เพื่อนนักเรียนชั้นมัธยม ที่เรียนห้องเดียวกันในโรงเรียนวัดสมอราย นั้น ยังเหลืออีกหลายคน แต่จะเล่าเฉพาะคนที่ผมสนิทสนมมาก และจากไปแล้วเท่านั้น
มีอยู่คนหนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่ สมกับตำแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนชาย ประจำจังหวัดนครสวรรค์ ได้ทำความเจริญให้แก่โรงเรียนไว้มากมาย เป็นที่รักของครูน้อย และบรรดาศิษย์ทั้งหลาย
แต่เวลาอยู่กับเพื่อนฝูงก็คุยสนุกสนาน มีเรื่องโปกฮามาเล่าให้เพื่อนได้เฮกันเสมอ
ถึงเวลาเกษียณอายุ มีการประชุมประกาศสดุดีเกียรติคุณ ที่สนามหน้าโรงเรียน เขามีความปิติยินดีท่วมท้น เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน จนถึงแก่กรรมเมื่อปี ๒๕๓๓ ก่อนที่จะพ้นภาระไม่กี่วัน
เพื่อนหลายคนยกขบวนไปร่วมงานศพ ที่ทางโรงเรียนจัดให้อย่างสมเกียรติ มีนิทรรศการรอบศาลาสวดพระอภิธรรม
ผมเองซึ้งกับคำไว้อาลัยก่อนการพระราชทานเพลิง ถึงน้ำตาซึม
คนต่อมา เป็นทหารสื่อสาร แต่นั่งอ่านข่าวอยู่ทางวิทยุกระจายเสียงจนเป็นที่รู้จักกันทั่วไป พอทหารสื่อสารเปิดสถานีวิทยุโทรทัศน์ ก็เลยได้นั่งอ่านข่าวออกหน้าจอให้คนได้รู้จัก
เคยไปทำข่าวสงครามในเวียตนาม เกือบได้รับเหรียญกล้าหาญเหมือนกัน แต่ติดขัดอะไรไม่ทราบได้ จึงไม่ได้เป็นนายทหารสัญญาบัตร
เมื่อหนุ่มมัวเพลิดเพลินอยู่กับการเที่ยวเตร่ และร่วมการกุศลจนลืมมีเมีย พอถึงเกษียณอายุราชการ เพิ่งมีลูกอายุเพียงไม่กี่ขวบ
แล้วก็เป็นเบาหวานถึงขั้นจะต้องถูกตัดขา แต่มีผู้ใหญ่ช่วยขอร้องทางโรงพยาบาล ให้ดูแลเป็นพิเศษจนหายได้โดยไม่ต้องตัดขา
แต่กลับถึงแก่กรรมด้วยเส้นโลหิตในสมองแตก เมื่อปี ๒๕๓๕
อีกคนหนึ่ง เป็นนายตำรวจป่าไม้ ที่มีชื่อว่ามือสะอาด ขนาดเกษียณอายุราชการแล้วยังผ่อนบ้านไม่หมด
มีรสนิยมในการกินเหล้าเคล้าเสียงเพลงมาก และเป็นผู้ที่รู้เรื่องต่าง ๆ นอกวงการป่าไม้อย่างกว้างขวาง เป็นที่ปรึกษาของเพื่อนได้อย่างดี
เขามีขอบเขตการปฏิบัติงานอยู่ในหลายจังหวัด จึงสามารถพาเพื่อนไปทัศนาจรได้บ่อย โดยมีลูกน้องจัดการรับรอง
หลังเกษียณอายุได้ประมาณสามปี อยู่ดี ๆ ก็มานอนป่วยที่วชิรพยาบาล พอผมไปเยี่ยมครั้งที่สองก็ไม่ได้คุยกันเสียแล้ว เขาถึงแก่กรรมในตอนเย็นวันหนึ่ง เมื่อปี ๒๕๓๖
อีกคนหนึ่ง ตัวเล็กแต่ใจใหญ่มีความรักเพื่อนฝูงมั่นคง เคยเป็นนักมวยรุ่นเล็กของโรงเรียน เมื่อโตขึ้นก็เป็นนักบิลเลียดฝีมือเยี่ยม
เคยได้ช่วยกิจการของโรงเรียนและสมาคมศิษย์เก่าอย่างเข้มแข็ง มาร่วมงานเลี้ยงรุ่นประจำเดือนสม่ำเสมอ เว้นแต่เมื่อเจ็บป่วย
ครั้งสุดท้ายมานอนป่วยอยู่ที่วชิรพยาบาล โดยไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไร เพื่อนไปเยี่ยมก็บอกว่า มาหนเดียวพอแล้วไม่ต้องมาอีก
พอรุ่งขึ้นเพื่อนที่ไปเยี่ยมด้วยกัน ก็โทรมาบอกว่าเขาไปรออยู่ที่วัดโสมนัสแล้ว เขาถึงแก่กรรมเมื่อปี ๒๕๔๐
อีกคนหนึ่งเคยสนิทสนมคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เขามีอาชีพอิสระดูเหมือนจะเป็นเจ้าของรถบรรทุกรับจ้าง แต่เจ้าตัวชอบแต่งกายด้วยชุดที่นำสมัยหล่อเหลาอยู่เสมอ
เขาป่วยหลายโรค จนต้องเลิกดื่มไปหลายปี แต่เมื่อพบกันก็จะคุยสนุกสนานเฮฮาอยู่เสมอ เพิ่งจะเสียชีวิตเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๕ อายุเกือบ ๗๓ ปี
มีผู้อ่านบางท่าน ออกปากว่าเป็นเรื่องเศร้า
ก็จริงอย่างที่ท่านว่า เพราะชีวิตไม่ได้มีแต่สุขอย่างเดียว
ชีวิตของเพื่อนที่เล่ามาแล้วหลายคนนั้น
ต่างก็มีกำเนิดที่แตกต่างกัน
เพียงแต่มาอยู่หมู่บ้านเดียวกัน
หรือเรียนโรงเรียนเดียวกันชั้นเดียวกัน เท่านั้น
แล้วต่างก็แยกย้ายกันดำเนินชีวิต ตามกรรมของตน
ที่แตกต่างกันไป
แต่ลงท้าย ก็มาถึงเชิงตะกอนเหมือนกันหมด.
จากคุณ :
เจียวต้าย
- [
28 มี.ค. 50 11:00:03
]