Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    The pursuit of happiness

    อาจจะช้าหรือเอ๊าท์ไปแล้วสำหรับการเขียนถึงหนังเรื่องนี้ แต่ต้องขออกตัวก่อนว่านี่ไม่ใช่ การวิจารณ์หนังแต่อย่างใด ฉันเพียงแค่อยากเล่าถึงเรื่องที่เราไปเห็น ไปดู ไปได้ยินได้ฟัง
    แล้วเก็บมาเล่าสู่กันฟังบวกกับออกความเห็นส่วนตัวเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
    อาจเป็นหนังสือ เพลง หนัง หรืออะไรก็ตามที่รายล้อมโอบอุ้มโลกเล็กๆของฉันอยู่
    เพื่อนคนใดอยากร่วมกันถก เถียง ถาม ถุย คุยเอามันส์ส์ก็มาเรยย์ย์ค่า

    The pursuit of happiness
    หนังเล่าถึงชายอเมริกันคนหนึ่งที่พยายามตามหาความสุขของเขาเอง ผ่านเส้นทางชีวิตอันยากลำบากต่างๆนานา
    ส่วนตัวเคยถกกับนักเรียนคนอเมริกันคนหนึ่ง ถามเขาว่าคุณคิดว่าชีวิตคืออะไร และเราเกิดมาเพื่ออะไร ทำไมเราถึงมาอยู่บนโลกเบี้ยวๆใบนี้
    Life is committed and disciplined.
    คือคำตอบของรั้วของชาติคนนี้
    จริงอย่างเขาว่า ถ้าตอบตามมุมมองแบบทหาร-ทหารของเขา
    ชีวิตคือการอยู่ในกฎเกณฑ์
    อยู่ในกรอบแห่งระเบียบวินัย
    และการบรรลุเป้าหมายของความสำเร็จในชีวิต
    เขาไปฟิตเนสเพื่อพัฒนาแและเสริมสร้างระดับความฟิตของร่างกายให้แข็งแกร่ง
    ไม่ใช่ไป”เล่น”ฟิตเนสหรือพูดคุย หาสังคม หาเพื่อนใหม่
    เขาเรียนภาษาไทยเพื่อพูดคุยกับข้าราชการระดับสูงของประเทศ
    ติดตามข่าวสารของบ้านเมือง
    และ “สอบ”ให้ผ่าน
    เขาทำอะไรทุกอย่าง หรือ (ฉันหวังว่าจะแค่)เกือบ..ทุกอย่าง ด้วยสำนึกรับผิดชอบต่อประเทศชาติและบ้านเมือง
    เขาไม่ “เล่น” การเมืองอย่างเราๆ
    เขาไม่คบใคร “เล่นๆ” อย่างเราๆ
    เขาไม่ “เล่น” หลายๆอย่างเหมือนที่เราเล่น
    (ยังดีที่เขา เดินเล่น และ พูดเล่น “เป็น” เหมือนกัน)

    อึดอัดขัดใจกับความคิดอันแสนจะเข้มงวดของเขาเหล่านี้เมื่อแรกได้ยิน
    สำหรับฉัน ขอมีชีวิตอันสุข สงบ เรียบง่าย อยู่แบบพอเพียงก็พอแล้ว

    ฉันไปฟิตเนสเพื่อไป dance เป็นหลัก
    แขนแห้งๆของฉันจะมีกล้ามขึ้นหรือไม่
    หน้าท้องของฉันจะแบนราบหรือเปล่า
    …ฉันไม่สนใจ…
    ฉันขอแค่ได้ dance dance dance บวกกับโยคะและพิลาทิสอีกเล็กน้อย..ก็พอแล้ว

    ฉันสอนภาษาไทยเพราะฉันรักในอาชีพนี้
    รักนักเรียนของฉัน
    รักการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในมุมมองที่แตกต่างกับผู้คนที่มาจากคนละฟากฟ้า
    ฉันสนุกกับการที่ต้องเปลี่ยนสถานที่ทำงานในแต่ละวัน
    ฉันมีความสุขกับสิ่งเหล่านั้น
    แล้วคนอื่นเล่า
    นักเรียนอีกคนจากเมืองน้ำหอมตอบว่า
    ผมขี้เกียจเกินกว่าจะมานั่งคิดว่าเราเกิดมาบนโลกนี้ทำไม

    ฉันถึงกับหัวเราะออกมาดังๆ
    คนเราช่างแตกต่างกันได้ถึงเพียงนี้

    ฉันสนุกกับความแตกต่างเหล่านี้ และหัวเราะกับมัน(แม้จะไม่)ทุกครั้งที่พบเจอ
    นักเรียนอีกคน(ขอแอบกระซิบว่าอาชีพเดียวกับพ่อรั้วของชาติข้างบนโน้นนั่นแหละ)ตอบว่า..

