เราอยู่กันในบ้านหลังเล็กๆค่อนข้างรกหลังหนึ่ง อยู่ในอำเภอเล็กๆห่างจากกรุงเทพประมาณ 3 ชั่วโมง เป็นอำเภอที่ติดกับทะเลทั้งทิศตะวันตกและทิศใต้ อาชีพที่เราเห็นกันจนชินตาของที่นี่คือ ทหาร อาชีพที่รองๆลงมาคงเป็น ครู และ ค้าขาย
เมื่อก่อนสมัยที่ฉันยังเล็กๆ เราอยู่กัน 7 คนกับหมาอีก 1 ตัว ในบ้านที่อยู่ฟรีและไม่ต้องเสียทั้งค่าไฟค่าน้ำ ทุกคนที่ทำงานเป็นทหาร ส่วนที่ไม่ได้ทำก็อยู่บ้านกันเฉยๆ และฉันก็คือคนที่อายุน้อยที่สุดในบ้านหลังนี้
วันหนึ่งทุกคนในครอบครัวก็แยกย้ายกันออกไป ฉันโตขึ้นและเข้าใจถึงเหตุผลมากมายได้ดี นอกเหนือไปจากการแยกตัวของแต่ละคน ฉันเริ่มเรียนรู้ถึงการสูญเสียที่เราไม่สามารถเรียกร้องอะไรต่อมิอะไรคืนกลับมาได้ แต่ระหว่างเรื่องราวของการสูญเสียฉันก็พบกับช่วงเวลาแห่งมิตรภาพและความสุขจากเรื่องง่ายๆ จากคนมากมายเข้ามาทดแทน
ฉันมีความสุขอยู่ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้กับคนเหล่านี้ที่อยู่ในเรื่องราวเหล่านี้
" บ้าน ป.342 "
เราจะเริ่มต้นกันที่บ้านหลังนี้เพราะฉันอยู่ในบ้านหลังนี้ตั้งแต่ที่จำความได้ ฉันชอบบ้านหลังนี้มาก เพราะเหนือไปจากที่เราจะอยู่กันฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรแล้ว ฉันเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากที่นี่ จากบ้านสองชั้น ท่ามกลางที่กว้างๆ ให้ฉันวิ่งเล่น
ในหมู่บ้านที่ฉันอยู่ไม่ค่อยมีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันสักเท่าไหร่ เวลาส่วนมากของฉันจึงมักจะหมดไปกับการเล่นคนเดียว ฉันชอบสวนหลังบ้านมาก สวนที่เต็มไปด้วยต้นมะม่วงใหญ่ๆมากมาย ตาเป็นคนคอยดูแลเจ้ามะม่วงพวกนี้ ถ้าจะพูดให้ถูกตาดูแลต้นไม้ทุกชนิดทุกต้นที่อยู่ในอาณาเขตของเรา
ตาเป็นคนสวนประจำบ้านที่ฝีมือดีหาตัวจับยาก ได้ชื่อว่าถ้าแค่ตาเป็นคนปลูกไม่ว่าอะไรก็ขึ้นได้ทั้งนั้น มะม่วงในสวนหลังบ้านของเราพอถึงช่วงออกลูกเมื่อไหร่ก็จะมีคนขับรถเข้ามาขอซื้อกันทีละมากๆทุกครั้ง ฉันเองได้แต่นั่งดูคนเหล่านั้นเก็บมะม่วงของเราไป พอลับตาคนก็มีอยู่บ้างที่ฉันอยากจะลองเก็บเอง ทั้งปีนทั้งสอยและก็พบว่าฉันคงทำได้ไม่ดีพอ
ตาเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้านที่ไม่ได้ทำงานเพราะตาเกษียณอายุแล้ว เมื่อก่อนนี้ตาก็เป็นทหารเหมือนกัน ฉันจำตาตอนที่แต่งชุดเครื่องแบบทหารไม่ได้ แต่จะชินตากับชุดกางเกงขาสั้น เสื้อโปโล และหมวกฟางของตามากกว่า
ตาจะตื่นแต่เช้าประมาณตี 4 เพื่อมาดูแลต้นไม้ทุกต้นในบ้าน หลังจากนั้นก็จะสวดมนต์ไหว้พระ ฉันสงสัยมาตลอดว่าทำไมตาจะต้องสวดมนต์ไหว้พระนานถึงขนาดนั้นด้วย ( ตาจะสวดมนต์ประมาณ 3-4 ชั่วโมง)
ฉันเริ่มไปวัดก็เพราะตา ตาเป็นคนที่คุยสนุกและเหมือนจะรู้จักใครต่อใครไปเสียหมด เราสองตาหลานมีวัดประจำที่ชอบไปกันบ่อยๆ ฉันอยู่กับตามากจนติดนิสัยหลายอย่างของตา เวลาที่ไปวัดขณะที่พระสวดหรือใครก็ตามฉันจะต้องทำปากขมุบขมิบตามอย่างสม่ำเสมอ คนที่ไม่รู้อะไรพอเห็นฉันจะต้องชมกับตาทุกครั้งว่า หลานเก่งจังนะคะสวดมนต์ได้ด้วย และนั่นทำให้ตาเป็นปลื้มมาก
อีกอย่างคือตาเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือพิมพ์เป็นที่สุด สามารถที่จะใช้ชีวิตอยู่กับหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งได้ตั้งแต่เช้าจนเย็น คนแถวบ้านรู้กันทั่วว่าตอนเด็กๆ ฉันชอบอ่านหนังสือพิมพ์กลับหัวโชว์คนอื่นอยู่บ่อยๆ
เราอยู่กันในหมู่บ้านทหารบ้านของเราอยู่ตรงข้ามกับร้านเสริมสวย ร้านที่เคยตัดหน้าม้าของฉันสั้นเต่อเหนือคิ้ว และสระผมฉันจนเปียกเสื้อผ้าไปทั้งตัว
บ้านของฉันขายของด้วยเป็นประเภทร้านโชห่วยทั่วไป แต่อันที่จริงฉันว่าบ้านเรายังทำอะไรอีกสักอย่างหนึ่งที่ตอนนั้นฉันไม่ค่อยเข้าใจ ยายจะไม่ค่อยดูร้านขายของสักเท่าไหร่นักแต่ยายจะชอบอยู่ในห้องหน้าบ้านฉันสังเกตว่ามีคนมากมายเข้ามาในห้องนี้หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันไป
ภายในห้องจะมีคนนั่งล้อมกันเป็นวงกลมในมือถือกระดาษคล้ายการ์ดอะไรสักอย่าง ส่งเสียงกันแทบจะทั้งวันทั้งคืน มีเงียบอยู่ช่วงเดียวเท่านั้นคือตอนที่สารวัตรทหารตรวจหมู่บ้าน คนในห้องนี้จะนั่งนิ่งแทบไม่หายใจ คนนอกจะมองบ้านเราเหมือนบ้านร้างเลยทีเดียว ฉันมาเข้าใจตอนที่เริ่มโตและเริ่มดูต้นทางให้ตั้งแต่ตอนนั้น
ยายมีงานอดิเรกอีกอย่างที่คนในบ้านเราไม่ค่อยเข้าใจ ยายชอบออกไปตลาด ชอบมากถึงมากที่สุดก็ว่าได้ ยายจะไปตลาดแต่เช้ามืดเพื่อซื้อของเข้าร้าน ไปตอนสายเพื่อซื้อโอเลี้ยงหนึ่งถุง ไปตอนกลางวันเพื่อซื้อข้าว ตอนบ่ายเพื่อซื้อขนมกินเล่น ไปตอนเย็นเพื่ออะไรก็ไม่รู้และตอนหัวค่ำอีกรอบเพื่อให้นอนหลับฝันดี แต่ทุกคนก็ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ ไม่เคยมีใครกล้าถามยาย แม้แต่ตา
ตาเคยทะเลาะกับยายแล้วโดนปาด้วยปังตอรอบหนึ่ง ฉันค่อนข้างตกใจมากแต่คนอื่นเฉยๆเหมือนเป็นเรื่องปกติ ตาเองก็ไม่เป็นอะไร หลบทันและยังมีอารมณ์เอาเรื่องนี้ไปเล่าโชว์คนอื่นเสียอีก ฉันเองเคยถูกยายไล่ตีอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง
เรื่องมีอยู่ว่าวันนั้นที่บ้านเราไม่มีใครอยู่กันเลย ฉันนั่งจับกลุ่มอ่านการ์ตูนกันกับเพื่อนๆ ตรงหัวบันไดบ้าน ท่าทางยายจะอารมณ์ไม่ค่อยดี ยายเดินผ่านพอดีกับจังหวะที่ฉันหัวเราะการ์ตูน ยายคิดว่าฉันหัวเราะยาย ท่านถือไม้เรียวไล่ฉัน วงการ์ตูนของเราแตก
ฉันวิ่งหนีขึ้นบันไดไปชั้นสองและเข้าไปหลบในห้องพระล็อกประตูอย่างแน่นหนา ยายเคาะเท่าไหร่ก็ไม่เปิด เราสองคนยายหลานตะโกนตอบโต้กันผ่านบานประตูอยู่นานจนคนอื่นในบ้านกลับมาเรื่องจึงยุติลง
พูดถึงห้องพระของบ้าน บ้านเรามีพระเยอะมากทั้งพระเครื่องและพระพุทธรูป ตาเป็นคนที่ชอบสะสมพระและพูดอยู่เสมอว่าทั้งหมดนี่เป็นของฉัน
