นาฬิกาข้างผนังใกล้ประตูบอกเวลาสิบนาฬิกาสี่สิบห้านาที หลังจากที่ตื่นขึ้นมาได้สักพัก ต้มน้ำชงกาแฟด้วยกาต้มน้ำร้อนใหม่เอี่ยมที่ถูกประเดิมด้วยการต้มยาสมุนไพรของเพื่อนสาวที่แวะมาช่วยเก็บข้าวของตอนย้ายเข้ามาใหม่ในวันแรกๆ ของการย้ายบ้าน กาแฟกับขนมปังปาดเนยเทียม ไม่อร่อยนักในรสชาด แต่บรรยากาศนอกระเบียงที่กวาดสายตามองจากระยะใกล้ เป็นดงมะพร้าว และสวนผลไม้ มองไปไกลสุดตา ไม่พบว่ามีอาคารสูงเกินระดับสายตามาบดบังทัศนียภาพ กาแฟทุกเช้าจึงอร่อยอย่างสมเหตุสมผล
หนังสือเล่มที่ถูกเลือกหยิบอ่านคือ ยาแก้สมองผูกตราควายบิน เล่มใหม่ของวินทร์ เลียววาริณ ซึ่งฝ่าฝูงชนเบียดเสียดกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนเพียงเพื่อแลกกับลายเซ็นของนักเขียนบนหน้าหนังสือ... คุ้ม เพราะลายเซ็นวินทร์ เลียววาริณ เมื่อไปปรากฎอยู่ในหนังสือของเขาแล้วไม่ต่างกับส่วนประกอบของเรื่องที่มีศิลป์อย่างลงตัวพอเหมาะ ซึ่งงานหนังสือปีนี้มีสองเล่มใหม่ของวินทร์ เลียววาริณ มาให้นอนอ่านในวันหยุดลองวีคเอนท์ อีกเล่มหนึ่งนั้นชื่อ ฝนตกขึ้นฟ้า
สายลมเมษายนของที่นี่ไม่ได้ร้อนอบอ้าวอย่างที่คิดว่าจะต้องเป็น แต่กลับเย็นสดชื่นด้วยความชื้นในอากาศที่ค่อนข้างสูง ลมพัดแรงจัดจนเครื่องปรับอากาศไม่ต้องทำงาน จึงไม่น่าแปลกใจที่ในวันหยุดสุดยาวๆ แบบนี้จะสิงสถิตย์อยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหน บรรยากาศเหมาะเหม็งสำหรับการเขียนหนังสือ เสียงกระดิ่งลมด้านนอกบอกว่ามีลมพัดอยู่เสมอทำให้ไม่ต้องพึ่งพาพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ เว้นแต่บางครั้งที่อาจถูกคุกคามด้วยเสียงจากเพื่อนบ้าน แต่ไม่ถือเป็นปัญหาใหญ่ เพราะถ้าทนไม่ได้ก็จะปิดประตู เปิดแอร์ และเพลินใจด้วยเพลงโปรด
เสียงเรือหางยาวที่ต่อให้อยู่ไกลถึงสองกิโลเมตรนับจากตรงนี้ก็ยังชัดแจ๋วเหมือนดังอยู่ข้างรูหูเป็นซาวน์เอฟเฟ็คประกอบการเขียนเรื่องสั้น และเป็นเครื่องเว้นจังหวะระหว่างสนทนาโทรศัพท์ บางครั้งเคยโผล่หน้าลงไปดูพบว่าเป็นเรือหางยาวบรรจุลังส้มสีสวยจากสวนละแวกนี้... ส้มมีชื่อ ชื่อส้มบางมด
ละแวกนี้ไม่อุดมสมบูรณ์ด้านอาหารการกินนัก แต่ก็พอมีบ้างไม่ถึงกับแร้นแค้น รสชาติที่เรียกได้ว่าแค่พอประทังชีวิต ถ้าคิดจะกินอย่างหรูต้องออกไปที่ถนนใหญ่ ห่างจากที่นี่ไปไม่ไกลนักมีเซ็นทรัล บิ๊กซี โลตัส ตลาดนัด และเมื่อมีให้เลือกเกินไปก็เลือกไม่ถูกว่าจะบริโภคยี่ห้อไหนดี...แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะในบรรนยากาศโดยรวมแล้วเธอเลือกที่นี่เป็นแหล่งผลิตผลงานวรรณกรรมที่ชื่นชอบถึงคลั่งไคล้
สิบเอ็ดชั่วโมงนับถอยหลัง เสียงเคาะประตูห้องดังท่ามกลางความเงียบสนิทของกลางคืน
อ้าว มายังไงเนี่ย เจ้าของร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้ายิ้มแต้ แต่โงนเงนเกือบยืนไม่อยู่ แล้วร่างสูงก็เดินโซเซผ่านประตูเข้ามาล้มตัวลงนอนบนเตียง แล้วหลับไหลไปในที่สุด...
เขา ในสถานภาพของมิตรภาพคือเพื่อนสนิท และในบางวาระเวลาเขากลายเป็นตัวละครในนิยาย โลดแล่นในบทพระเอก แต่ไม่มีตัวตนในโลกของความเป็นจริง - -
เขา - ไม่ใช่คนดี ที่ทำทุกอย่างได้เพื่อคนที่เขารัก ไม่ใช่คนที่พร้อมจะเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อใคร ไม่ใช่คนที่สามารถจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใครได้ โลกของเขา... คือโลกของเขา เขาไม่อยากรู้จัก เขาจะไม่เดินไปทักใคร เขาไม่อยากให้ใครรู้จัก เขาจะไม่เปิดประตูต้อนรับใคร เขามีระยะห่างระหว่างมิตรภาพ กับทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ คนที่รักเขามากที่สุด ระยะห่าง ที่ไม่จำเป็นต้องเอื้อมมือเข้าไปหา หรือไขว่คว้าเพื่อพยายามที่จะใกล้... เขาชอบ Night With มากกว่า คาราบาว เขาเลือกที่จะฟัง Nemo มากกว่า ลมพัดใจเพ และเขาก็มีความสุขกับการได้ทำงานเจ็ดวัน ได้นอนนานๆ ถ้ามีวันหยุด... เขารู้ตัวว่าเขาไม่ใช่คนเก่ง และไม่มีความมั่นใจในบางเรื่องแต่แอบปลื้มตัวเองที่ไม่มีใครทำได้เหมือนเขาในบางอย่าง เขาสนใจทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แต่ไม่เคยชอบอะไรได้นาน...
เขา - เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตใครบางคน เหมือนนิ้วมือนิ้วที่สิบ เหมือนขาข้างขวา เหมือนแขนข้างซ้าย เหมือนหัวใจสามห้อง และเหมือนสมองทั้งสองซีกของอีกคน... แต่เขาอยู่ในอีกมิติหนึ่งของชีวิตคน-คนนั้น
บ่อยครั้งที่เขาถูกเอ่ยถึง แน่นอน... ถ้าเรารักใครสักคนเราอาจจะพูดถึงเขาในบ่อยครั้ง การที่เราได้พูดถึงคนที่เรารัก มักจะเป็นความสุข
เขามีตัวตนจริงๆ หรือ แนะนำให้รู้จักบ้างสิ และหลังจากที่ประโยคนี้หล่นออกมาจากปากใครบางคนที่กังขาในความเป็นเขา... หลังจากนั้นต่อมา เขาจึงเป็นเพียงตัวละครที่ถูกสมมติขึ้นในนิยาย ไม่มีตัวตนอีกต่อไป...
ไม่มีใครถามถึง และไม่มีใครพูดถึง แม้แต่คนที่รักเขามากที่สุด ก็ละเว้นการเอ่ยถึง มีเพียงหัวใจเท่านั้นที่บอกชัดว่าเต็มอยู่ในทุกห้องนั้นเป็นเขา...
เสียงเรือหางยาววิ่งผ่านไปอีกครั้ง และคราวนี้มันทำให้เขาตื่นจากการหลับไหลอันยาวนาน
เมื่อยจัง เมื่อวานทำงานซะดึกดื่นแล้วก็ต้องไปกินเลี้ยงต่ออีก ตอนนี้กี่โมงแล้ว
นอนต่อเถอะเพิ่งจะสาย ไม่ต้องรีบ
ผมมีงานค้างอยู่ พรุ่งนี้ต้องไปอบรมที่ต่างจังหวัด เขาคว้าผ้าเช็ดตัวหายเข้าห้องน้ำสามสิบสองนาทีไม่มากไปกว่านั้น แล้วออกมาพร้อมกับใบหน้าที่สดใสแช่มชื่น...
กลับล่ะนะ วันหลังจะแวะมาใหม่
ขับรถดีๆ นะ อืมม์ ขอบคุณมากสำหรับทั้งหมด
หือ ขอบคุณอะไรผม
ขอบคุณที่ทำให้ไว้ใจได้เสมอ ไม่ว่าจะกี่ปีก็ตาม
อย่าคิดมาก เราเป็นเพื่อนกัน คุณมีค่ากับผมเกินกว่าที่ผมจะทำลายลงไปด้วยความรู้สึกชั่ววูบของผู้ชาย
นั่นแหละที่ทำให้ต้องขอบคุณ บางที ถ้าเป็นคนอื่น มิตรภาพอาจจบลงไปนานแล้ว
ดีใจที่เป็นผม ขอบคุณที่รักผม ขอบคุณที่หวังดีกับผม และขอบคุณสำหรับการเสียสละ... อย่างน้อยก็เมื่อคืนนี้ ตอนเช้าผมตื่นขึ้น เห็นคุณนอนขดตัวอยู่บนพื้น
นอนบนพื้นก็สบายดี
วันหลังผมจะนอนตรงนั้นก็แล้วกัน
ไม่เป็นไร แค่แวะมาอีกก็ดีใจมากแล้ว
สักวันผมจะรักคุณ
ตัวละครในนิยายที่รับบทพระเอก ก็ย่อมเป็นพระเอกอยู่เสมอ ทั้งที่เขารู้ดีว่า ต่อให้เขาต้องการแม้ชีวิตก็มีบางคนที่ยอมสละเพื่อเขาได้... ในนิยาย มักเป็นเช่นนั้นเสมอ
เขามีตัวตนจริงๆ หรือ แนะนำให้รู้จักบ้างสิ เป็นประโยคที่ดังพอๆ กับเสียงเครื่องยนต์ของเรือหางยาวที่แล่นผ่านคุ้งน้ำในหลายเวลาของวัน นั่นทำให้เขามีบทบาทมากขึ้นในนวนิยายแทบทุกเรื่องของเธอ เธอเขียนเขาขึ้นมาจากบุคลิกพื้นฐาน เป็นอีกคน และเป็นอีกคน...
แต่....ในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่เคยแตะต้องเธอเลย
เขามีตัวตนจริงๆ หรือ... เธอเองก็เริ่มไม่แน่ใจ...
สายลมพัดแรงจัดจนกระดิ่งลมเซรามิคหล่นแตกกระจายบนพื้นกระเบื้องสีขาว...
หรือสิบเอ็ดชั่วโมงก่อนหน้านี้...เป็นเพียงเรื่องราวในนิยายที่เธอเขียนมันขึ้นมาเท่านั้น..../
จากคุณ :
ดาริกามณี
- [
10 เม.ย. 50 13:57:07
]