เมฆมืดเทาหม่นคลุ้ม.........คลุมหาว
บังหมดแสงเดือนดาว........ดับฟ้า
กาฬปักษ์มืดมิดราว..........น้ำหมึก
ลมเริ่มพัดไหวหญ้า...........โยกไม้ไพรระหง
หยาดฝนลงเม็ดแล้ว..........ค่อยแรง
วิชชุแลบแปลบแสง...........ปลาบฟ้า
อสนีบาตสำแดง................กัมปนาท
ฝนสาดสายกระหน่ำหล้า......ผ่อนแล้งแดดเผา
ฝนเพลาลมผ่อนล้า..........ลดลง
หล้าโลกกลับคืนคง..........สงบแล้ว
อรุณรุ่งสุริยง..................แย้มเมฆ
ฟ้าสดใสผ่องแผ้ว............สว่างพื้นภูวดล
บนเส้นทางล้วนผ่าน.........พบพาน
เมฆหม่นลมฝนราน..........โหดร้าย
หลังฝนเจิดรุ้งตระการ........จรัสแจ่ม
มวลชีพล้วนละม้าย............ผ่านร้ายเวียนดี
ชีวิตมีหลากด้าน..........หลายมุม
ทุกข์ดั่งไฟเผารุม.........รุ่มร้อน
ตัณหายิ่งเพลิงสุม.........โหมใส่
รักสุขเศร้าซับซ้อน........สุดสิ้นที่ใด
ในวังวนว่ายเวิ้ง..........วัฏเวียน
ล้าหน่ายกายใจเพียร........ยากพ้น
ทะเลทุกข์ว่ายฝ่าเจียน..........ถึงฝั่ง
แสนยากเข็ญสืบค้น.................ไขว่คว้าหาทาง
เพียรละวางว่างเว้น.........ว่างหวัง
ทุกสิ่งไม่จีรัง...............จุ่งรู้
ชีวิตนั่นเช่นดัง............ธรรมชาติ
ทุกข์สุดใช้ธรรมสู้......ดับสิ้นสงบเย็น
โลกนี้เป็นเช่นนั้น........นั่นเอง
ผลเกิดแต่เหตุเพรง........พินิจถ้วน
รู้ละบาปกลัวเกรง..............กรรมชั่ว
เหตุแห่งทุกข์นั่นล้วน.............ดับได้ด้วยตน
จากคุณ :
คมเย็น
- [
4 เม.ย. 50 13:52:20
]