ตอน 5 ขวบผมเขียนเรียงความส่งอาจารย์ เนื้อความในนั้นผมจำได้คร่าวๆว่า โตขึ้นผมอยากเป็นตำรวจ เพื่อทำความดีและขจัดคนเลวให้สิ้นซาก พร้อมรูปวาดประกอบเป็น นายตำรวจหนุ่มกำลังใส่กุญแจมือให้คนร้าย และมีรอยยิ้มแสดงความดีใจของประชาชนแสดงอยู่ทางซ้าย 2 มือจับพวงมาลัย 2เท้าสลับกันเหยียบคันเร่งกับเบรกสลับกันไปตามจังหวะของกลุ่มรถบนถนนหลวงยามค่ำคืนที่ประดาไปด้วยแสงไฟสังเคราะห์สาดส่องเข้าสู่นัยน์ตา เรา 2 คนกำลังเคลื่อนตัวด้วยรถยนต์มือ 3 ของอา ไปยังที่ที่ผมไม่อยากจะย่างกรายเข้าไปเท่าไหร่นัก
ไม่ต้องรีบขนาดนั้น ก็ได้ เอก น้องชายของพ่อผมเอ่ยปากขึ้น หลังจากเห็นผมเหยียบคันเร่งอย่างเต็มเหยียดเมื่อขึ้นทางด่วน
ผมพยักหน้าเป็นการตอบรับ และคลายเท้าออกจากคันเร่งตามเจตนาของผู้ที่อาวุโสกว่า
ใจเย็นๆ เอก
ครับ .......... แล้วเราจะไปที่ไหนก่อนครับอา ผมเอ่ยถามถึงจุดหมายปลายทางด้วยใจร้อนรนดุจไฟเผา
ประชาชื่น ก่อน แล้วไปรังสิต อาตอบสั้นๆขณะใบหน้าที่ยับย่นด้วยริ้วรอยไม่ไหวติง
ตอน 7 ขวบ ผมตั้งใจเรียนอย่างหนัก เพื่อจะได้เตรียมตัวสำหรับความฝันที่จะเป็น หมอรักษาคนไข้ เหตุผลที่ผมอยากเป็นก็เพราะในช่วงนั้น ผมต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยเพราะป่วยเป็นโรคหอบหืด การได้เห็นภาพ แพทย์รักษาคนไข้ ภาพรอยยิ้มของคนไข้ พ่อแม่คนไข้กล่าวขอบคุณ เป็นภาพที่ประทับใจผมมาก
ผมอยากช่วยคน
เรา 2คนเดินทางมาใกล้ถึงที่หมายแรกแล้ว ผมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ มันบอกเวลา 19.10 ตามท้องถนนเต็มไปด้วยรถยนต์หลากหลายยี่ห้อ บ้างจากยุโรป บ้างจาก เอเชีย คนในรถยนต์ ทุกคนต่างเร่งรีบที่จะไปยังจุดหมายที่ตัวเองตั้งไว้ เราก็เช่นเดียวกัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนจุดหมายของเราจะถูกขวางกั้นไว้ด้วยยานพาหนะหลากชนิดบนท้องถนน ผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย นอกจากเสียงเครื่องยนต์ของรถภายนอกที่ส่งเสียงเหมือนฝูงชนที่เอ็ดตะโรส่งเสียงเชียร์กีฬาฟุตบอลโลก ผมเปิดวิทยุเพื่อกลบเสียงนั้น ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปคลื่นไหนช่วงนี้ก็ยังมีข่าวภาคค่ำประกาศอยู่ทุกคลื่น ในหัวข้อข่าวนั้น มีแต่ ข่าวการเมือง ข่าวเงินบาทอ่อนตัว ข่าวเผาโรงเรียนและฆ่าครูในภาคใต้ ข่าวข่มขืนแล้วฆ่า ฆ่าแล้วข่มขืน ฆ่าเพราะรัก ฆ่าเพราะเกลียด
12 ขวบ ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ทำความดี ไม่ว่าจะเป็นการให้เงินขอทานตามสะพานลอย ให้เงินตามกล่องทำบุญ ช่วยเพื่อนทำงานส่ง ช่วยจูงมือคนตาบอดข้ามถนน ความฝันในการเป็นหมอของผมผันแปรเป็น นักทำหนังสารคดี ที่ตีแผ่ความจริงของปัญหาในสังคม
จับครูอุดร ขายยา ผมปิดวิทยุทันที เสียงเอ็ดตะโรกลับมาดังชัดเจนอย่างเก่า อาวิชัยเหลือบมามองหน้าผม และเบนสายตากลับไปที่ถนน ด้วยมาดนิ่งเช่นเคย
เดี๋ยวพ้นแยกนี้ไปเลี้ยวขวา แล้วตรงไปสุดซอย อาวิชัยเอ่ยปากในเชิงสั่ง โดยสายตายังคงมองตรงไปสู่ถนนเบื้องหน้า
อาวิชัยเป็นคนน่าเกรงขามอย่างนี้เป็นปกติอยู่แล้ว ในช่วงเวลาที่ผมอยู่กับพ่อ ผมแทบจะนับจำนวนครั้งที่ผมพูดกับอาวิชัยได้อย่างสบายๆ ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้ มีเหตุจำเป็น ผมคงไม่ได้มาอยู่บนรถ2ต่อ 2 กับอาวิชัยอย่างนี้หรอก
หลังจากพ้นสี่แยกนั้นไป ผมเลี้ยวขวาตามสั่ง และมุ่งตรงไปยังจุดหมายทันที ใจผมเต้นระทึก พอมาถึงสุดซอย อาสั่งให้หยุดรถ และจอดรออยู่ตรงข้ามกับร้านบะหมี่ ที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
จอดรออาอยู่ตรงนี้นะ อาสั่งพร้อมลุกตัวออกจากรถ ไปตามตรอกซอยเล็กๆอย่างคล่องแคล่ว พร้อมหิ้วกระเป๋าเป้สีดำของอาไปด้วย
เมื่อล่วงเลยเข้าสู่ชั้น ม.ปลาย ผมเข้าไปช่วยเพื่อนที่กำลังถูกรังแก พวกนั้นเป็นเด็กรุ่นพี่แก่กว่าผมสัก 2-3ปีได้ มีกันประมาณ 4 คน จิตใจตอนนั้นของผมพลุกพล่านไปด้วยโทสะร้อนแรง ผมมักทนไม่ได้ที่เห็นคนถูกรังแก อาจเป็นเพราะ พ่อผมมักเปิดหนังแอ็คชั่นให้ผมดูเป็นประจำ โดยเรื่องราวส่วนใหญ่ในหนัง จะเป็นเรื่องของความดี-ความชั่ว และผมอยู่ข้างความดี
แต่ครั้งนั้น ความดีแพ้
ระหว่างนั่งรออา ในรถยนต์สุดเก่า ผมเหลือบสายตาไปปะทะกับภาพของหญิงชรากับเด็กที่อยู่ในวัยประมาณ 11-12 นั่งอยู่ข้างกองขยะ เห็นชายท่าทางวิกลจริตในชุดทหารเดินผ่านหญิงชรากับเด็ก ไปทางชายวัยกลางคนที่ยืนควงคู่อย่างใกล้ชิดกับหญิงสาวคราวลูกในชุดนักศึกษา มือของชายกลางคนลูบไล้ไปตามเรือนร่างของหญิงสาวแทบทั่วร่าง ชายคนนั้นยังเดินผ่านเลยไปถึงกลุ่มพระภิกษุสงฆ์ ที่เดินเลือกโทรศัพท์มือถืออยู่ตามแผงลอยหน้า เซเว่น-อีเลฟเว่น ชายในชุดทหารยังคงเดินต่อไป สายตาของคนแถวนั้นไม่ได้จับจ้องสนใจในชายผู้นั้นเลยแม้สักคน พวกเขาเหล่านั้นอาจจะเห็นภาพนี้จนชินชาอยู่ทุกวัน
ตอนนี้ผมเรียนมหาวิทยาลัยมาได้ 3ปีแล้ว ผมเลือกเข้าเรียนทางด้าน บริหารธุรกิจ ตามคำแนะนำของพ่อและอา ทัศนคติชีวิตของผมตอนนี้เปลี่ยนไป ผมคิดว่าในอนาคตคนเราจะมีอำนาจได้เพราะ เงิน และอำนาจจะเป็นสิ่งผลักดันให้ผมทำลายความชั่วและสร้างความดีได้ ผมอยากเป็นนักธุรกิจพันล้าน และผมจะเป็นคนดีเพื่อช่วยเหลือคนที่ยากไร้ แต่ก่อนอื่น ผมต้องรวยก่อน
ผมต้องรวยก่อน
อาวิชัยเดินก้าวออกมาจากตรอกซอยเล็กๆ พร้อมหิ้วกระเป๋าใบเดิม แต่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมหลายเท่านัก อาเดินก้าวขึ้นรถ ผมเหลือบมองหาชายชุดทหารเพื่อมองหาเป็นครั้งสุดท้าย แต่ไม่พบ ที่ยังเห็นอยู่ก็เป็น คู่เด็ก-หญิงชราข้างกองขยะ ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวคราวลูกเดินแนบกันก้าวขึ้นรถยนต์ bmw รุ่นใหม่ล่าสุด พระสงฆ์ ยืนปรึกษากับเพื่อนสงฆ์ เรื่องโทรศัพท์มือถือ ภาพชีวิตผู้คนยังเคลื่อนไหว ไม่หยุดนิ่ง
ทุกคนยังใช้ชีวิตต่อไป
ผมออกรถไปยังจุดหมายที่ 2 โดยทิ้งภาพผู้คนเหล่านั้นไว้เบื้องหลัง อาวิชัยหันมาพูดกับผม ครั้งนี้ได้มาเยอะนะ พร้อมเปิดกระเป๋าให้ผมดู
อาวิชัยยิ้ม ผมยิ้มตาม
จากคุณ :
โกษม
- [
11 เม.ย. 50 20:13:21
A:124.120.89.61 X:
]