นอกเหนือไปจากพระแล้วตายังมีกุมารทองกับรักยมอีกด้วย คนอื่นในบ้านมีบ้างที่ชอบพูดว่าเห็นกันหรือแม้กระทั่งคนนอกบ้านก็ชอบพูดว่าได้ยินเสียงเด็กเล่นกัน แต่ฉันกลับไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย แต่ด้วยความที่ฉันเป็นลูกคนเดียวและไม่ค่อยมีเพื่อนเล่นเวลาที่มีเรื่องอะไรฉันก็มักจะเอามาเล่าให้พี่ๆกุมารทองและรักยมของฉันฟังเสมอ
ฉันไม่เคยเห็นไม่เคยเจอแต่ฉันก็มีความสุขที่เรื่องราวของเรามีคนที่รับฟังได้เป็นอย่างดี แต่ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เราจะซื้อตุ๊กตากุมารทองมาเปลี่ยน น้าของฉันเป็นคนไปซื้อมา ตกดึกขณะที่ฉันนอนหลับฉันฝันว่ากุมารทองมายืนถือหัวโชว์
ฉันตกใจมากรุ่งเช้าฉันไปยืนด้อมๆมองๆที่ตุ๊กตากุมารทององค์ใหม่อยู่นานพบว่าที่คอมีรอยเหมือนจะขาด บ้านเราพยายามจะเอาไปเปลี่ยนที่ร้านแต่ปรากฏว่าไม่มีแบบอื่นแล้ว แต่ฉันก็ไม่เคยฝันถึงพี่กุมารทองอีกเลยเรื่องนี้จึงเงียบหายไป
ป.342 ของเราเริ่มเงียบเหงาตอนฉันอยู่ประถม 4 เริ่มที่น้าสาวของฉันย้ายไปทำงานที่ในเมืองและพายายไปอยู่ด้วย ตอนนี้บ้านของเราเหลือคน 5 คน และสุนัขอีก 1 ตัว จากนั้นไม่นานน้าชายของฉันก็ย้ายไปอยู่บ้านอีกที่หนึ่งและเอาตาไปอยู่ด้วย บ้านของเราเหลือคน 3 คน และสุนัขอีก 1 ตัว แต่สุดท้ายสุนัข 1 ตัวที่เหลือของฉันก็ต้องมาจากไป
แม่บอกว่ามันป่วยมาหลายวันแล้วพวกเราได้แต่ไม่ว่างและหวังว่ามันจะไม่เป็นอะไรแต่วันที่มันจะไป พอเราทุกคนกลับมามันพยายามคลานเข้ามาหาแต่คลานไม่ไหวเราเดินเข้าไปกอดมันแล้วมันก็ตายจากเราไป แม่บอกว่ามันรอเรา แม่ร้องไห้เป็นเดือนกับการจากไปของมันอีกหนึ่งสมาชิกในครอบครัวเรา
ในที่สุดหลังจากการย้ายออกของหลายคนในบ้านพ่อตัดสินใจซื้อบ้านหลังเล็กๆ หลังหนึ่ง นอกหมู่บ้านทหารเพื่อที่ว่าเราจะไม่ต้องลำบากเมื่อพ่อเกษียณ ฉันรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกรู้สึกแปลกและไม่คุ้นเคยกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับชีวิตภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
ฉันคิดถึงเจ้า โดเรม่อน หมาของฉันร่างของมันถูกฝังอยู่บ้านนี้ คิดถึงต้นมะม่วงต้นใหญ่ๆ ที่บ้านใหม่ของฉันไม่สามารถจะปลูกได้ คิดถึงถนนหนทางที่ฉันเคยขี่จักรยานทักทายกับคนนู้นคนนี่ไปเรื่อย ฉันคิดถึงตากับยาย คิดถึงน้า
เด็กอายุ 10 ขวบอย่างฉัน กลับคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างในรอบสิบปีที่เกิดขึ้นมาเท่าที่จะจำได้อย่างมากมาย ฉันไม่ได้ร้องไห้ตอนที่ของทุกชิ้นถูกเก็บออกจากบ้านหลังเก่าและนำไปจัดวางที่บ้านหลังใหม่เรียบร้อย แม้ว่าตอนที่รถของเราแล่นออกจากบ้านหลังเก่าขณะที่เราโบกมืออำลาบ้าน ป.342 พร้อมกับคิดขอบคุณกันอยู่ในใจ มันจะทำให้ฉันรู้สึกสะเทือนใจอย่างมากก็ตาม
ฉันหันหลังกลับมองจนบ้านหลังนั้นที่ฉันรักหายไปจากสายตา พ่อบอกว่า อะไรก็ตามที่เรารักจะอยู่ในหัวใจของเรา ฉันได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ว่า แล้วหัวใจฉันเล็กแค่นี้จะเก็บบ้านทั้งหลังได้ยังไง
จากคุณ :
warm_mail
- [
27 มี.ค. 50 14:01:33
A:61.7.158.174 X:61.7.158.174, 61.7.158.174
]