ท่ามกลางความวุ่นวายและเต็มไปด้วยแสงสียามค่ำคืนของเมืองหลวง ผู้คนมากมายที่หลงไปกับแสงสีและความสวยงามของกรุงเทพยามราตรี วัยรุ่นหนุ่มสาวมากมายที่อยากรู้อยากลองถึงรสชาติของการใช้ชีวิตกลางคือ สังคมปัจจุบันเป็นตัวแปรสำคัญของสิ่งเหล่านี้ ผู้ใหญ่ในสังคมตั้งตนเป็นใหญ่และเอาเปรียบผู้ที่อ่อนแอกว่าทั้งร่างกาย จิตใจ และสถานะภาพ ในทุกๆวันมีหนุ่มสาวไม่น้อยที่ตกเป็นทาสของความลุ่มหลงเหล่านี้ที่บรรดาผู้มีอิทธิพลหน้าเลือดเป็นผู้หญิบยื่นให้ลิ้มลองรสชาติแห่งอเวจี.....
" เฮ้ย ไอ้หนึ่งวันนี้ ลูกชายอั๊วจะกลับมาแล้วนะ มรึงอย่าลืมไปรับด้วย เครื่องลงสิบโมงครึ่ง อย่าสายนะ อั๊วไม่อยากให้อาเบ๊นส์อีรอนาน
" ได้เลยครับเสี่ย ไม่ต้องห่วง " หนึ่งตอบรับกับเสี่ยหมงอย่างด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
เมื่อถึงเวลาสิบโมงครึ่ง หนึ่งก็มาถึงสนามบิน และพยายามสอดส่องสายตาหา เบ๊นซ์ลูกชายคนโปรดของเสี่ยหมง
" รอนานไหม หนึ่ง " หนึ่งหันไปหาเจ้าของเสียงที่พูดมาจากด้านหลัง " เอ้า เสี่ยน้อยเอง มาทางไหนเนี่ย ทำไมผมไม่เห็น " เบ๊นซ์ยิ้มมุมปากเล็กน้อย " เครื่องลงตั้งแต่เก้าโมงแล้วล่ะ " หนึ่ง ขมวดคิ้ว ซึ่ง งง ว่า ไหนเสี่ยบอกว่า สิบโมงครึ่งไง "เสี่ยหมงบอกผมว่าเครื่องเสี่ยน้อยลงสิบโมงครึ่งไม่ใช่หรอครับ แล้วทำไมมาเก้าโมงล่ะ " ป๊าแกคงจำผิดน่ะแหละ ชั่งเถอะ เอ้า เอากระเป๋าชั้นไปเก็บที่รถป่ะ
เดี๋ยวชั้นไปเข้าห้องนน้ำก่อน เดี๋ยวตามไป "
" ครับ "
เบ๊นซ์เป็นลูกชายคนที่สามของครอบครัว เสี่ยหมงซึ่งเป็นพ่อได้ส่งเบ๊นซ์ไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่ 10 ขวบ ซึ่งในทุกๆปี เบ๊นซ์หรือเสี่ยน้อยจะกลับมาเยี่มที่บ้านซักหน ปัจจุบันเบ๊นซ์อายุ 22 ปีเพิ่งเรียนจบปริญญามาจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเสี่ยหมงได้เรียกตัวกลับมาเพื่อที่จะให้สืบทอดกิจการของครอบครัว
" เรียบร้อยแล้วนะครับเสี่ยน้อย จะได้กลับกัน "
" อืม ไปสิ ชั้นอยากเจอหน้า ม๊า กับ ป๊า เร็วๆ ไม่ได้เจอกันซะนาน "
ขณะกำลังกับบ้านนั้น หนึ่งก็ได้แต่ซักถามถึงสารทุกข์สุกดิบของเสี่ยน้อยด้วยความสนใจว่าอยู่ที่โน่นเป็นไงบ้าง ใช้ชีวิตยังไง รวมไปถึงเรื่อง ของ ความรัก เสมือนกับน้องชายซักถามพี่ชายด้วยความอยากรู้และอยากเห็น
" เสี่ยนี่อยู่โน่นฟาดแหม่มไปกี่คนแล้วเนี่ย แหม่ คงหลายล่ะสิ "
" หึ " เสี่ยน้อยได้แต่ยิ้มและก็ไม่ได้ตอบอะไรกับคำถามนี้
" อั่นแน่ ที่ไม่ตอบนี่ แสดงว่ามีแน่ๆ "
" หนึ่ง ดูถนนดีกว่าอย่าเพิ่งถามอะไร เดี๋ยวจะไปไมถึงบ้านซะ"
" ครับ"
" หวัดดีครับ ป๊า "
" อืม ในที่สุดก็จบซะที ทีนี้จะได้มาแบ่งเบางานอั๊วบ้าง ดีๆ"
" มาถึงก็พูดเรื่องงานเลยนะป๊า ไม่เปลี่ยนจริงๆ หึ "
" อั๊วก็รอวันนี้มานานไม่ใช่รึ หึๆ "
เสี่ยน้อยยิ้มอย่างพอใจ พร้อมกับแววตาที่เปลี่ยนไป
" อาเบ๊นซ์กลับมาแล้วหรอ ไหนๆ มาให้อาม๊า หอมสัก ฟอดซิ คิดถึงจังเลย "
" หวัดดี ม๊า เป็นยังไงบ้าง ม๊า สบายดีนะ นี่ เบ๊นซ์อกระเป๋ามาฝากม๊าด้วย ดูซิ ชอบรึป่าว"
" อืม สวยๆ ขอบใจมั่ก น๊าลูก"
" ไปเถอะอาเบ๊นซ์ เอาของไปเก็บแล้วเดี๋ยวมากินข้าวด้วยกัน "
" ครับ"
" เจ๊ กระเพราะไก่จานนึง ดาวน้ำด้วยนะ ( หมายถึง ไข่ดาวที่ไม่สุก ) กินวันนี้ด้วย โอเคะ "
" กวนประสาทแต่เช้าเลยนะ ไอ้หนูแหนม เอ็งนี่ตั้งแต่เด็กจนโตไงงั้นเลย ไม่เปลี่ยน รอเดี๋ยวและกัน วันนี้คนเยอะ"
แหนม เป็นนักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ ของมหาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง ด้วยความที่แหนมเป็นเด็กฉลาดถึงจะไม่ขยัน(เลย)ก็ตามแหนมก็เคยสอบติดโรงเรียนนายร้อยตำรวจ มาแล้วแต่ด้วยความที่เป็นคนรักในศิลปะและอิสระจึงทำให้แหนมเลือกที่จะขัดปู่ซึ่งเป็นคนเลี้ยงดูแหนมมามาตั้งแต่เด็ก(เนื่องจากพ่อและแม่ของแหนมเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทั้งคู่) ทั้งๆที่ สอบติดแล้วแท้แต่ไม่วายแหนมก็ยกเลิกเอาดื้อๆเนื่องจากเหตุผลที่ว่า " ผมไม่อยากตัดผมเกรียนน่ะปู่ "
ทำให้แหนมเลือกเดินมาเส้นทางที่เค้าชอบและรู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่กับมันอย่างแท้จริง นั่นคือ ศิลปะ
" เอ้า อาแหนมได้แล้ว "
" โหย เจ๊ กว่าจะได้กิน "
" เอาน่า จะบ่นทำไม คนก็เยอะ ลื้อเห็นไหมเนี่ย "
" ก็รู้น่ะนะ ว่าคนเยอะ แต่อ่ะนะ จะลัดคิวให้นิดหน่อยก็ไม่ได้ คนเราอ่ะนะ บ้านใกล้กัน เห็นเรามาก็ตั้งแต่เด็ก จะว่าไปก็เหมือนลูกเหมือยหลาน ไม่มีเล้ย จะมีสิทธิพิเศษ อืมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่จะจำไว้ "
" ไอ้เด็กนี่ ค่เรื่องกิน บ่นซะยาวเลยวุ้ย อ่ๆ เดี๋ยวเจ๊ไม่คิดค่าน้ำและกันดีมะ"
" อืม ต้องงี้สิ แหม่ น่ารักจริงเลยเจ๊เนี่ย หุ "
" ........."
" เฮ้ย ไอ้แหนม ปู่ มรึงเรียกน่ะ "
" เออ เดี๋ยวกูไปเองแหละปอนด์ ใจมากที่บอก "
" เอ้า เจ้าแหนม มานี่ซิ"
" ไงปู่ มีไรหรอ"
" ศุกร์นี้มีเรียนรึป่าว"
" ไม่มีฮะปู่"
" ดี เดี๋ยวย ศุกร์นี้ ไปเชียงใหม่กับปู่หน่อย พอดีลูกสาวเพื่อนปู่เค้าแต่งงาน แหนมเอ็งก็ไปเป็เพื่อนปู่และกัน"
" ฮะ ก็ได้แค่นี้ใช่มะปู่ งั้นแหนมไปก่อนนะ มีธุระ"
" ไปไหนล่ะวะ"
" สนามหลวง "
" ไปทำไม"
"ไปถ่ายรูปน่ะ ดึกๆกลับ"
" อืม อย่ากลับดึกมากล่ะ "
"ฮะ"
" อาเบ๊นซ์ เป็นไงมั่งล่ะ งานที่โน่น ราบรื่นไหม"
" ก็โอเคป๊า ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมาย จะมีก็แค่พวกไอ้เลี่ยนน่ะแหละป๊า บางครั้งก็เบี้ยวค่าของ"
" แล้วลื้อจัดการยังไง"
" ไม่มีไรหรอกป๊า เมื่อมันไม่รู้ถึงกฎของเกมส์ เราก็แค่สอนให้มันรู้ว่าถ้ามันคิดจะเดินทางลัดใช่เลห์โกงกับเกมส์ๆนี้ สิ่งที่มันได้รับจะเป็นอะไร"
" ดีมาก พวกมันจะได้รู้ว่าไม่มีใครมาลูบหน้าปาดจมูกพวกเราได้"
" เออ ลื้อรู้ยัง เสาร์นี้ ลูกสาวของเสี่ยง้วนที่อยู่เชียงใหม่เค้าจะแต่งงานนะ ยังไง ลื้อก็ไปด้วยและกัน เพราะยังไงเราต้องทำธุรกิจกับอี อีกนาน
" ครับ " เสี่ยน้อยรับปากป๊า เมื่อเสี่ยหมงพูดถึงครอบครัวของเสี่ยง้วนซึ่งเป็นเพื่อนในวงการธุรกิจการค้าของเสี่ยหมงขึ้นมานั้น ทำให้เสี่ยน้อยได้ย้อนคิดถึงใครคนนึงในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นอดีตทีที่ถือเป็นความผิดหวังของเสี่ยน้อยอย่างที่สุด
เมื่อครั้งเสมัยที่เสี่ยน้อยยังเรียนที่อเมริกาในเวลานั้น เสี่ยน้อยได้รู้จักกับ ตั้น ซึ่งเป็นลูกชายของเสี่ยง้วนเพื่อนของเสี่ยหมงผู้เป็นพ่อ ตั้นกับเสี่ยน้อยถือเป็นเพื่อนสนิทกัน เที่ยวด้วยกัน ช่วยเหลือซึ่งกันละกันตลอดในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน
" เฮ้ย เบ๊นซ์ คืนนี้ไปกับกูรึป่าว วันนี้มีปาร์ตี้ที่บ้านไอ้เดฟ
สาวๆมากันเยอะ มันส์แน่มรึง
" มรึงก็รู้นี่ ว่ากูไม่ค่อยสุงสิงกับผู้หญิงเท่าไหร่ กูไม่สนหรอก มรึงไปเถอ"
" เฮ้ย เ - ย้ อะไรเนี่ย ไปเปิดหูเปิดตาซะมั่งสิวะ วันๆเอาแต่เรียน และก็ทำงาน"
" กูมีเรื่องต้องคิดหลายเรื่อง วันหลังและกัน กูสัญญา"
" อืม ไม่เป็นไร แต่วันนี้ เจ้าก้อย น้องสาวกูมันจะมาจากเมืองไทย แต่ว่ากูไม่ว่างไปรับมัน ยังไงๆ วานมรึงไปรับมันแทนกูทีและกัน ได้มั้ย"
" กี่โมง"
" เที่ยง"
" อืม แต่ กูจำหน้าน้องมรึงไม่ได้นะ ครั้งสุดท้ายที่กูเจอตอนนั้น แค่ 10 ขวบเอง ตอนนี้น้องมรึงคงโตเป็นสาวแล้ว เจอกันกูก็จำไม่ได้หรอก"
." เออ ไม่เป็นไร ก่อนมากูไม้เบอร์ติดต่อไว้แล้วพอมันถึงแอร์พอร์ต มันจะโทรมาเองแหละ อ่ะนี่ โทรศัพย์กูเอาได้วย"
" ก็ได้ " เบ๊นซ์รับปากตั้น พร้อมกับหยิบโทรศัพย์จากตั้นแล้วเดินออกมา
" เฮ้ย น้องกูน่ารักนะมรึง ถ้าจะจีบต้องขอกูก่อนเข้าใจมั้ย"
" หึๆ "
ตี๊ดๆๆๆๆส์.." โหล เอียหรอ ก้อยมาถึงแล้วนะ อยู่ไหนอ่ะเนี่ย "
" นี่ไม่ใช่ตั้นหรอก พี่เป็นเพื่อนตั้น มันให้พี่มารับเราแทนมัน มันต้องไปธุระน่ะ"
" อ่อ ค่ะ แล้วนั่นใช่พี่เบ๊นซรึป่าวคะ"
" อืม ใช่"
" อืม จำได้และ"
" ตอนนี้ก้อยรอที่ผู้โดยสารขาเข้าแล้วค่ะ พี่เบ๊นซ์อยู่ไหนเนี่ย"
" อืม พี่กำลังเดินเข้าไป รอแป๊บนึงนะ"
" ค่ะ "
" ก้อยใส่ชุดอะไรล่ะ พี่มาถึงแล้ว"
" กระโปนงพีซสีครีมค่ะ เสื้อขาว"
"อืมเห็นและ พี่อยู่ข้างหลังเนี่ย หันมาสิ"
เมื่อก้อยหันมาเจอเบ๊นครั้งแรกเธอ ส่งยิ้มให้ราวกับว่าสนิทชิดเชื้อเดินเข้ามาเกาะแขนอย่างกับว่าเป็นพี่ชายของเธอจริงๆ
" หวัดดีจ้า พี่เบ๊นซ์ หืม ตัวสูงจังเลย"
" อืม เราโตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย ถ้าไปเจอกันที่อื่นนี่พี่จำก้อยไม่ได้ แน่ๆ อืมม งั้นเราไปกันเถอะ "
" จ้ะ "
เบ๊นซ์รู้สึกแปลกกับความรู้สึกวูยแรกที่มีต่อก้อยน้องสาวของเพื่อนคนนี้ ด้วยลักษณะและอุปนิสัยที่ร่าเริง ใบหน้าที่น่ารัก และมีเสน่ห์ ทำให้หัวใจของเบ๊นซ์เต้นไม่เป็นจังหวะราวกับว่าจะหลุดออดกมาให้ได้ ในตอนนี้เสี่ยน้อยรู้สึกได้ถึงความรสุขที่แผ่สารไปทุกอณูทั่วร่างกาย
จากคุณ :
วับวาว
- [
8 เม.ย. 50 10:46:56
]