    บอกตรงๆเลยนะ ผมคิดว่าคนเราเกิดมาเพื่อสืบ(เผ่า)พันธุ์
    อืม..ว่าแต่ว่าตอนนี้คุณสืบไปถึงไหนแล้วเนี่ย
    ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

    ขณะดูหนังเรื่องนี้ ฉันเห็นอะไร
    ฉันเห็นชายคนหนึ่งพยายามดิ้นรนต่อสู้ เพื่อฉุดกระชากตัวเองออกมาจากความต่ำชั้น ที่ตัวเองอาศัยอยู่
    ..ฉันชื่นชมเขา..
    ชื่นชมที่เขาไม่ย่อท้อแม้ในวันที่มืดหม่นที่สุดของชีวิต
    ชื่นชมที่เขาบากบั่น มุ่งมั่น ไขว่คว้า จนในที่สุด เขาก็ไปถึง ณ ฝั่งฝันที่เขาถวิลหา
    จากชายคนหนึ่งที่ไม่มีแม้แต่บ้านให้ซุกหัวนอน
    ไม่มีปริญญา
    ไม่มีเงิน
    เพียงสองมือ หนึ่งสมอง และ หนึ่งใจ อันเข้มแข็งของเขา
    ..เขาทำได้..
    แล้วเราเล่า?

    มีคนอเมริกันมากมายที่เป็นเช่นนี้
    ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน
    สิ่งที่คุณทำจะคงอยู่และผู้คนจะจดจำคุณจากงานที่คุณทำ
    เขาจึงเปลี่ยนชะตาชีวิตตัวเองด้วยการทำงานหนัก
    …ทำงานหนัก…
    …ทำงานหนัก…
    …และทำงานหนัก…

    เราคนไทยเล่า??
    ทำบุญเยอะๆหน่อยนะลูก ต่อไปจะได้ไม่ลำบาก
    ช่วยๆเขาไปเถอะ ถือว่าทำบุญ
    ชาติก่อนคงทำกรรมไว้มากชาตินี้เลยเกิดมาจนอย่างนี้
    ชาตินี้ต้องทำบุญเยอะๆ เผื่อชาติหน้าจะรวยกะเค้าบ้าง
    แข่งเรือแข่งพายแข่งกันได้ แต่แข่งวาสนาแข่งไม่ได้

    ใช่หรือไม่ที่คนไทยเราเชื่อว่า การทำดีคือหนทางแห่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า
    …ทำดี…
    …ทำดี…
    …และทำดี…

    เราจึงเห็นลุงคนหนึ่ง
    ไม่หลือแม้แต่บ้านและบุคคลอันเป็นที่รัก
    เดินท่อมๆ ช่วยเหลือผู้คนบาดเจ็บคนอื่นๆเมื่อครั้งสึนามิ
    เราจึงเห็นการช่วยเหลือกันโดยไม่หวังผลตอบแทน
    แม้ในวันที่ตัวเขาเองตกลงสู่ก้นบึ้งแห่งความทุกข์ยาก

    ฉัน?
    ฉันไม่เห็นด้วยกับการนั่งรอวาสนา หรือบุญกรรมเก่าก่อนให้มากำหนดชะตาชีวิตของเราเอง
    ฉันเชื่อว่าคนเราเปลี่ยนสถานะตัวเองได้ด้วยการลงมือทำ
    แม้คนที่จนที่สุดในโลกก็สามารถรวยที่สุดในโลกได้ หากเพียงแต่เขาจะ “ทำ”

    หากแต่..
    อย่างหนึ่งที่พึงระลึกถึงไว้เสมอคือ “เงิน” ไม่ใช่ความสุขของชีวิต
    ในขณะที่ใครหลายคนอาจหลงทาง ตามหาความสุขจาก ”เปลือก”ภายนอก
    ความสุขจอมปลอมที่เราสร้างมันขึ้นมา..ตามกรอบของสังคม
    เราอาจลืมไปว่า ความสุขที่แท้ เกิดขึ้นจากภายใน..จิตใจ..ของเราเอง
    บางที..การทำบุญ..อาจเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ของความสุข..ทางใจ..ที่ว่านั้น
    ความสุขที่เกิดจาก..การให้
    ไม่ใช่..การหา

    จากคุณ : cinta - [ 25 มี.ค. 50 00:16:02 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom