๊ะ ผมนึกออกแล้ว เราไปสวีทกันริมแม่น้ำ ท่ามกลางภูเขา สายหมอกลอยเอื่อย เต็มไปด้วยสวนผลไม้ และกล้วยไม้ดีไหม”

    “สถานที่มันฟังดูคุ้นๆ นะ คล้ายกับรีสอร์ทของคุณนายดารณีที่ไทรโยคยังไงพิกล”

    “เก่งมากแป้น ไปป่าว... โอกาสสวีทระหว่างเรามีไม่บ่อยนะจะบอกให้”

    “ฉันไม่ต้องไปปูเตียง ใส่ปลอกหมอน กวาดพื้น ล้างห้องน้ำ แล้วก็ตัดดอกดาหลามาใส่แจกันอีกนะ”

    “คิดว่าไม่นะ” เป็นคำตอบที่ไม่ชัดเจนสักเท่าไหร่ แต่เรื่องอะไรจะปฏิเสธ มีบ่อยเสียเมื่อไหร่ที่ได้ไปไหนๆ กันสองคนน่ะ

    คุณนายดารณี นอกจากจะเป็นคนที่หน้าตาดีแล้ว ยังเป็นอภิชาติมารดามาก และยิ่งมีกุลบุตรสุดขี้เกียจทั้งสามหนุ่มแล้ว ท่านก็ปลงใจว่าคงเป็นไปได้ยากที่ลูกชายทั้งสามจะมีใครแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที หลังจากที่เล็งเอาไว้ว่าเจ้าลูกชายคนกลางที่ดูจะมี “ภาษี” ดีกว่าเพื่อนทั้งเรื่องหน้าที่การงาน และหน้าตา แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีสาวๆ คนไหนที่คบหาเป็นเรื่องเป็นราวสักที เจ้าคนเล็กนั้นเลิกพูดถึงเพราะยังเด็กเกินไปที่จะคิดเรื่องใหญ่แบบนี้ ดังนั้นคนที่ “พอหวังได้” ว่าพ่อกับแม่คงไม่แก่เกินกว่าจะได้อุ้มหลานก็คือเจ้าคนโต แต่ก็อีกนั่นแหละ ลูกชายไม่เคยพาใครมาแนะนำให้รู้จักในฐานะคนรักเลยสักครั้ง นอกจากหญิงสาวคนนี้ ที่ลูกชายแนะนำว่าเป็น “เพื่อน”

    ความที่คุณนายดารณี เธอมีแต่ลูกชายถึงสามหน่อและไม่เคยมีใครที่จะมาปวารณาตัวเป็นลูกสาว นั่นจึงเป็นที่ถูกใจเธอนักเมื่อเฌลลีมาคอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ ให้ช่วยหยิบโน่นจับนี่ จะขัดใจหน่อยก็ตรงที่ทำกับข้าวไม่เป็นเลยนั่นแหละ

    “อ่า คุณแม่ทำอะไรอยู่คะ” เฌลลีโมเมเอาเป็นแม่ไปเรียบร้อย ขณะที่คุณนายดารณีกำลังง่วนกับอะไรสักอย่างในครัว เธอจึงถือโอกาสเข้าไปทำคะแนน เพราะหาจังหวะอื่นไม่ได้

    “แม่กำลังหมักเนื้อทำสเต็กอยู่น่ะลูก ของโปรดณนนท์เค้าด้วย หนูมาลองทำดูหน่อยไหม” คุณนายดารณีเอ่ยปากขึ้นกลางเวหา คลับคล้ายว่าจะสอนเธอทำกับข้าวยังไงยังงั้น

    “อ่า...คือ เอ่อ...ค่ะ”

    “นี่นะลูก หั่นเนื้ออย่าให้บางมากนัก เตรียมเครื่องเทศ กระเทียม พริกไทย ซีอิ้ว แล้วก็เอามาหมัก ส้อมจิ้มๆ ให้เครื่องมันเข้าเนื้อ ห่อกระดาษฟอล์ยเอาเข้าตู้เย็นไว้หนึ่งคืนแล้วรุ่งเช้าย่างไฟ กินกับซอสถั่วเหลือง ซอสมะเขือเทศ พริกไทยป่น สลัดผัก” เฌลีช่วยหั่นเนื้อทำสเต็ก และคิดในใจว่า ทำไมณนนท์ถึงไม่ชอบกินอะไรที่มันทำง่ยๆ กว่านี้และไม่ยุ่งยากในการทำขนาดนี้นะ...

    ในตอนเย็นอากาศกำลังดี  ริมแม่น้ำแควน้อย น้ำไหลเอื่อยช้า เฌลลีนั่งเขียนบันทึกตรงท่าน้ำ ณนนท์นั่งลงข้างๆ

    “มีอะไรที่เรายังไม่ได้คุยกันอีกไหม” เฌลลีหันมาถามตรงไปตรงมา

    “พูดยังกะจะสารภาพบาป”

    “ฉันมีเรื่องที่อยากรู้ แต่ฉันไม่คิดว่าแกจะบอก”

    “ลองถามมาสิ ผมให้คุณถามได้ 3 ข้อ และผมจะถามคุณ 3 ข้อเหมือนกัน”

    “ได้เลย งั้นข้อแรกที่ฉันอยากรู้คือ ห้าปีที่ผ่านมา แกมีอะไรในใจที่ไม่เคยพูด ใช่ไหม”

    “ฮ่ะๆ จนได้นะไอ้แป้น ให้ตายเถอะ คุณเก็บความสงสัยมาได้ถึงห้าปีเลยเหรอ”

    “ฉันรอให้แกบอกเอง ฉันคิดว่าสักวันแกก็คงจะเล่าให้ฉันฟัง เพราะไม่เห็นความจำเป็นที่แกจะต้องปิดบังเรื่องในอดีต”

    “เพราะผมไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องบอกไง ผมรู้ว่าคุณต้องคิดมาก แค่ผมเล่าเรื่องน้องอ้อม น้องภา น้องสา น้องก้อย ให้คุณฟังคุณยังหนีไปทำมิวสิกวีดิโอถึงปราณบุรี ไม่ต้องไปพูดถึงใครไกลๆ เลย แค่ยัยแจนทำเค้กมาให้ผมวันเกิด คุณก็ถึงกับไปหัดทำเค้กเพื่อเอาชนะเค้า”

    “ไม่ได้เอาชนะเค้าเฟ้ย... เอาชนะใจแกตะหาก”

    “ญาติดีกันแล้วตอนนี้ก็ไปเรียนทำขนมกับเค้าซะสิ”

    “ไม่เอาละ ไม่สนุกแล้ว”

    “เอาน่า หัดทำเฉพาะเค้กผลไม้ก็ได้นี่ เพราะเค้กอื่นผมคงไม่กิน แต่ไม่ต้องใส่ลูกเกดเยอะนักนะ มันหวานไป”

    “ย่ะ แหม… ทีหยั่งงี้ล่ะสั่งได้สั่งเอา”

    “คำถามข้อต่อมาล่ะ” ณนนท์ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

    “ข้อสอง ทำไมแกไม่รักฉัน” แล้วเขาก็พ่นพรวดออกมาเพราะคำถามของเฌลลี

    “ฉันถามแปลกหรือไง อ่อ ระหว่างคิดคำตอบก็ไปเอาผ้ามาเช็ดพื้นเลย พ่นออกมาได้ น้ำลายเต็มเลยแหวะ”

    “สัญญาก่อนเด่ะ ว่าจะไม่โกรธ”

    “ไม่สัญญา เพราะชั้นไม่แน่ใจในคำตอบแก”

    “คือ... สำหรับคุณน่ะ ผมบอกตรงๆ นะ ผมไม่ค่อยจะมีความรู้สึกฉันท์ชู้สาวเท่าไหร่...อ่า เฮ้ยยยยย อย่าเพิ่งทุบเด่ะ เจ็บนะเว้ย ฟังก่อน คือ คุณก็รู้ว่าผมไม่ใช่นักเอาใจ ผมแสดงความรู้สึกไม่เก่ง แต่ถ้าคุณรู้จักผมดีคุณก็จะรู้ว่าบางครั้งการแสดงออกของผมมันก็อาจจะดูขัดหูขัดตาคุณไปบ้างแต่เชื่อเถอะว่าความรู้สึกที่ดีที่สุดในใจของผมเป็นของคุณ”

    “แกตอบไม่ตรงคำถาม ฉันถามว่า ทำไมแกไม่รักฉัน ในเมื่อแกก็ไม่ได้รักคนอื่น”

    “โอ เค เพราะผมลืมคนที่ผมเคยรักไม่ได้ และเพราะคุณนั่นแหละที่ทำให้ผมลืมเค้าไม่ได้”

    “เกี่ยวอะไรกับฉัน”

    “เค้าเคยทำในสิ่งที่คุณกำลังทำ และคุณต้องไม่เชื่อว่าเค้าหัดทำเค้กส้มเหมือนคุณเลย แล้วแบบนี้จะให้ผมลืมเค้าได้ยังไง”

    “โห ยังมีคนทำอะไรบ้าๆ แบบฉันได้อีกเหรอเนี่ย”

    “คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกได้คนเดียวหรือไงล่ะ”

    “อ๊ะ แหงสิ ทุ่มทุนสร้างหมดตัวขนาดนี้แล้วยังไม่คิดจะรักฉันเลยเนี่ย ฉันควรจะลาออกจากการเป็นคนหน้าตาดีไหมล่ะ”

    “ข้อสุดท้ายล่ะ ว่ามาซิ”

    “ถ้าแกมีทางเลือกอยู่สองทางในชีวิตคือ เลือกเดินตามแบบแผนสำเร็จรูป สุดท้ายแล้วแกจะมีทั้งเกียรติยศ เงินทองกองท่วมหัว กับอีกทางที่แกเป็นคนบุกเบิกแผ้วถางมีขวากหนามบ้างประปรายให้ได้รสชาติของชีวิต และไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่มีเรื่องสนุกๆ ให้ทำอยู่ตลอดเวลา”

    “ผมเลือกทางที่สอง แต่คุณเลือกทางที่หนึ่งแล้วนี่ เหลืออีกแค่สี่เดือนที่คุณจะอยู่ที่นี่ แล้วคุณถามเรื่องนี้เพื่ออะไร” เฌลลีมองหน้าณนนท์อย่างคนหาคำตอบ เขารู้จักเธอมาหลายปี แต่ตอนนี้มันดูเหมือนเขาไม่รู้จักเธอเลย

    “เมื่อใดที่เรารักใครสักคนมากพอเราจะสละความฝันของเราเพื่อเขาได้ แกไม่เคยได้ยินประโยคนี้ใช่ไหม” เฌลลีตอบเพียงนั้นแล้วกลับขึ้นบ้าน

    “รีบไปไหนล่ะ ถึงตาผมถามคุณบ้างแล้วนี่”

    “ไว้วันหลัง ฉันยังไม่ได้ไปไหนนี่... อีกตั้งร้อยยี่สิบกว่าวัน”

    ----------------------------------------------------

    ตอนก่อนหน้าค่ะ

    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5235553/W5235553.html

    จากคุณ : ดาริกามณี - [ 24 มี.ค. 50 12:03:45 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom