Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    แรกเริ่ม...เมื่อเริ่มรัก (ตอนที่ 1)

    - 1 -

    ผมมองคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆตัวผมตอนนี้ ศีรษะเธอเกยอยู่บนท่อนแขนแข็งแรงของผมแทนหมอน มือบางๆของเธอโอบเอวผมกระชับเหมือนว่าจะกลัวว่าคนที่นอนอยู่ข้างๆเธอจะแอบหนีไปไหน

    ผมไม่เคยเบื่อเลยที่จะแอบมองหน้าใสๆของเธอ ซึ่งอาการนี้มันเป็นมาตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมได้เจอกับเธอ ซึ่งเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมยาวประบ่า ตากลมโต จมูกรั้นๆนี้ช่างเหมาะกับใบหน้าเธอ บวกกับปากบางๆได้รูป บอกก็ได้ครับว่าผมแอบหลงรักใบหน้าได้รูปของเธอตั้งแต่แรกเห็นจริงๆ
    คนข้างๆยังคงหายใจเบาๆอย่างสม่ำเสมอ ผมอดแอบอิจฉาเธอไม่ได้เลย กับความสามารถพิเศษที่เธอมีนั่นก็คือการหลับแบบเอาเป็นเอาตายแบบนี้แหละครับ เธอจะเป็นคนนอนหลับได้เร็วมาก พอหลับก็จะหลับลึกไม่ว่าปลุกเท่าไหร่ถ้าเธอยังนอนไม่อิ่มอย่าหวังครับว่าเธอจะตื่น แต่ถ้าลองเธอได้งัวเงียตื่นขึ้นมาโดยไม่สมัครใจ เชื่อเถอะครับว่าคนอยู่ข้างๆจะโดนเธอวีนเล็กๆน้อยๆ แต่ผมชอบครับ ผมชอบให้เธอวีนใส่ผม เพราะผมก็จะมีวิธีง้อที่ดีเช่นกัน

    ย้อนกลับไปเมื่อเกือบสามปีก่อน วันผมได้เจอเธอครั้งแรก
    วันนั้นผมไปหาเพื่อนที่เป็นอาจารย์สอนพิเศษอยู่มหา’ลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ระหว่างทางเดินเข้าตัวตึกผมสวนทางกับนักศึกษาสาวสองคน คนหนึ่งผมยาวถึงกลางหลัง หน้าออกไปทางโซนเอเชียตะวันออก ตาเล็กๆ ผิวขาวซีด แต่ผมสะดุดกับผู้หญิงอีกคนครับ สำหรับผมเธอเป็นผู้หญิงที่น่ารัก น่ามองตั้งแต่แรกเห็น ครั้งแรกที่ผมเจอเธอ ผมก็ตะลึงกับความน่ารักบวกกับความสดใส รอยยิ้มบนริมฝีปากบางได้รูปนั้นถึงแม้ไม่ได้ส่งมาที่ผมแต่ผมก็รู้ได้ว่ารอยยิ้มนั้นช่างเป็นรอยยิ้มที่ส่งมาจากหัวใจของเจ้าตัว

    “ริน วันนี้รถที่บ้านมารับเหรอจ๊ะ” เสียงเพื่อนสาวของเธอเอ่ยถามระหว่างทางเดิน

    เธอส่งยิ้มหวานให้กับเพื่อนสาวเก๋ๆแบบฉบับของเธอ แล้วส่ายหน้าตอบ “วันนี้ไม่มีใครมารับจ้า รินโทรบอกลุงฉ่ำแล้วว่ารินจะกลับเอง”

    “อ้าว…แล้วพ่อกับแม่รินไม่โวยเหรอ เห็นทุกครั้งแทบจะมารับเองด้วยซ้ำ”

