Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    นกกระจาบแห่งสุวรรณภูมิ วรรค ๑, เล่ม ๑ -:- พระราชบัญญัติค้าปลีกค้าส่ง -:-

    ‘นิทานเหล่านี้เป็นเรื่องสมมุติแต่งขึ้น มิได้เกี่ยวข้องกับบุคคล สมาคม หรือรัฐบาลใด ๆ หากชื่อของตัวละครหรือสถานที่ บังเอิญไปพ้องกับผู้ใดผู้หนึ่ง หรือสถานที่ใดที่หนึ่ง ผู้เขียนก็กราบขออภัยมา ณ ที่นี้’




    ~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~


    ~:~ พระราชบัญญัติค้าปลีกค้าส่ง ~:~



    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว... ยังมีราชอาณาจักรอันเรืองรองแห่งหนึ่ง นามว่าสยามประเทศ




    ณ อาณาจักรแห่งนั้น มีป่าใหญ่อันกอปรด้วยอิฐ หิน เหล็ก และปูนขนาดมหึมา ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ดิรัจฉานสองเท้า แต่ใช่ว่าในหมู่สัตว์ดิรัจฉานจะไม่มีสัตว์ประเสริฐ เพราะอย่างน้อยนกกระจาบสองพ่อลูกผู้ทำรังอยู่บนหลังคาห้างพารากอนก็นับว่าประเสริฐยิ่งนัก




    นกกระจาบสองพ่อลูกอาศัยอยู่ร่วมกับฝูงนกกระจาบ ฝูงนกตัวอื่นมักลักอาหารชนิดต่าง ๆ จากบริเวณรอบ ๆ มาทาน ซ้ำยังถ่ายมูลทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าด้วยความคึกคะนอง จนเป็นที่เอือมระอาของชาวบ้านร้านตลาด




    ครั้งนั้น นกกระจาบตัวลูกผู้อุตสาหะใฝ่เรียนจนรู้ภาษามนุษย์ ก็คาบเศษกระดาษจากหนังสือพิมพ์มาจนถึงรังของตน แล้วเปล่งวาจาเรียกบิดา

    “พ่อจ๋า ออกมาจากรังเถิด ดูสิเกิดข่าวใหญ่ขึ้นแล้ว”

    พ่อนกนั้นสำเร็จฌานสมาบัติจากการเพ่งกสิณรูปจตุคามรามเทพเป็นประจำ สามารถระลึกอดีตชาติ หยั่งรู้จิตใจของสัตว์ทุกชนิด และและมีหูทิพย์ตาทิพย์ จึงไม่จำเป็นต้องออกจากรังก็ทราบเนื้อความข่าว

    “ลูกเอ๋ย พรบ.ค้าปลีกค้าส่งทำพิษเอาใช่ไหมล่ะลูก”

    “ใช่แล้วพ่อจ๋า” ลูกนกกระจาบตอบ “ห้างพารากอนถูกสั่งปิดกะทันหัน และจะถูกรื้อถอนทุบทิ้งในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

    “พ่อจ๋า พ่อรู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด มนุษย์จึงทำอะไรที่เข้าใจได้ยากเช่นนี้”

    “ลูกเอ๋ย การนี้มิได้มีแต่ในปัจจุบันเท่านั้นนะลูก แม้แต่ในอดีตกาลก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว”

    “จริงหรือจ๊ะ พ่อเล่าให้หนูฟังหน่อยว่าเรื่องราวเป็นยังไง นะ นะ”

    พ่อนกทนการรบเร้าจากลูกไม่ไหว จึงต้องสาธกนิทานเรื่องหนึ่งซึ่งเขาอ้างว่าเป็นความจริงขึ้นมา






    ครั้งนั้น พระเจ้าเหาที่สิบแปดทรงครองกรุงสารขัณฑ์ พระองค์มีราชบุตรองค์หนึ่ง ราชบุตรองค์นี้เป็นผู้ที่ว่านอนสองยาก ทำให้พระเจ้าเหาหนักใจเป็นอย่างยิ่ง

