รำพึงถึงเพื่อนตาย (๗)
อีกกลุ่มหนึ่ง เป็นเพื่อนนักเรียนเก่าร่วมชั้น ที่เรียกว่ารุ่นเดียวกันนั้น มีอยู่เป็นจำนวนมาก ระดับประถมศึกษานั้น ผมจำได้เพียงคนเดียว เพราะบังเอิญเขาได้เข้าไปรับราชการอยู่ในหน่วยเดียวกัน ชั่วระยะเวลาสั้น ๆ
และระดับมัธยมศึกษา ซึ่งผมเรียนชั้นสุดท้าย ซ้ำเป็นปีที่สอง แล้วก็ไม่สำเร็จนั้น ยิ่งมีมากขึ้นไปอีก แต่ผมก็ยังจำได้อยู่เพียงคนเดียว เพราะบังเอิญมีนิวาสสถาน อยู่ในย่านซังฮี้ด้วยกัน
และเพื่อนผู้นี้เองที่ได้ชักนำเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่น ๆ ให้มารู้จักผมหรือให้ผมรู้จัก ตั้งแต่ประมาณยี่สิบปีมาแล้ว ซึ่งผมก็รับเอาไว้เป็นเพื่อน ทั้ง ๆ ที่ผมนึกถึงความหลัง ที่ได้เคยเกี่ยวข้องกัน ไม่ได้เลยก็ตาม
เพื่อนกลุ่มนี้ตามรายชื่อที่เขาพิมพ์ไว้เป็นหลักฐานครั้งแรก มีเหลืออยู่แค่ สามสิบกว่าคน ซึ่งเมื่อได้รวมกลุ่มกันนั้น แต่ละคนก็มี อายุ คุณวุฒิ และอาชีพที่แตกต่างกันไป
และเมื่อได้อยู่มาถึงบัดนี้ ทุกคนก็ได้เกษียณอายุมาแล้วคนละหลายปี และอีกหลายคนก็ได้พ้นจากสภาพความเป็นมนุษย์ไปเสียแล้ว
เพื่อนที่ได้พบได้รู้จัก และคบหาสมาคมกันเป็นเวลาสั้นที่สุด จนแทบจะนึกหน้าไม่ออก เป็นอาจารย์ทางศิลปกรรม ดูเหมือนจะสอนอยู่ที่โรงเรียนเพาะช่าง ต่อมาได้เป็นโรคท้องเดิน แล้วหัวใจวายถึงแก่กรรมไปเมื่อปี ๒๕๒๐
คนถัดมานั้น เขาอยู่แถวศรีย่าน ไม่ไกลจากบ้านของผมนัก เป็นคนรูปร่างสูง เสียงทุ้มต่ำมีกังวานลึก ชอบสนุกสนานเฮฮากับเพื่อนเป็นอย่างดี แต่ทราบว่าเป็นมะเร็งในกล่องเสียง
ครั้งสุดท้ายที่มาพบเพื่อนในงานบำเพ็ญกุศลประจำปี แด่บรรพบุรุษของเพื่อนคนหนึ่ง เห็นเอาสายยางที่เจาะลงไปในกระเพาะอาหารติดตัวมาด้วย เพื่อนฝูงก็เย้าแหย่ว่าให้เอาเบียร์กรอกลงไปตามสายยางนั้น จะได้เมาเท่า ๆ เพื่อน
จำไม่ได้ว่าเขาทำตามหรือเปล่า แต่อีกไม่นานเขาก็ถึงแก่กรรมเมื่อปี ๒๕๒๕
อีกคนหนึ่งเป็น พันเอกพิเศษ เหล่าทหารการเงิน เป็นคนมีน้ำใจดี รักเพื่อนฝูง และเป็นคนมีรสนิยมในการดื่ม เขาจะพกเหล้าบรั่นดีชื่อดังของโลก ไว้ท้ายรถเสมอ
ถ้าได้เข้ากลุ่มกับเพื่อนชุดนี้ เขาก็จะเอาขวดเหล้านั้นมาตั้งกลางวง โดยไม่ได้เรียกร้องอะไรเป็นพิเศษ แล้วก็จิบทีละน้อย ตามด้วยน้ำเย็น เพื่อนที่ชอบเหมือนกัน จะช่วยเขาดื่มด้วยก็ไม่ว่าอะไร
