คนไทย ถ้าตั้งใจ ทำอะไร ไม่แพ้ชาติใดในโลก
สโลแกนโฆษณาทางโทรทัศน์ของสินค้าชนิดหนึ่ง เชื่อว่าทุกคนคงเคยได้ยิน
ผมเองพอฟังก็หวนคิดกลับไปทุกทีว่า ถ้าจับเอาตัวเองไปวางไว้ที่อังกฤษ เข้าสโมสรเยาวชนของทีมปีศาจแดง ก้มหน้าก้มตาเล่นฟุตบอล
ก็อยากรู้เหมือนกันว่า ตอนนี้ ผมจะโด่งดังเหมือนเดวิด เบ็กแฮม หรือ ไรอัน กิกส์ บ้างไหม
เป็นโฆษณาที่แสนดี จุดประกายให้เราหลายคนๆรู้ว่า ในตัวเราที่เป็นคนไทย ชนชาติทิ่ติดอันดับการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟแวร์เป็นอันดับที่ 4 ของเอเชีย ต่างก็มีพลังซ่อนเร้นขอเพียงแค่ตั้งใจ ในเป้าหมายที่มุ่งมั่น
** ผมเป็นคนธรรมดา มีความฝันที่จะไปคาเนกี้ฮอล แต่ผมหลงทาง เดินไปชนชายคนหนึ่งในสวนจตุจักร ผมถามเขาว่า จะไปคาเนกี้ฮอลได้อย่างไร เขาตอบว่า ไม่รู้จักเหมือนกัน
กรุณาอย่าคิดว่า ผมกวนประสาท ผมแค่พยายามเล่าแบบโกอันตามวิถีเซน
บ่อยครั้งที่ผมถามตนเองในขณะที่ดูคนที่ไปประสบความสำเร็จในต่างแดน ในแทบทุกๆเรื่องราว ว่าเขาจะประสบความสำเร็จแบบนี้ไหม
ถ้าเขาใช้ความพยายามนั้นในประเทศไทย
ประเทศที่ฉาบทอด้วยสีเทา เส้น ยศ ศักดิ์ และ ละครน้ำเน่า ที่พร้อมจะหว่านเมล็ดพันธ์ของสิ่งจอมปลอมลงในหัวสมอง
ลองคิดดูว่า วันหนึ่งหากคุณได้รับรางวัลสักอย่างบนเวที จะมีสักกี่คนที่ปรบมือ และ เดินเข้ามาแสดงความยินดีกับคุณอย่างแท้จริง
และเราก็ก้าวลงจากเวที อย่างโดดเดี่ยว ขึ้นมาคนเดียว รับอะไรไปสักอย่างจากคนที่เจ้าภาพจัดงานเชื่อว่ามีเกียรติ แล้วก็เดินลงไปคนเดียว
มันเป็นการมองโลกในแง่ร้ายไปหน่อยนะ
โฆษณามันก็มีแง่ดี ที่ผมไม่ชอบคือมันปลูกฝังให้คนเราจะมีคุณค่าได้นั้น ไม่ได้มาจากการยอมรับตนเอง ว่ามีความสุขและเต็มอิ่มกับสิ่งที่ทำ
แต่ทำไปเพื่อให้ คนอื่นยอมรับ คุณค่าของเราต้องใช้สายตาคนอื่นตัดสิน
ผมชอบคำว่า ซ้อม ซ้อม แล้วก็ซ้อม
มันเหมือนคำว่า ทำ ทำ แล้วก็ทำ
มันดีมาก ถ้ามันจบลงแค่นั้น โดยไม่ต้องมีบรรทัดฐานทางสังคมมาตัดสิน
ไม่มีเกรด ไม่มีรางวัล นอกจากความอิ่มเอม และ
ประสบการณ์ที่จะสอนให้ ใครหลายคนทำงาน ด้วยหัวจิตหัวใจอย่างแท้จริง
มากกว่า เข้าไปทำ เพื่อผลอะไรบางอย่าง ตามใจของตน
** ผมซ้อม ซ้อม ซ้อม จนกระทั่งผมอายุหกสิบ ผมก็ยังไม่ได้ไปคาเนกี้ฮอล **
ถ้าคำพูดออกมาเป็นแบบนี้ คนไทยจะไม่แพ้ชาติใดในโลกอีกหรือเปล่า
เราพาตัวเองเข้าสู่การแข่งขันมากไปแล้ว การแข่งขันมีกติกา มีเวลาที่ต้องใช้จ่าย สิ่งที่ทุ่มเทลงไป ไม่ได้แปรผันตรงทั้งหมด ว่า ลงทุนมากจะชนะ
การแข่งขัน มันมีแพ้ มีชนะ มีคนแพ้ มากกว่าคนชนะ
คนชนะ ได้อะไร
คนแพ้ ได้อะไร
มันไม่มีอะไรเลย นอกจาก ความว่างเปล่าทั้งคู่
รางวัล เหรียญทอง เราก็รู้ว่าเป็นมายา
น้ำตา และ อารมณ์โศก เราก็รู้ว่าต่างถูกจิดใจปรุงแต่งขึ้นมา
** ผมซ้อม ซ้อม ซ้อม จนกระทั่งผมอายุหกสิบ ผมก็ยังไม่ได้ไปคาเนกี้ฮอล แต่ผมดีใจที่ได้ซ้อม มาตลอดชีวิต
จะมีใคร พูด..ในวาระสุดท้าย แบบนี้ได้บ้าง
แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 50 15:40:25
จากคุณ :
กาแฟสอง
- [
25 มี.ค. 50 15:39:12
]