    ครั้งนั้น มีมหาอำมาตย์ผู้หนึ่ง ถวายคำแนะนำแก่พระเจ้าเหาว่า ควรส่งพระกุมารไปดัดสันดานที่สำนักจุฬาลงกรณ์ แต่พระราชาไม่ยินดีด้วยความคิดนี้ เพราะแคว้นสยามอันเป็นที่ตั้งของสำนักจุฬาฯนั้น อยู่ห่างไกลจากราชอาณาจักรของพระองค์เสียเหลือเกิน พระองค์ไม่ต้องการให้ราชบุตรห่างหูห่างตามาก จึงส่งให้เขาเข้าเรียนยังสำนักราชภัฏแถว ๆ บ้านแทน




    สำนักแห่งนี้เป็นของอาจารย์ทิศาปาโมกข์ผู้หนึ่ง นามว่าตังเมดาบส เป็นผู้ตระหนี่นัก เขาเป็นเจ้าของสวนมะม่วงหลายร้อยไร่อันปลูกไว้ติดกับสำนัก ทว่าแม้เปลือกมะม่วง เหล่าศิษย์ของตังเมดาบสก็ยังไม่ได้แตะเลยสักชิ้นเดียว

    แต่เดิม ราชบุตรแห่งสารขัณฑ์ก็มิเคยใส่ใจในมะม่วง แต่เคราะห์กรรมมิได้เลือกหน้าผู้ใด บันดาลให้กิ๊กสาวของราชบุตรเกิดตั้งครรภ์ขึ้น นางจึงมาฉอเลาะพระกุมารด้วยวาจาอันอ่อนหวาน

    “โอ้ พระผู้เลิศภพจบฟ้าธาตรี หม่อมฉันมีข่าวดีจะทูนพระองค์เพคะ”

    ราชบุตรปิดจอแคมฟรอกแทบไม่ทัน เขาหัวเสียสุด ๆ ที่นางมาขัดจังหวะ เพราะแม่สาวจากอีกฟากโลกกำลังจะเปลื้องบราโชว์โนตมอยู่แล้ว

    “ข่าวดีอะไร ข้าไม่อยากฟัง เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังรบกวนการพักผ่อนของข้า เจ้าออกไปได้แล้ว ไว้ข้าต้องการเจ้าเมื่อไหร่ข้าจะเรียกเจ้าเข้ามาเอง”

    “กระซิก ๆ” นางผู้นั้นบีบน้ำตา “ถึงหม่อมฉันจะเป็นเพียงข้าบาทจาริกา ซึ่งมีฐานะเสมอทาสของพระองค์ แต่มิควรเลยที่พระองค์จะย่ำยีหัวใจหัวใจของหม่อมฉันให้เหลือศักดิ์เพียงเท่าหญิงงามเมือง อันพระองค์นึกพอพระทัยเมื่อไรก็ให้มา ไม่พอพระทัยเมื่อไหร่ก็ไล่ไป”

    ราชบุตรกุมขมับที่เส้นเลือดภายใต้ผิวหนังเต้นตุบ ๆ ในใจนึกบริภาษ ‘อีหญิงแพศยาผู้นี้จะเอาอย่างไรกับกูวะ’ แต่ด้วยมารยาชายอสงไขยเล่มเกวียน เขาจึงข่มความโกรธและใช้น้ำเสียงประเล้าประโลม

    “น้องหญิง พี่หาได้มีเจตนาว่าน้องเลยสักนิด เพียงช่วงนี้พี่มิใคร่สบาย จึงฉุนเฉียวง่ายไปหน่อย ทั้งน้ำใสใจจริงของพี่นั้น ก็แสนรักแสนเสน่หาน้องหญิงมิมีคลาย :-)ามของพี่เอ๋ย ละความขุ่นขึ้งตะบึงตะบอนของเจ้าเถิด แล้วเล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ ว่าเจ้ามีข่าวดีอันใด”