ข้อสำคัญถ้าหมดขวดแล้ว ไม่มีใครสั่งตรานี้มาอีก เขาก็จะลากลับบ้าน เพราะไม่ถูกกับตราอื่น เขาป่วยอยู่ไม่นานก็ถึงแก่กรรม ด้วยโรคมะเร็งไม่ทราบว่าที่อวัยวะใดเมื่อปี ๒๕๓๑
อีกคนหนึ่ง เป็นนักเรียนรุ่นพี่แต่เพื่อนรุ่นเดียวกันคงจะมีที่ถูกใจน้อย จึงมาเข้าร่วมในรุ่นของผม เป็นคนรูปร่างสูงชลูดตูดปอด ไว้หนวดเฟิ้มคล้ายคนโบราณ ใจคอโอบอ้อมอารี มีความรักเพื่อนรุ่นน้องเป็นอย่างมาก ยินดีช่วยเหลือทุกคนที่ขัดข้อง ไม่ว่าเรื่องใด
เขารับราชการที่การรถไฟแห่งประเทศไทย มีเหล้าฝรั่งกี่ขวดกี่ตรา ก็เอามาเปิดให้เพื่อนกินหมด เมื่อเกษียณอายุราชการแล้ว ก็ออกไปทำงานส่วนตัวอยู่ที่ต่างจังหวัด
เกิดอุบัติเหตุพลัดตกลงมา จากหอตั้งถังน้ำประปา ต้องกลับมานอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช แล้วก็ถึงแก่กรรม
ผมไปเยี่ยมร่างของเขาเป็นคนแรก ก่อนที่ทางโรงพยาบาลจะรับเอาไปเป็นครูใหญ่ในโรงเรียนแพทย์ เมื่อปลายปี ๒๕๓๑
คนถัดมา แก่กว่าผมหนึ่งปี แต่เรียนอ่อนกว่าผมปีหนึ่ง เมื่อผมโดนเกณฑ์ไปเป็นพลทหารราบ เขาได้เป็นครูฝึกของผม หลังจากที่กลับจากไปร่วมรบ ในสงครามเกาหลีจนได้รับเหรียญกล้าหาญมาแล้ว
เขาจำได้ว่าผมเป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกับเขา จึงได้รับความเมตตาเป็นอย่างดี เขารับราชการทหารต่อมาจนได้รับยศร้อยเอก จึงเป็นโรคมะเร็ง
แต่เขาชอบรักษาทางไสยศาสตร์ มากกว่าแผนปัจจุบัน ได้ถึงแก่กรรมลงในเดือนเดียวกับคนก่อนนั้นเอง
คนต่อไป เป็นสถาปนิก มีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง การเงินค่อนข้างจะดี และมีน้ำใจกว้างขวาง เขาพูดเสียงดังฟังชัดว่ายินดีรับอุปถัมภ์การจัดเลี้ยงประจำเดือน ของเพื่อนกลุ่มนี้ ขัดข้องสิ่งใดบอกได้ทุกเมื่อ
แต่จัดมาได้ร่วมสิบปี เขาก็ป่วยด้วยโรคตับและโรคหัวใจ ต้องนอนข้างถังอ็อคซิเยนอยู่เป็นปี ในงานวันเกิดครั้งสุดท้ายของเขา ด้วยความรักเพื่อน ถึงกับถอดสายช่วยหายใจ ออกมานั่งคุยด้วยพักใหญ่
จากนั้นไม่นาน เขาก็ถึงแก่กรรมเมื่อปี ๒๕๓๒
ผมขออาศัยสถานที่นอกถนนนักเขียน
รำพึงถึงเพื่อนที่ผมรักและคิดถึงอีกหลายคน
ผู้ใดอ่านแล้ว ถ้าได้ข้อคิดอะไรบ้าง ก็ยินดีครับ.
จากคุณ :
เจียวต้าย
- [
26 มี.ค. 50 09:30:38
]