ไอรดางัวเงียตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงแหลมกรีดร้องอยู่เหนือศีรษะ เธอควานหานาฬิกาเจ้าปัญหาที่น่าจะตั้งอยู่ตรงไหนสักแห่งบนหัวเตียง แล้วกดปิดเสียงปลุกแสบแก้วหูให้หยุดลง และซุกตัวในผ้าห่มผืนหนาอีกครั้ง ความเงียบเข้าครอบคลุมอยู่ในห้องพักใหญ่ ก่อนมีเสียงตึงตังดังมาจากข้างนอก พร้อมกับประตูที่เปิดผลัวะเข้ามา
ไอ! เจ็ดโมงแล้วนะ ไม่ไปโรงเรียนหรือไง เสียงตะโกนของน้องสาวแสบแก้วหูกว่านาฬิกาปลุกเสียอีก
ไอรดาครางอืออย่างรำคาญแล้วหดศีรษะเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่ม แต่อีกฝ่ายยังตามราวีไม่เลิก ดารินเดินเข้ามาในห้องพี่สาว ก่อนกระชากผ้าห่มลงไปปลายเตียง แล้วกระโดดขึ้นไปขย่มเตียงปลุกคนขี้เซาให้ตื่นขึ้นมา
ไอ!!
โอย...อย่าขย่มได้ไหมริน ไอรดาครางเสียงเบา พลางใช้เท้าเขี่ยผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวอีกครั้ง
เจ็ดโมงแล้ว ไม่ไปโรงเรียนหรือไง ดารินตะโกนกรอกใส่หูพี่สาว เธอมองคนที่ยังนอนสบาย แล้วสะดุ้งตกใจเมื่อไอรดาดีดตัวลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยท่าทางตื่นตระหนก
เจ็ดโมง! ไอรดาตะโกนเสียงดังลั่น ถลันพรวดลงจากเตียงแทบจะทันที พลางหันไปต่อว่าน้องสาวที่เป็นฝ่ายนั่งงงแทน ทำไมรินไม่ปลุกพี่ให้เร็วกว่านี้ โอย...วันนี้พี่มีประชุมคณะกรรมการห้องแต่เช้าด้วย
เค้าปลุกพี่แล้วต่างหาก ตัวเองไม่ดีเองที่ไม่ยอมตื่น
ไอรดาไม่ฟังคำบ่นของดารินอีก เธอไล่น้องสาวให้ออกไปนอกห้อง ซึ่งอีกฝ่ายสะบัดตัวเดินออกไปอย่างหงุดหงิดที่ถูกพี่สาวพาลหาเรื่อง ปล่อยให้เธอจัดการธุระของตัวเอง และลงมาข้างล่างที่ทุกคนนั่งอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าบนโต๊ะทานข้าวภายในเวลาอันรวดเร็ว
มาทานอาหารเช้าก่อนไอ
เสียงของแม่ทำให้ไอรดาที่เร่งรีบแต่งตัวและคิดจะตรงออกไปข้างนอกพอดีหยุดชะงัก เธอไม่อยากทานข้าวเพราะกลัวจะไปประชุม แต่นิสัยของแม่เป็นคนอ่อนนอกแต่แข็งใน หากแม่บอกให้ทำสิ่งใด ถ้าไม่ทำตามก็เหมือนกับเจอไต้ฝุ่นในฤดูร้อนดี ๆ นี่เอง ไอรดาจึงตัดสินใจเลี้ยวไปนั่งเก้าอี้ที่มีอาหารเช้าสไตล์อเมริกันรออยู่บนที่ของเธอ
ไอรดาเหลือบมองดารินที่นั่งละเลียดนมเกือบหมดแก้ว จานของน้องสาวพร่องลงไปมากแล้ว เหลือเพียงแครอทที่หั่นพอดีคำที่ไม่ยุบลงไปเลย ส่วนคนที่นั่งตรงกันข้ามคือพ่อที่ชอบนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ระหว่างทานอาหารเช้า บางครั้งเธอจะเห็นมือของพ่อยื่นออกมาหาแก้วกาแฟ
หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์วันนี้มีพาดหัวข่าวที่น่าสนใจกว่าทุกวัน ไอรดาจัดการกับมื้อเช้าของตัวเอง พลางอ่านข่าวพาดหัวที่เขียนตัวโตว่า นักโทษแหกคุก ทำร้ายผู้คุมบาดเจ็บสาหัส ตำรวจระดมตามหาตัวนักโทษที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย... แล้วเธอก็เลิกสนใจข่าวนั้นไปทันที และหันไปสนใจกับอาหารของตัวเองต่อ
ไอกับรินจะปิดเทอมวันไหนหรือ
คำถามของแม่ทำให้สองพี่น้องเงยหน้าขึ้นมา รอยยิ้มของแม่ดูจะมีลับลมคมในบางอย่าง พ่อชะงักกับการยกกาแฟขึ้นดื่ม และรอฟังคำตอบด้วยความสนใจ ไอรดาหันไปมองดารินที่ยักไหล่ตอบกลับมา พลางบุ้ยปากให้เธอเป็นฝ่ายตอบแทน
อีกสองอาทิตย์ก็ปิดเทอมแล้วค่ะ แม่ถามทำไมหรือคะ
แม่ฉีกยิ้มกว้างขึ้น ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าแม่มีจุดประสงค์อะไรบางอย่างถึงได้ถามเรื่องปิดเทอม ไอกับรินจำป้าณัฐฐาได้ไหมจ๊ะ
ป้าณัฐฐาเป็นพี่สาวของแม่ที่ดูจะไม่ค่อยเหมือนน้องสาวตัวเองเสียเท่าไร ไอรดาเกือบลืมไปแล้วว่าแม่มีพี่สาวอยู่คนหนึ่ง เธอจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่พบกันคือประมาณสี่ปีที่แล้ว ป้าณัฐฐามาเยี่ยมแม่พร้อมกับสามี แต่พอสามีตาย ป้าณัฐฐาก็ไม่เคยออกไปจากบ้านที่เคยมีสามีอยู่อีกเลย
ไอรดาคิดว่าป้าณัฐฐาเป็นคนแปลกและลึกลับ แม้เธอจะอายุ 40 แต่ยังดูสาวในสายตาของหลาน ๆ และเค้าโครงหน้าของป้าณัฐฐาไม่มีส่วนไหนเหมือนแม่เลยสักนิด จนเธอคิดว่าหากไม่รู้ว่าป้าณัฐฐาเป็นพี่สาวแม่ ต้องคิดว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นหรือไม่ก็รุ่นน้องของแม่แน่ ๆ
ปิดเทอมนี้ ไอกับรินไปอยู่กับป้าณัฐฐานะจ้ะ แม่พูดโดยไม่ต้องรอให้ไอรดาถาม
ไอรดาเบิกตาถลนซึ่งดารินก็มีอาการเดียวกัน พวกเธอรู้สึกไม่ค่อยดีกับป้าณัฐฐาเท่าไรนัก ป้ามีอะไรบางอย่างที่ดูลึกลับและไม่ค่อยน่าไว้ใจ รอยยิ้มของป้าต่างกับของแม่ สายตาที่มองมาทำให้พวกเธอรู้สึกเหมือนถูกแมงมุมแก่จ้องมองเหยื่อที่ดิ้นรนอยู่บนใยเหนียว ๆ ไอรดาจำได้ว่าตอนเป็นเด็กเคยร้องไห้เพียงเพราะถูกป้าจ้อง
แล้ว...แล้วพ่อกับแม่ล่ะคะ ไอรดาละล่ำละลักถาม เธอคงรู้สึกดีขึ้นหากพ่อกับแม่จะไปเยี่ยมป้าด้วยกัน
พ่อกับแม่ถูกรางวัลได้ตั๋วไปเที่ยวออสเตรเลีย 7 วัน 8 คืน 2 ที่นั่ง คำตอบของแม่ทำเอาความหวังของไอรดากับดารินพังครืน
แค่อาทิตย์เดียวเองนี่คะ หนูกับไออยู่กันตามลำพังได้ ถ้าแม่ทิ้งเงินไว้ให้หน่อย ประโยคนี้เป็นของดารินที่พูดออกมา ซึ่งตรงกับความคิดของไอรดาทีเดียว แต่แม่ส่ายหน้าพลางจุ๊ปาก
แม่ไม่ปล่อยให้พวกลูกอยู่กันตามลำพังแน่ พวกลูกยังเป็นเด็กอยู่เลย
หนูจะขึ้นม.ปลายปีหน้าแล้วนะคะ ไอรดาแย้งขึ้นมา เธออยากเรียนให้จบไว ๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องถูกว่าเป็นเด็กอีก แต่ดูเหมือนแม่จะยึดมั่นในความคิดของตัวเองมากทีเดียว ลำพังแค่เธอสองคนคงต่อกรกับแม่ได้ไม่ง่าย หากไม่มีพ่อที่นั่งเงียบมาตลอดช่วยเป็นทัพเสริมให้พวกเธอ
ป้าณัฐฐาบอกว่าคิดถึงหลาน แม่เลยคิดว่าพวกลูกไปอยู่ที่นั่นมีผู้ใหญ่ดูแล และได้เที่ยวอีกด้วย พ่อเองก็ไม่คัดค้านอะไร แม่เลยสรุปให้เป็นไปตามนี้ แม่หันมายิ้มกว้างให้ลูกสาวสองคนที่มีสีหน้าเหมือนคนอกหัก แม่ได้ยึดเอากำลังสำคัญของพวกเธอไปเสียแล้ว
ไอรดากับดารินต้องไปอยู่กับป้าณัฐฐาอย่างไม่ต้องสงสัย
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
แสงแดดแรงจ้าส่องลอดผ่านใบไม้ลงมา ช่วยบรรเทาความอบอ้าวของฤดูร้อนลงไปได้มาก ไอรดายกมือขึ้นปาดเหงื่อ พลางเหลือบมองดารินที่นิ่วหน้ากับล้อกระเป๋าที่ตกลงไปในหลุม เรวินเข้าไปช่วยดึงขึ้นมาแล้วอาสาลากมันแทน ซึ่งทำให้โยทกาผู้เป็นพี่สาวอดเหน็บน้องชายไม่ได้
เรช่วยแต่ริน ไม่คิดจะช่วยพี่กับไอบ้างหรือไง
เรามีสองมือนะ เรวินหันไปตอบเสียงหน่าย เรียกเสียงหัวเราะจากคนที่เรียกร้องความสนใจที่ต้องการเพียงแค่แหย่น้องชายเล่นเท่านั้น
โยทกากับเรวินเป็นเพื่อนที่เล่นด้วยกันมาแต่เด็ก พวกเขาอยู่ข้างบ้านและไปมาหาสู่ด้วยกันบ่อย บางครั้งยังเคยมาทานอาหารที่บ้านของไอรดากับดาริน ตอนที่พ่อแม่ของพวกเขาไปทำงานต่างจังหวัด สองพี่น้องคู่นี้อายุมากกว่าไอรดาหนึ่งปีและเป็นรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกัน
เมื่อไอรดากับดารินรู้ว่าต้องไปพักอยู่กับป้าณัฐฐาแน่นอน พวกเธอจึงคิดถึงสองพี่น้องคู่นี้ขึ้นมา และขอร้องแม่ให้พวกเธอพาพวกเขาไปด้วย ตอนแรกแม่คิดจะปฏิเสธโดยอ้างสาเหตุว่าอาจจะรบกวนป้าณัฐฐา แต่โทรศัพท์จากคนที่เอ่ยถึงมาพอดีราวกับนกรู้ แม่จึงลองพูดกับพี่สาวดู
คำตอบของป้าณัฐฐาทำให้ไอรดากับดารินใจชื้นขึ้น พวกเธอไม่อยากไปอยู่กับป้าณัฐฐาที่จ้องมองมาด้วยสายตาที่ชวนให้รู้สึกอึดอัด อย่างน้อยการพาโยทกากับเรวินไป คงพอช่วยลดบรรยากาศที่ไม่น่าพิสมัยลงได้บ้าง
เมื่อไรจะถึงจุดนัดพบที่ป้าเธอบอกเสียทีน่ะ ไอ โยทกาพ่นลมหายใจดังพรืด พลางยกมือขึ้นกระตุกคอเสื้อให้เกิดลม
เห็นแม่บอกว่าพอลงจากรถก็ให้เดินตรงไปเรื่อย ๆ แล้วเลี้ยวซ้ายที่ทางแยก จะเจอบ้านพักอาจารย์ที่เป็นของโรงเรียนมัธยมใกล้ ๆ ที่นั่นจะมีรถของป้าจอดรอ ไอรดานึกทบทวนถึงสิ่งที่แม่เล่ารายละเอียดให้ฟัง แต่พวกเธอเดินกันมานานมาก แต่ยังไม่เห็นบ้านสักหลัง นอกจากต้นไม้ที่ขึ้นริมทาง พอให้ร่มเงาบดบังแสงแดดไม่ให้ใครในกลุ่มเป็นลมหมดแรงไปเสียก่อน
ใช่บ้านพักพวกนั้นหรือเปล่า เรวินชี้นิ้วไปทางบ้านพักชั้นเดียวที่เกาะกลุ่มกันอยู่ประมาณ 4-5 หลัง ทุกคนรีบหันไปมองทันทีแล้วร้องอุทานอย่างดีใจที่ถึงจุดหมายปลายทางเสียที พวกเขารีบเร่งเดินแล้วชะเง้อคอมองหารถของป้าณัฐฐาที่บอกจะมารับไปพลาง
ไม่เห็นมีรถของป้าณัฐฐาเลย โยทกาบ่นเมื่อมาถึงบ้านพักขนาดย่อม พลางวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้ไม้ยาวสีน้ำตาลเข้มที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของบ้านหลังแรก
อาจต้องรอมั้ง ดารินที่ได้นั่งพักเท้าเอ่ยขึ้นมาบ้าง หลังจากเงียบไปเสียนาน
ไม่ลองโทรไปถามป้าณัฐฐาล่ะว่าส่งคนออกมารับหรือยัง คนขี้บ่นเอ่ยถามหลานเจ้าของบ้านที่จะไปพัก แต่ไม่มีใครตอบกลับมาสักคน
ไอรดานิ่วหน้าเมื่อมือถือของเธอไม่มีสัญญาณ เธอหันไปดูของดารินที่หน้าจอไม่มีเสาสัญญาณให้เห็นสักขีด ก่อนทำใจเก็บลงกระเป๋าไป พวกเธอคงติดต่อป้าณัฐฐาตามที่โยทกาว่าไม่ได้นอกจากรอ หรือไม่ก็ต้องหาตู้โทรศัพท์แถวนี้ ซึ่งทางที่ผ่านมาพวกเขาไม่เห็นตู้โทรศัพท์เลยสักอัน
เรวินลองตระเวนตามหาตู้โทรศัพท์ ในขณะที่อีกสามสาวนั่งพักเหนื่อยอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวยาว เขากลับมาในเวลาไม่นานพลางส่ายหน้าเมื่อหาตู้โทรศัพท์แถวนี้ไม่เจอ เขาหย่อนก้นลงบนริมฟุตบาท และเสยหมวกขึ้นมองดูพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นตรงศีรษะ
คนจากต่างถิ่นนั่งชะเง้อคอมองหาคนมารับ แต่ยังไม่เห็นวี่แววของอะไรสักอย่าง จนกระทั่งอาทิตย์ขึ้นตรงศีรษะพอดี พวกเขาจึงได้เห็นการเคลื่อนไหวบางอย่างจากบ้านพักหลังสุดท้าย ไอรดาลุกขึ้นมองกลุ่มคนขนาดใหญ่ที่ต่างคนต่างสะพาย บ้างก็ถือกระเป๋าเสื้อผ้ามาทางจุดที่พวกเธอกำลังนั่งอยู่
แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 50 20:57:52
จากคุณ :
ฌา
- [
วันจักรี 18:01:20
]