เรื่องเล่าของน้องน้ำตาลไหม้ (ตอนนับหนึ่งถึงสิบ)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5177561/W5177561.html
ตอนปฐมบทเด็กหญิงน้ำตาลไหม้
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5173744/W5173744.html
ใครต่อใครก็พากันเรียกน้ำตาลว่า น้ำตาลไหม้ เพราะว่าน้ำตาลเป็นเด็กแก่นกะโหลก ทำตัวแก่เกินวัย ไม่เรียบร้อยหวานแหววดังชื่อ มีอยู่ครั้งหนึ่งครูเจ้าประจำที่มาเชื่ออาหารเย็นกินเป็นรายเดือนกับยาย ถามน้ำตาลว่า โตขึ้นน้ำตาลอยากเป็นอะไร
ด้วยความมั่นใจ น้ำตาลตอบทันทีว่า อยากเป็นนางสาวไทยค่ะ (ทุกวันนี้ยัยน้ำตาลไหม้ยังคิดจะลองเปลี่ยนชื่อให้สั้นๆ เป็นคำว่า ไทย คำเดียวดู) ครูอมยิ้มจ้องหน้าน้ำตาลพร้อมสอนว่า ถ้าน้ำตาลอยากเป็นนางสาวไทย อันดับแรกน้ำตาลต้องเลิกเดินกระโดกกระเดกเสียก่อน ให้หัดหาหนังสือมาทูนหัวไว้แล้วเดินให้หลังตรง คอตั้ง แล้วท่องบทสวดมนต์ไปด้วย
น้ำตาลคิดอยู่ในใจ บทสวดมนต์ที่ยายสอนมันย๊าวยาว น้ำตาลจะไปจำได้ยังไงกัน บทสวดที่น้ำตาลนำไปใช้หัดเดินตามแบบที่ครูเขาสอนเลยเหลืออยู่แค่สามคำ คือ สาตุ๊จ้า พร้อมทั้งยกมือไหว้ประหลกๆ น้ำตาลพยายามจำที่ครูสอนไว้แล้วนำไปปฏิบัติ
แกเริ่มหัดเดินตามแบบที่ครูสอน แต่ไม่เคยเอาอะไรทูนหัวไว้ เพราะว่าลองวางไปหนึ่งทีมันหล่นทุกที น้ำตาลเลยเปลี่ยนกลยุทธ์ เอาเสียเอง โดยการใช้วิธียกมือไหว้แล้วชูมือขึ้นเหนือศรีษะ ทำท่าเหมือนเอาของวางบนหัว แล้วพูดว่าสาตุ๊จ้า เดินวนรอบบ้าน ตามแต่จะนึกขึ้นได้
วันหนึ่งมีหนังกลางแปลงมาฉายแถวบ้าน น้ำตาลก็ติดสอยห้อยตามยายไปดู ในหนังนางเอกของเรื่องใส่กระโปรงบาน เสื้อจีบคอบัวแขนพอง เดินเอาหนังสือทูนศรีษะไว้ พร้อมกับท่องอะไรก็ไม่ทราบ น้ำตาลจำได้แต่ม้วนๆ จำจงดี น้ำตาลคิดว่ายัยนังเอกหนังคนนี้ต้องชอบทองม้วนแน่ๆ รู้สึกเหมือนพี่สาวของน้ำตาลก็จะชอบท่องทองม้วนแบบนี้แหละ
พอดูหนังได้สักพักน้ำตาลก็เอะใจนึกขึ้นได้ ว่าที่นางเอกเขาหัดเดินพร้อมพร่ำหาขนมทองม้วน มันเหมือนที่ครูเคยสอนไว้เลยแฮะ แบบนี้สงสัยน้ำตาลมีหวังได้เป็นนางงามกับเขาแน่ๆ
พอหนังเดินเรื่องไปถึงกลางเรื่อง หลังจากนางเอกหัดเดินท่องชื่อขนมทองม้วนจบ น้ำตาลก็เห็นหล่อนไปหัดเต้นลีลาศ น้ำตาลก็ไม่รู้ว่าเต้นลีลาศแปลว่าอะไร แต่มีท่าหนึ่งที่น้ำตาลชอบใจเป็นพิเศษ คือท่าหมุนตัวเอนหลังแล้วยกขาขึ้นให้พระเอกรับไว้ น้ำตาลอยากจะหมุนเป็นบ้าง แต่น้ำตาลไม่เอนหลังหรอก น้ำตาลไม่ชอบเอนหลัง
หลังจากดูหนังกลางแปลงจบก็ดึกอักโข คืนนั้นน้ำตาลไม่รบเร้าจะกินหวานเย็นรอบดึกเหมือนที่เคยเป็น จนยายแปลกใจ แต่ยายก็ไม่ได้สนใจน้ำตาลมากนัก เพราะยายมัวแต่วางแผนจะไปดูลิเกงานวัดในวันรุ่งขึ้น