    นางจึงปาดน้ำตาด้วยนิ้วกรีดกราย เชิดคางอย่างมีจริต แล้วสะบัดสะบิ้งเล็กน้อยแต่พองาม

    “ช่างเถอะเพคะ ถึงอย่างไรหม่อมฉันก็เป็นได้แค่เพียงชายาลับในหอพัก ที่พระองค์มิประสงค์จะยกย่องเชิดชู แม้ว่าบัดนี้ในครรโภรพของหม่อมฉันจะมีหน่อเนื้อเชื้อไขของพระองค์ก็ตามที”

    พระกุมารฟังประโยคท้ายอย่างไม่เชื่อหู

    “อะไรนะ เจ้าท้องงั้นรึ”

    “เพคะ พระองค์จะได้เป็นบิตุราชแล้วเพคะ” นางกล่าวย้ำ

    “เป็นไปได้อย่างไร ก็ข้าป้องกันทุกครั้งนี่”

    “ถุงมันก็รั่วได้นี่เพคะ แต่ผลตรวจครรภ์จากศิริราชนี้มิผิดแน่ หม่อนฉันนึกว่าพระองค์จะปลื้มพระทัยเสียอีก ที่จะทรงมีพระโอรส และพระธิดา”

    “พ่อกูได้เอากูตายดิ” ราชบุตรบ่นพึมพำถึงพระเจ้าเหาที่สิบแปด แล้วจึงหันไปรื้อลิ้นชักค้นได้เช็คใบหนึ่ง เขาเซ็นแกรก แล้วจึงส่งให้ชายา

    “รับไปซะ”

    นางมือสั่น ตาลุกวาว เมื่อเห็นตัวเลขเจ็ดหลักปรากฏอยู่ในเช็ค

    “พระองค์ประทานเพื่อรับขวัญลูกของเราหรือเพคะ”

    “เปล่า” ราชบุตรตอบเสียงเย็นชา “เจ้าเอาเงินไป แล้วก็เลิกยุ่งเกี่ยวกับข้า ลูกของเจ้าจะเอาออกหรือเอาไว้ก็ตามใจ”

    “มิได้นะเพคะ” นางร้องโหยหวน นางอุตส่าห์เตรียมแผนการจับเจ้าชายหนุ่มมาตั้งนาน ทั้งลำบากเอาเข็มไปเจาะถุงยางทั้งกล่อง กว่าจะได้เชื้อขัตติยะหลุดเข้ามาในครรภ์ “พระองค์ขับไล่ไสส่งหม่อมฉันเช่นนี้ สู้ประหารหม่อมฉันให้สิ้นชีวันไปเลยดีกว่า อย่าให้หม่อมฉันต้องอุ้มท้องไม่มีพ่อให้ไพร่ฟ้าประชาชีเย้ยเยาะถากถางเลย”

    ราชบุตรยักไหล่

    “ถ้าเจ้าไม่อยากอายใคร ก็ไปรีดออกซะสิ”

    “พระองค์ช่างพระทัยดำอำมหิตนัก ดีล่ะ ถ้าพระองค์ยังยืนยันที่จะตัดขาดกับหม่อมฉันจริง ๆ หม่อมฉันจะเอาภาพลับของพระองค์ไปให้หนังสือพิมพ์ลงหน้าหนึ่งให้ฉาวกันไปทั้งสองข้างเลย”

    เจ้าชายหน้าซีดเผือด ขืนมีข่าวแบบนี้หลุดออกมา บัลลังก์ราชาแห่งสารขัณฑ์คงหลุดมือเขาไปแน่ ๆ สู้เก็บอีหญิงนี้ไว้ก่อน แล้วค่อยปิดปากทีหลังเมื่อมีจังหวะจะดีกว่า

    “ได้ ๆ ก็ได้ ข้ายอมรับเจ้าเป็นชายาก็ได้ แต่เจ้าต้องเก็บเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด จนกว่าข้าจะได้ครองราชย์ เจ้าคงเข้าใจนะ ว่าหากข้ามิได้เป็นราชา เจ้าก็จะมิได้เป็นราชินีไปด้วย”

    “เพคะ” นางรับคำพลางปรายตาชมดชม้อย “เอ่อ...หม่อมฉันยังมีเรื่องจะทูนอีกเรื่องหนึ่ง คือหม่อมฉันรู้สึกแพ้ท้อง อยากรับประทานมะม่วงสุกสักผล พระองค์ช่วยหาให้หม่อนฉันด้วยนะเพคะ หาไม่แล้วหม่อมฉันจะ...”

    มิทันที่นางจะขู่จบ ราชบุตรก็รีบรับปากหามะม่วงให้ทันที




    พระกุมารแห่งพระเจ้าเหาออกมาหามะม่วงตามตลาด แต่ชะรอยช่วงนี้จะมิใช่หน้ามะม่วง จึงไม่มีเจ้าใดขายผลไม้ชนิดนี้เลย

    ด้วยความอับจนปัญญา รัชทายาทหนุ่มจึงเข้าไปวิงวอนของร้องต่อตังเมดาบส

    “โปรดเถิดท่านอาจารย์ ข้าต้องการมะม่วงในสวนของท่าน ไปเพื่อกระทำธุระสำคัญยิ่งประการหนึ่ง ท่านโปรดประทานมะม่วงให้แก่ข้าสักผลเถิด”

    ตังเมดาบสฟังดังนั้นก็สยิ้วหน้าสุรเสียงกริ้วกราด

    “ชะชะ เจ้าคนถ่อย ชะรอยจะหาเหตุเพื่ออ้างกินมะม่วงข้าฟรี ๆ มิได้แล้วกระมัง จึงริอ้างว่าใช้กระทำธุระสำคัญยิ่ง ข้าเกรงแต่ว่าธุระของเจ้าคือสวาปามมะม่วงสุดวิเศษของข้าผ่านปากเหม็น ๆ ที่ผายลมให้ข้าฟังในบัดนี้เสียมากกว่า”

    ฟังคำบริภาษ ขัตติยะมานะก็พลุ่งพล่าน สองตาแดงก่ำของราชบุตรจ้องสวนไปยังอาจารย์ด้วยความแค้น มือก็กำแน่นจนเล็บแทบจะจิกในเนื้อ ราชบุตรจ้องหน้าตังเมดาบสอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนผละจากไปพร้อมกับครุ่นคิดแผนการแก้แค้น




    ราตรีนั้น ราชบุตรปลอมเพศเป็นโจร สวมชุดดำทั้งตัว ลอบย่องจากหอพักมุดรั้วเข้าสวนมะม่วงของตังเมดาบส แต่ไปได้ไม่ทันไรก็ถูกสุนัขเฝ้าสวนไล่ต้อนให้เขาปีนหนีขึ้นต้นไม้ พวกมันมีเป็นฝูง ๆ วิ่งวนรอบ ๆ ต้นมะม่วงที่ราชบุตรปีนหนีขึ้นไป พลางเห่าหอนเสียงดังก้องไปในยามวิกาล

    ตังเมดาบสรีบวิ่งปุเลง ๆ มาพร้อมกับตะเกียงเก่า ๆ เขาเอามันส่องหน้าคนที่อยู่บนต้นไม้ พอเห็นถนัดว่าเป็นศิษย์ในสำนักตนก็กล่าวคาถาบริภาษอย่างไม่ไว้หน้า

    “ดอกไผ่บานจักแสดงกาละของต้นไผ่
    ปลีกล้วยก็จักนำภัยมาสู่ต้นกล้วย
    แต่บุรุษผู้ประทุษผู้มีพระคุณ
    นับว่าเลวกว่าพืชทั้งสองนั้น”