    “อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ท่านทั้งสองไม่อยู่จ้า แอบไปสวีทหวานกันอยู่ต่างประเทศโน่น ทิ้งให้ลูกสาวอยู่บ้านอย่างเหงาๆเช่นเคย” ผมมองหน้าที่ว่าเหงาๆนั้นอย่างนึกทึ่ง เมื่อได้ยินประโยคท้ายผมก็อดหัวเราะกับความคิดของตัวเองไม่ได้ ก็มีอย่างที่ไหนล่ะครับ หัวใจผมมันเล่นสั่งมาว่า “อยากทำให้เธอคลายเหงาจัง”

    “แล้วรินจะกลับยังไงล่ะ ไปกับเราไหมเดี๋ยวพ่อเราก็จะมารับแล้ว” อีกฝ่ายส่ายหัวทันที

    “ไม่เอาอ่ะจ๊ะ บ้านแพรคนละทางกับบ้านรินเลย เดี๋ยวต้องย้อนกลับไปกลับมาอีก เกรงใจพ่อแพรด้วย เดี๋ยวรินจะกลับรถเมล์” ผมเดินตามสองสาวมาอย่างเงียบๆ หูก็พยายามเงี่ยฟังว่าเธอคุยอะไรกัน ผมไม่ได้โรคจิตนะครับ ผมแค่อยากรู้จักเธอให้มากขึ้นก็เท่านั้นเอง

    “โดยการหอบหนังสือกองโตขึ้นรถเมล์เนี่ยนะ ตลกน่าริน”
    เจ้าของหนังสือก้มหน้ามองหนังสือที่เธอยืมมาจากห้องสมุดเล่มโตๆสองสามเล่ม ผมอดอิจฉาหนังสือเหล่านั้นไม่ได้ที่พวกมันได้อยู่ในอ้อมกอดของเธอ

    “ไม่เห็นหนักเลย แค่นี้ชิล ชิล จ๊ะ ไม่ต้องห่วงนะรินไหวอยู่แล้ว”

    สักพักก็มีรถยุโรปคันหรูมาจอดรับเพื่อนสาวของเธอ ทั้งสองยกมือไหว้ทักทายคนที่อยู่ในรถ นั่นคงจะเป็นพ่อของเพื่อนเธอคนที่ผมได้ยินเธอเรียกว่าแพร แพรหันมามองเพื่อนรักก่อนจะย้ำเพื่อความแน่ใจว่าเธอจะไม่ให้ไปส่งจริงๆ ส่วนคนที่ยืนโบกมือให้เพื่อนพยักหน้าเป็นการย้ำว่าไม่เป็นไรจริงๆ

    หลังจากที่เพื่อนรักของเธอขึ้นรถไปแล้ว ผมก็ยังคงเดินตามหลังเธอไปอย่างเงียบๆเช่นเดิม ระหว่างทางเดินออกจากมหาวิทยาลัยนั้นผมก็แอบสังเกตเธอไปเรื่อยๆ

    กระเป๋าใบจิ๋วที่เธอสะพายอยู่ที่ไหล่ข้างหนึ่งนั้น มันแทบจะใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย ทำไมเธอถึงไม่ใช้กระเป๋าใบใหญ่ๆอย่างเช่นที่เด็กวัยรุ่นใช้กันนะ จะได้ใส่หนังสือเล่มโตๆสองสามเล่มนั้นได้

    เธอเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อนอะไร ตากลมโตของเธอกวาดมองข้างทางอย่างมีความสุข รอยยิ้มเล็กๆที่เธอส่งยิ้มให้กับดอกไม้ที่แม่ค้าวางขายบนริมฟุตบาทเมื่อเธอเดินผ่าน ผมอยากเป็นดอกไม้นั่นจัง เธอจะได้ส่งยิ้มแบบนั้นให้ผมทุกวัน