บนชานบ้านยกใต้ถุนสูง ครอบครัวของน้ำตาลกำลังนั่งรับประทานอาหารเย็นกันครบหน้า แต่น้ำตาลไม่ทานหรอก น้ำตาลเพิ่งร้องไห้ปวดท้องเพราะอาหารไม่ย่อย หรือเพราะว่ากระเพาะย่อยไม่ทันมาเมื่อตอนบ่ายนี่เอง น้ำตาลกินฝรั่งเยอะเกินไป ยายบอกให้เดินเยอะๆ มันจะได้ลงแข้งลงขา ไม่หนักท้อง
น้ำตาลเลยถือโอกาสฝึกเดินแบบนางงาม วันนี้น้ำตาลใส่ผ้าถุง ดูแล้วมันก็คล้ายกระโปรงแหละ เพราะผ้าถุงของน้ำตาลมีเชือกผูกไว้รอบเอวกันหลุดลุ่ย มันจึงพองๆ คล้ายกระโปรง น้ำตาลเริ่มเดินหลังตรงพุงยื่นยกมือเหนือศรีษะ พูดคำว่า สาตุ๊จ้า เดินรอบบ้าน ได้สามรอบก็เดินวนกลับมาถึงชานบ้าน น้ำตาลตั้งใจโชว์ท่าใหม่ที่เห็นจากในหนังให้ทุกคนดู
หนึ่ง สอง ส๊าม น้ำตาลนับเสียงดัง พร้อมทั้งหมุนตัวดึงชายผ้าถุงให้เป็นวงกลมตามจังหวะการหมุน โครม โป๊ะเชะ ไฟดับวูบ น้ำตาลหน้าจ๋อย ตะเกียงเจ้าพายุนอนแอ้งแม้งอยู่บนไม้กระดาน น้ำมันทะลักท่วมไส้ตะเกียง อากาศเข้าในหัวครอบไม่ทันไฟดับวูบ ครอบแก้วที่บังลมแตกกระจาย
พ่อจ้องหน้าน้ำตาลเขม็งพร้อมทั้งสั่งให้นั่งอยู่กับที่ห้ามขยับจนกว่าพ่อจะอนุญาต แล้วพ่อก็เดินเข้ามา ในมือถือโคมไฟอันเล็ก แม่ถือกระบุงใส่เศษขยะพร้อมไม้กวาดตามพ่อมา พอเก็บเศษแก้วที่แตกเสร็จ แม่ก็ไปก่อกองไฟบนเตากลางชานบ้าน ทุกคนเผาหัวเผือกสิ่งกลิ่นหอมฉุย สงสัยพ่อจะลืมน้ำตาลแล้วแน่ๆ พ่อยังไม่ได้บอกอนุญาตให้น้ำตาลขยับตัว
น้ำตาลนั่งกอดเข่ามองยาย ยายก็ทำเหมือนจะไม่รู้ตัว พี่สาวทั้งสองคนก็ทำเฉย คืนนั้นน้ำตาลเลยต้องนั่งจับมดแมงที่บินมาเล่นแสงโคมไฟใส่ขวดแก้วใบเล็กของเธอโดยไม่กล้าขยับตัว เพราะกลัวพ่อจะดุ น้ำตาลนั่งอยู่คนเดียวอย่างเหงาหงอยจนกระทั่งผล็อยหลับไป โดยไม่รู้ตัว
ในฝันยายจ้องหน้าพ่อเขม็ง ว่าพ่อใจร้ายที่ลงโทษน้ำตาล ถึงแม้ยายจะเป็นเจ้าของอาณาจักร แต่เวลาพ่อโมโหทีไร ยายไม่เคยกล้าหือสักที พ่อบอกยายว่า ถ้าตีลูกก็จะเจ็บเปล่า ถ้าไม่ลงโทษเลยน้ำตาลก็จะทั้งดื้อและซนแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่สำรวมกิริยา ปล่อยทิ้งไว้ให้สำนึกตนนะดีแล้ว ยายเลยได้แต่นิ่งเงียบ
น้ำตาลยังฝันว่าพ่อยกน้ำตาลขึ้นขี่เจ้าทุยตัวโปรด ในขณะที่พ่อกำลังอุ้มน้ำตาลเข้าไปนอนในห้อง คืนนั้นน้ำตาลเลยอดกินมันเผา แต่ก็ดีที่น้ำตาลไม่ต้องร้องไห้กลางดึก เพราะกินจนล้นกระเพาะเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
.
แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 50 13:57:48
จากคุณ :
sugarhut
- [
24 มี.ค. 50 13:49:24
]