    ราชบุตรฟังดังนั้นจึงโต้กลับเป็นคาถาเช่นเดียวกัน

    “บุรุษผู้ตระหนี่ในสิ่งไม่ควรตระหนี่
    ได้ชื่อว่าละลายก้อนน้ำตาลด้วยทะเล
    ความหวานย่อมถูกกลบด้วยความขื่นเค็ม
    ข้าจึงไม่นับว่าท่านมีบุญคุณต่อข้า”

    อาจารย์ทิศาปาโมกข์ฟังคำกล่าวของราชบุตรก็เดือดดาลนัก ในใจคิดอยู่ว่า ศิษย์ผู้นี้มีน้ำใจหยาบกระด้างไม่รู้จักคุณคน ควรที่เราจะทรมานเสียให้ละพยศ เขาจึงเรียกพวกบ่าวไพร่มาจับตัวราชบุตรไปมัดประจานหน้าสวนผลไม้ถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน




    กาลเวลาล่วงเลยมาจวบกระทั่งพระเจ้าเหาที่สิบแปดเสด็จสวรรคต ราชบุตรของพระองค์จึงได้ขึ้นเป็นพระเจ้าเหาที่สิบเก้าแห่งราชอาณาจักรสารขัณฑ์

    พระเจ้าเหาองค์ใหม่ยังผูกพระทัยพยาบาทตังเมดาบส ทรงดำริวิธีการแก้แค้นอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันมิให้ประชาชนติฉินนินทาได้ พระองค์จึงออกพระราชบัญญัติโซนนิ่งที่ดิน และกำหนดให้พื้นที่สวนมะม่วงสุดหวงแหนทั้งร้อยไร่ของตังเมดาบสกลายเป็นพื้นที่สำหรับขุดบ่อบำบัดน้ำเสีย

    ตังเมดาบสถูกขับไล่ออกจากสวนมะม่วงในวันนั้น เฝ้าดูต้นมะม่วงที่ตนเฝ้าถนอมมานานถูกกระชากรากชี้ฟ้าด้วยรถขุดดิน เขาคร่ำครวญจนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด พลางบริภาษถึงความเนรคุณของพระราชา



    ใกล้ ๆ กันนั้นมีนกกระจาบจับอยู่บนคาคบไม้ มันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น จึงกล่าวเป็นคาถาว่า

    “นโยบายใดนำความเดือดร้อนมาให้จำเพาะชนหมู่ใดหมู่หนึ่ง
    และนำประโยชน์มาให้จำเพาะชนอีกหมู่หนึ่ง
    นโยบายนั้นย่อมเกิดขึ้นด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์
    มิได้มีไว้เพื่อยังประโยชน์สุขแก่มหาชนอย่างแท้จริง”





    เมื่อจบนิทาน พ่อนกจึงประกาศต่อฝูงนกกระจาบที่ทยอยเข้ามาล้อมวงฟังจนแน่นขนัดว่า พระเจ้าเหาที่สิบเก้าในกาลนั้น ก็คือนักการเมืองลึกลับผู้พยายามผลักดันพรบ.ค้าปลีกค้าส่งในบัดนี้ ตังเมดาบสก็คือเจ้าของห้างพารากอน และนกกระจาบตัวที่กล่าวคาถาเป็นอันดับสุดท้ายก็คือพ่อนกนั่นเอง





    ทันใดนั้น เสียงระเบิดดังกัมปนาทก็ดังมาจากฐานตึก ฝูงนกกระจาบแตกตื่นบินฮือขึ้นจากหลังคาในขณะที่มันถล่มย่อยยับลงไปกองกับพื้น ครอบครัวนกหลายครอบครัวต้องเช็ดน้ำตาเมื่อสูญเสียลูกนกที่อยู่ในรังไป ส่วนพ่อลูกนกกระจาบ ตั้งมั่นในสติไว้แต่แรก จึงโผไปเกาะบนหลังคาสถานีรถไฟฟ้าใกล้ ๆ แทน



    ~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~

    จากคุณ : Mr.Innocent - [ 5 เม.ย. 50 14:02:14 A:127.0.0.1 X:202.5.87.128, 202.5.95.227 TicketID:116351 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom