1 อาทิตย์หลังจากนั้นที่บ้านของหนิงเต็มไปด้วยผู้คน แม่ที่เลี้ยงดูเธอมาหลังจากพ่อเสียชีวิตไปตั้งแต่เด็ก ๆ พี่ชาย 2 คนของหนิงที่อยู่ต่างอำเภอ ก็มาด้วย ทุกคนได้รับโทรศัพท์จากสามีของหนิงว่า หนิงเปลี่ยนไป ซึมเฉย ไม่พูด ลางานไม่มีกำหนดทั้ง ๆ ที่หนิงไม่เคยลามาตลอดระยะเวลาการทำงาน ไม่กิน และกลางคืนก็นอนเฉยไม่หลับ วัน ๆ เอาแต่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างหน้าต่าง มองออกไปไม่มีจุดหมาย
หนิงรู้ว่าทุกคนคงเป็นห่วงเธอมากโดยเฉพาะแม่ที่เลี้ยงเธอมา ตอนนี้แม่อายุมากแล้วยังเป็นโรคหัวใจอีกด้วย หากเธอบอกแม่ว่าเธอเป็นมะเร็ง แม่คงจะแย่กว่าเธอแน่ ๆ แล้วพี่ชายทั้ง 2 ของเธออีก ถึงจะอยู่ไกลกันแต่แม่ก็เลี้ยงเรามาและสอนให้รักกัน ถ้าพี่ชายรู้ แม่คงรู้เรื่องด้วยแน่ ๆ หนิงจึงยังไม่ได้บอกใคร และเมื่อทุกคนถามหนิงจึงบอกว่ารู้สึกเบื่อ ๆ เลยอยากอยู่เฉย ๆ พี่ชายของหนิงเฝ้าถามแต่ว่าเธอ ตั้งท้องหรือเปล่า แถมยังเอาไปแซวสามีของเธออีกว่าแต่งงานมาตั้งนานแล้วกลับไม่มีน้ำยา เธอได้แต่ยิ้มรับไป ในใจอยากจะบอกเหลือเกินว่าคงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว
หนิงตัดสินใจบอกสามีหลังจากนั้นเพราะเขาเองก็สังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเธอ เธอปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์กับเขาอย่างสิ้นเชิง เธอพูดลิ้นคับปาก มีแผลในปากและน้ำลายไหลตลอดเวลา มีกลิ่นปากแรงมากจนเหมือนกลิ่นอะไรเน่า เธอผอมลงอย่างรวดเร็ว เธอดูเหนื่อยง่าย ๆ ทั้งที่เดินแค่ไม่กี่ก้าว เธอไปโรงพยาบาลบ่อยครั้ง และทุกครั้งที่กลับมาเธอจะเพลียมากคลื่นไส้อาเจียนตลอดเวลา และบางครั้งก็มีท้องเสียรุนแรง และในเวลาไม่นานเขาก็เห็นผมเธอร่วงจนหน้าตกใจ วันที่เธอตัดสินใจบอกเขาคือวันที่เธอจะต้องไปนอนโรงพยาบาลหลายวันเพื่อเตรียมให้ยาเคโมชุดใหม่ซึ่งต้องดูแลใกล้ชิด และยาก็อันตรายมากต้องให้ญาติมาลงลายมือชื่อยินยอม เธอจึงตัดสินใจบอกเขาเพื่อให้เขาไป ร.พ. พร้อมเธอ เมื่อเขาฟังเธอเล่าจบลงและบอกเหตุผลที่เธอต้องบอกเขาในวันนี้ สามีของหนิงนั่งนิ่งไม่พูดอะไร ตาของเขาแดงกร่ำทั้ง 2 ข้าง เขาถามหนิงแค่ว่า รู้นานแล้วใช่ไหม ตั้งแต่วันนั้นหรือเปล่า หนิงสบตาแล้วทำได้แค่พยักหน้า แล้วทั้ง 2 ก็พากันเดินมาที่รถเพื่อมา ร.พ. มาร.พ. คราวนี้หนิงได้นั่งสบายกว่าทุกครั้ง สามีของหนิงเป็นคนดำเนินเรื่องทุกอย่างให้เธอ เธอบอกเขาว่า ไม่ต้องอยู่ ร.พ.เป็นเพื่อนหรอกเพราะที่นี่เธอรูจักเพื่อนร่วมโรคหลายคน และพยาบาลที่ดูแลส่วนใหญ่ก็คุ้นเคยกันดีอยู่ ก่อนเดินออกไปจากห้องที่เธอนอนอยู่ สามีของหนิงหันมามองแล้วถามเธอว่า ทำไมถึงไม่บอก เราไม่ได้เป็นผัวเมียกันเหรอ แล้วเขาก็เดินออกไปหนิงได้แต่มองตามแผ่นหลังของเขาที่ค่อย ๆ เคลื่อนไกลออกไป วันนั้นหนิงไม่รู้เลยว่า นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เจอเขา
เกือบหนึ่งอาทิตย์ ที่หนิงนอนอยู่ ร.พ. ไม่มีใครมาเยี่ยมหนิงเลย อาจมีคนรู้จักมาเจอและทักเธอบ้างแต่เธอก็ไม่ได้บอกอะไรใครไป พยาบาลหลายคนมาถามเธอว่าจะให้โทรตามญาติไหมเพราะเห็นว่าหนิงไม่มีโทรศัพท์มือถือและยังไม่มีใครมาเฝ้า เพื่อนที่เป็นโรคเดียวกับเธอบางคนก็มองด้วยความเห็นใจและบางคนก็มองด้วยความอยากรู้
ในวันหนึ่งหรับยาตามเวลาแล้ว หนิงรู้สึกเพลียมากและปวดแผลมากกว่าทุกครั้งที่เคยปวด เพราะในขณะนี้แผลมะเร็งที่ปากของเธอได้แตกแล้ว มันเป็นที่ริมฝีปากด้านขวา มีเนื้อ
งอกย้อยลงมากว่า 10 ซม. เกือบถึงหน้าอก มีน้ำเหลืองไหลซึมตลอดเวลา และที่สำคัญมันมีกลิ่นเหม็นมากขนาดคนที่นอนเตียงข้างเธอยังเบ้หน้าทุกครั้งที่ได้กลิ่น และคนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ทำสีหน้าประหลาดที่ได้กลิ่นเมื่อเดินผ่านเตียงเธอไป วันนี้เธอจึงตัดสินใจขอยาแก้ปวดชนิดแรงที่สุด ที่พยาบาลบอกว่าถ้าเธอปวดจนทนไม่ไหวให้บอกเพราะหมอได้สั่งยาไว้ให้แล้วในกรณีที่เธอปวดมากเพื่อบรรเทาอาการ เพียงแต่ยาตัวนี้จะทำให้ง่วงนอนมากเท่านั้น หลังฉีดยา หนิงนอนอยู่ที่เตียงแล้วหลับไป
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว หนิงลืมตาขึ้นมาพบว่ามีหญิงชราที่คุ้นเคยดีนั่งอยู่ข้าง ๆ เตียง หญิงคนนั้นใช้พัดอันเล็ก ๆ พัดตามตัวให้เธอ ลูบศีรษะเธอ เมื่อเธอลืมตาและบอกเธอว่า หลับซะลูก แม่จะนั่งพัดแมลงให้ หนิงจับมือที่ลูบหัวอยู่มาวางไว้ที่หน้าอก ไม่ว่าจะเป็นเพราะฤทธิ์ของยา หรือเป็นเพราะไม่มีแมลงมาตอมแผลให้รำคาญ แต่หนิงก็หลับไปได้อีกครั้งด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ที่ไม่มีใครเห็นมานานนับเดือน
หนิงลืมตาตื่นมาอีกครั้ง แม่ยังนั่งอยู่ที่เดิม มือหนึ่งยังคงพัดแมลงให้เธอด้วยพัดอันเดิม และอีกมือหนึ่งยังอยู่ในมือของเธอที่หน้าอก แม่คงจะเมื่อยมากเหมือนกันเพราะเธอดูนาฬิกาที่อยู่ที่เสาข้าง ๆ แล้ว มันผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมง
ไม่ต้องเล่าอะไรหรอกแม่รู้แล้ว แม่บอกหนิงเมื่อหนิงกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรออกมา หนิงลุกขึ้นนั่งกอดแม่แล้วร้องไห้เสียงดังอย่างไม่อายใคร พยาบาลหลายคนมองตามเสียงแล้วก็ตาแดงเพราะพวกเขารู้ดีว่าหนิงไม่ได้บอกญาติคนไหนเลย คนไข้คนอื่น บางคนมองแล้วก็ร้องไห้ตาม บางคนก็มองผ่านเลยไป เย็นนั้นหลังจากกินข้าวแล้ว หนิงทำแผลตามปกติแต่วันนี้มีแม่มองอยู่ไม่ห่างนัก หนิงรู้สึกว่าความเจ็บลดลงจนแทบไม่มี หลังทำแผลเสร็จหนิงลงไปนอนที่เสื่อกับแม่ เพราะบนเตียงห้ามคนนอนเกิน 2 คนเป็นกฏของ ร.พ. ซึ่งหนิงเข้าใจดีเพราะอย่างน้อยเตียงนี้ก็ยังจะได้ใช้ไปได้นาน ๆ หนิงถามแม่ว่า แม่รู้ได้อย่างไร แม่บอกว่ามีคนเห็นหนิงที่นี่แล้วไปถามแม่ว่าเป็นอะไร แม่ตกใจมากที่รู้ว่าหนิงอยู่ ร.พ. จึงโทรไปถามสามีของหนิง เขาจึงเล่าให้ฟัง แล้วบอกขอโทษแม่และฝากมาบอกหนิงว่าเขาขอเลิกเธอ ขณะที่แม่เล่าสีหน้าของแม่ดูเป็นกังวล คงกลัวว่าหนิงจะเสียใจ แต่หนิงอยากจะบอกแม่ว่าเปล่าเลย เธอไม่ได้รู้สึกเสียใจแค่สงสัยว่าเขาขอเลิกกับเธอเพราะอะไรแค่นั้น โชคดีที่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส จึงไม่เป็นปัญหาทางกฎหมาย อีกสิ่งหนึ่งที่เธอสงสัย ทำไมคนที่เธอกังวลและเห็นว่าอ่อนแอที่สุดกลับอยู่ข้างเธออย่างสงบ คอยปลอบโยน และดูเข้มแข็งเป็นที่พึ่งพิงให้เธอเหมือนเมื่อครั้งเธอยังเป็นเด็ก
จากคุณ :
ภูผา-น่านฟ้า
- [
วันมหาสงกรานต์ (13) 00:51:50
]