    ผมเดินตามเธอจนมาถึงป้ายรถเมล์ ผมคงต้องโทรให้เพื่อนที่เป็นอาจารย์อยู่มหาวิทยาลัยของเธอขับรถกลับบ้านให้ผม เพราะวันนี้ผมคงไม่ได้กลับง่ายๆ ผมตั้งใจแล้วว่าจะเดินไปส่งเธอถึงบ้านให้ปลอดภัยก่อน คิดๆไปผมก็งงๆตัวเองเหมือนกันนะครับว่าผมจะเดินตามเธอไปทำไม ผมก็ให้คำตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันครับว่าทำไม ผมรู้แต่ว่า ณ ขณะนี้ผมแค่ต้องการเดินตามเธอไปเงียบๆ ผมอยากเห็นรอยยิ้มใสๆของเธอ เพราะมันช่างทำให้ผมรู้สึกว่าโลกนี้ช่างสดใสจริงๆ

    ร่างบางยืนรอรถเมล์อยู่ท่ามกลางผู้คนพลุกพล่าน ตากลมโตของเธอก็มองหารถเมล์สายที่จะผ่านหน้าบ้านเธอ ผมเตรียมพร้อมอยู่ห่างจากเธอประมาณสองช่วงตัว เมื่อใดที่เธอก้าวขึ้นรถ เมื่อนั้นผมก็จะต้องก้าวขึ้นไปกับเธอด้วย ผมแอบมองผมนุ่มสลวยที่เธอปล่อยสยายท้าแรงลม กลิ่นหอมจางๆลอยมาแตะจมูก จนอยากจะสัมผัสและดึงผมนั้นมาดมด้วยตัวผมเองให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย


    ขาเรียวยาวของเธอก้าวขึ้นรถเมล์สายหนึ่งอย่างรวดเร็วอย่างคนที่ทำแบบนี้จนเคยชิน ต่างจากผมนักกว่าผมจะแย่งคนขึ้นไปได้แทบกระอักเลือดก็ว่าได้ ผมแอบยืนหอบนิดๆเมื่อขึ้นรถได้ แต่พระเจ้าประชาชนที่เลือกใช้เส้นทางนี้ช่างเยอะเหลือเกิน แน่นขนัดจนแทบจะไม่มีแม้กระทั่งที่ยืน ผมมองหาร่างบางของเธอ เมื่อเห็นว่าเธออยู่ตำแหน่งใดผมก็ยิ้มออก รีบเบียดแทรกชุมชนแออัดไปยืนใกล้ๆเธอทันที

    ผมแอบดีใจเล็กๆกับเธอไม่ได้เมื่อมีคนที่นั่งใกล้ๆเธอยืน ช่วยเธอถือหนังสือกองโตนั้นให้ ใจจริงผมก็อยากจะช่วยเธอถือนะครับ แต่ก็กลัวว่าเธอจะตอกกลับมา เพราะว่าผมกับเธอไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เธอคงไม่ให้ผมช่วยถือง่ายๆหรอกครับ

    เธอยิ้มอย่างขอบคุณให้กับผู้หญิงที่ช่วยเธอถือหนังสือ เห็นรอยยิ้มนั้นแล้วผมรู้สึกเป็นสุขยิ่งนัก นี่ผมหลงรอยยิ้มของเธอขนาดนี้เลยเหรอ ผมไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ

    สักพักผู้หญิงที่ช่วยถือหนังสือให้เธอก็ลุกขึ้น เธอคงจะลงป้ายหน้าแน่ๆเลยครับ เพราะผมเห็นว่าเธอลุกแล้วส่งหนังสือให้กับยิ้มสวยของผม (อิๆ ผมขอตั้งฉายาให้เธอนะครับ ก็ผมชอบรอยยิ้มของเธอนี่นา) แล้วยิ้มสวยของผมก็นั่งลงแทนที่ผู้หญิงใจดีคนนั้น

    เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น ผมชอบแม้กระทั่งเสียงริงโทนของเธอ ใครจะว่าผมบ้าผมก็ยอมรับละครับคราวนี้ ผมแอบเงี่ยหูฟังบทสนทนานั้นอย่างคนสอดรู้สอดเห็น ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในประวัติส่วนตัวของผม

    “สวัสดีจ๊ะแพร” เสียงใสๆเธอทักทายปลายสาย ผมเดาว่าน่าจะเป็นเพื่อนสาวของเธอที่เพิ่งแยกกันเมื่อสักครู่โทรมาถามอย่างเป็นห่วงยิ้มสวยของผม แต่ผมอยากส่งโทรจิตไปบอกแพรเหลือเกินว่าไม่ต้องเป็นห่วงเพราะผมคอยดูแลเธออยู่

    “ใกล้จะถึงแล้วจ๊ะ แพรไม่ต้องห่วงนะ จ๊ะๆ ถ้าถึงแล้วรินจะโทรไปบอกนะจ๊ะ” ยิปปี้…ในที่สุดผมก็รู้จักชื่อเล่นของยิ้มสวยของผมแล้วละครับ ชื่อเธอน่ารักจังครับ “ริน” ไม่ว่าเธอจะชื่อรินอะไรก็ตามเถอะ แต่สำหรับผมแล้วชื่อเธอเพราะดีครับ (ออกแนวเครซี่อีกแล้ว)


    พอเห็นเธอลุกขึ้นยืนปุ๊บผมรู้ตัวเลยครับว่าผมต้องเตรียมตัวลงจากสถานที่แออัดนี้เสียแล้ว เมื่อรถจอดเทียบป้ายเท้ายาวๆของผมก็ต้องทำหน้าที่ก้าวเร็วๆลงจากรถเพื่อตามเธอให้ทัน ร่างบางๆก้าวเดินไปตามถนนอย่างช้าๆ เธอส่งยิ้มให้กับคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างเป็นกันเอง เธอคงจะสนิทกับผู้คนละแวกนี้ทั้งหมดเลยละผมว่า เพราะเมื่อเธอเดินผ่านรถเข็นขายขนมครกที่มีหญิงชราคนหนึ่งยืนขายอยู่ ยิ้มสวยของผมเธอก็หยุดทักทายเช่นกัน ผมก็แอบฟังบทสนทนาเล็กๆของเธออีกเช่นเคย (ผมอยากรู้จักเธอมากขึ้นครับ)

    “อ้าว…คุณหนูรินวันนี้เดินกลับบ้านอีกแล้ว นี่แปลว่าคุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยู่ละซิค่ะ” หญิงชราเอ่ยทัก

    “คุณยายนี่รู้ทันรินจริงๆเลยนะค่ะเนี่ย เป็นไงค่ะวันนี้ขายดีไหมค่ะ”

    “แหม..คุณหนูริน ก็ยายน่ะเห็นคุณหนูรินมาตั้งแต่เด็กตัวเล็กๆ รู้จักคุณพ่อคุณแม่ของคุณหนูรินมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าหวงลูกสาวขนาดไหน ถ้าสองคนอยู่อย่าหวังว่าคุณหนูรินจะได้ขึ้นรถเมล์กลับบ้านเองเลย นี่ก็คงจะขโมยเช่นเคยใช่ไหมล่ะ” ยิ้มสวยของผมพยักหน้ารับ

    “แต่จุ๊ จุ๊ เลยนะค่ะคุณยาย เรื่องนี้ห้ามไปบอกพ่อกับแม่หนูรินนะ เดี๋ยวท่านทั้งสองจะเอ็ดหนูรินเอา” ท่าทางของเธอที่แสดงออกนั้นน่ารัก จนผมเผลอแอบมองอย่างหลงไหล
    “คนแถวนี้รักคุณหนูรินทั้งซอยแหละค่ะ ไม่มีใครอยากให้คุณหนูรินต้องโดนเอ็ดหรอกค่ะ มั่นใจได้เลย” ผมสงสัยอีกแล้วครับว่าทำไมคนแถวนี้ถึงได้รัก และเอ็นดูยิ้มสวยของผมนัก อย่างนี้ผมคงจะต้องสืบรู้ให้ได้


    -------------------------------
    ขอความคิดเห็น ติ - ชม กันบ้างนะค่ะ ขอบคุณค่ะ

    จากคุณ : หนึ่งเดียวในใจ - [ วันจักรี 18:42:01 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom