เขียนเล่นๆ
24 เมษายน 2550
อุตนิยมวิทยาประกาศว่าวันนี้น่าจะเป็นวันที่ร้อนที่สุด แต่ฉันว่าเมื่อวานสาหัสกว่านะ วันนี้เขียนเรื่องอะไรดี เขียนเรื่องความทรงจำที่ไม่ยอมจากไปดีกว่า
นับเป็นเวลากว่าปีครึ่งที่ยังไม่ยอมลืม แต่ถ้าพิศดูให้ดีแล้วจะเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ บางทีเรื่องที่เรารู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีประโยชน์ที่จะคิดหรือจำก็ยากที่จะลืมเลือนได้เช่นกัน เผอิญฉันไม่ใช่คนที่เลือกจำเฉพาะในส่วนที่ดีได้อย่างเดียว ดูทุกอย่างมันจะติดมาด้วยกันเหมือนของแถมที่เราไม่ได้อยากได้แต่เค้าก็ยัดเยียดแล้วเพิ่มราคาให้เราต้องจ่าย
แต่ก็นะ บางทีเราก็เลือกให้สิ่งรอบตัวเป็นแบบที่เราอยากได้ไม่ได้ทั้งหมด กลับมาเรื่องเดิมดีกว่า ที่สุดฉันเลยเลือกที่จะลืมมันทุกอย่าง ปล่อยให้อดีตเป็นภาพของทีวีขาวดำที่มัวๆ ไปอย่างนั้นเอง การที่คนเราพยายามศึกษาหรือเรียนรู้จากอดีตก็เป็นแนวความคิดที่ฉันไม่ถกเถียง แต่เอาแ่ค่เฉพาะหลักการรวมๆ มาจะดีกว่า ไม่งั้นฉันต้องบ้าตายแน่ๆ
สำหรับเรื่องความรักนั้น ฉันก็ไม่เคยเข็ดกับมันซักที วันนั้นได้ดูรายการ the Bachelorette in Paris รายการที่ให้ผู้ชายหนึ่งคนค่อยๆ เลือกคัดผู้หญิง 25 คน ออกจากรายการอาทิตย์ละคน แล้วสุดท้ายที่เหลืออยู่อาจเป็นรักแท้ที่รอคอย ไม่น่าเวิร์คได้เลยรายการแบบนี้
แต่เค้าก็จัดฉากจนฉันออกจะคล้อยตามได้เหมือนกัน ฉันติดตามมาหลายอาทิตย์แล้ว แล้วเมื่อวันก่อนก็เหลือกันอยู่สองสาว สาวสวยกับสาวใส ตั้งแต่เริ่มรายการฉันก็นึกว่าตาบ้านั่นน่าจะเลือกสาวสวยที่ดูมีอะไรน่า้ค้นหา มีเสน่ห์สุดๆ ส่วนอีกคนออกจะดูทะลุปรุโปร่ง เรียบๆ แต่ฉันชอบสาวใสมากกว่าเพราะว่าดูจริงใจ เข้าถึง และเรียบง่ายในความสัมพันธ์ดี
นั่งลุ้นตลอดทั้งรายการเพราะว่าเป็นห่วงสาวใสที่ต้องถูกหักอกตอนจบ แต่ปรากฎว่าตาบ้านั่นออกจะตาถึงในความรู้สึกของฉันเพราะว่าตัดสินใจเด็ดขาดที่จะเลือกสาวใส เหตุผลที่น่าประทับใจก็คือ ผมมองเห็นอนาคตกับคุณอย่างชัดเจน ทุกครั้งที่ผมไม่สบายใจหรือสับสนคุณเป็นคนที่ผมหันหน้าไปหาได้เสมอ ทำให้รู้สึกสบายใจเหมือนได้อยู่บ้าน ให้ตายสิ!!! ตาบ้านี่พูดได้ถูกใจสวยมากๆ งานนี้
แต่อีกมุมที่น่าสนใจก็คือแ่ม่สาวสวยรวยเสน่ห์อีกคนมากกว่า เธอเข้าร่วมรายการนี้ด้วยความไม่ใส่ใจในเป้าหมายหลักสักเท่าไหร่ นั่นก็คือการครองใจตาบ้าที่ว่าันั่นเอง เธอเข้าร่วมรายการก็เพียงเพื่อจะหาประสบการณ์สนุกๆ เท่านั้น แต่ดูเธอจะมั่นไ่ม่หยอกและไ่ม่ยอมคนเอาจริงๆ จังๆ ซะด้วย สุดท้ายเธอก็ทะเลาะกับสาวๆ เกือบจะทั้งกลุ่ม แต่เธอก็เป็นคนที่เค้าเลือกไว้ทุกครั้ง ยกเว้นครั้งสุดท้ายเท่านั้น
เธอได้พูดอะไรหลายอย่างหลังการถูกปฎิเสธ แล้วมันก็ทำให้ฉันสนใจ ประเด็นก็คือ เธอพูดว่าการที่เราเปิดใจลองเรียนรู้ใครสักคน และปล่อยให้เค้าคนนั้นเข้ามา (สร้างความคาดหวัง สร้างภาพหลอนของอนาคตในหัวเราอย่างสวยงามไร้ที่ติ และจบลงด้วยบทสรุปที่ว่าถ้าขาดเค้าคนนั้นต่อไปที่เหลือคงไม่มีความหมายอะไร) นั่นมันบ้าชัดๆ แต่ฉันก็ได้ประสบพบเจอมากะตัวเองอย่างจั๋งหนับ ไม่น่าเชื่อว่าคนเราจะเป็นไปได้ขนาดนั้นแต่ก็ต้องเชื่อซะแล้ว
กลับมาที่สาวสวย เธอยังพูดต่อไปอีกว่าที่ฉันคิดมาทั้งหมดมันผิดถนัด มันทำให้ฉันดูโง่อย่างที่สุด ช่างหัวมันประไรกับคำว่าศักดิ์ศรีแต่หัวใจของฉันสิที่มันแทบจะสลายลงไปตรงนี้ ใจฉันสิที่มันรับไม่ไหวแล้ว เธอยังคงคร่ำครวญต่อไปอย่างน่าสมเพช
ใช่ฉันก็เคยเป็น เฮ้อ มันเป็นขบวนการทำลายหัวใจตัวเองชัดๆ แต่อย่างว่าแหละนะ ความรักมันต้องเกิดจากความลงตัวในความรู้สึกของคนตั้งสองคน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเกิดมหัศจรรย์กับใครสักคนได้ กี่ครั้งกี่หนที่เราต้องเจอ ทน และผ่านโศกนาฎกรรมของความรักไปให้ได้ ตราบใดที่เรายังอยากจะสัมผัสกับมหัศจรรย์แห่งรัก แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของชีวิตคู่ที่คละเคล้าไปด้วยสารพัดเรื่องราว ที่ต้องเจอ ต้องทน และยังคงต้องผ่านไปให้ได้ยิ่งกว่ามหัศจรรย์แห่งรักเสียอีก เพราะแบบนี้นี่เองมั้งที่ความรักต้องมีบททดสอบที่ยาก เพราะชีวิตหลังจากนั้นนับว่ายากกว่าร้อยเท่าพันเท่า
นี่แค่มุมมองเฉพาะความรัก ความอยากในจิตใจของเราเท่านั้น แต่ถ้าตั้งคำถามต่อไปอีกว่า ทำไมเราต้องเดินบนเ้ส้นทางนี้ด้วย อะไรกันที่ขีดให้เราต้องเดินแบบนี้ เราอาจจะเรียกมันว่าสัญชาติญาน เหมือนกับสัตว์ที่เป็นผู้ล่าและที่เป็นเหยื่อในห่วงโซ่อาหาร ไม่มีโรงเรียนไหน หรือใครต้องไปบอกให้มันทำอะไร แต่ด้วยสัญชาติญานดิบก็ำทำให้พวกมันทำหน้าที่ของมันรุ่นต่อรุ่นไปเรื่อยๆ
นั่นสิ แล้วอะไรที่ทำให้เราต้องรัก อกหัก แต่งงาน มีลูก ใช่มันอาจเป็นหน้าที่โดยธรรมชาติ แล้วอะไรที่ขีดเส้นความสำเร็จในชีวิตรักหรือชีวิตคู่ว่าต้องรักเดียวใจเดียว หรืออะไรต่อมิอะไร
มีผู้หญิงเก่งคนหนึ่งเคยพูดกับฉันว่าเธอเคยอ่านหนังสือพบว่าคนเราเป็นเหมือนเครื่องบันทึก เราถูกใส่ข้อมูลอยู่อย่างต่อเนื่องนั่นทำให้เราเบียงเบนไปตามแนวโน้มที่ว่า ลองว่าใครสักคนที่ไ่ม่เคยถูกปลูกฝังเรื่องรักเดียวใจเดียว หรือความถูกผิด เค้าคนนั้นคงไม่รู้สึกแปลกประหลาดอะไรกับการที่ผู้ชายมีผู้หญิงได้หลายคน
แต่สิ่งที่ฉันได้ฟังจากผู้หญิงเก่งคนนั้นไม่ได้จบแค่นี้ เพราะเธอชอบศึกษาอะไรลึกๆ เธอพูดต่อไปอีกว่าเราคือเครื่องบันทึกข้ามเวลา ดังนั้นถ้าอยากจะรู้อะไรให้นั่งพิศเอาในตัวเราเพราะว่าคำตอบอยู่ในนั้น ฉันคงได้แค่ฟังในสิ่งที่เธอพูด แต่จะให้ตีความหรืออธิบายต่อคงจะไม่ได้ เพราะนั่นคือหนึ่งสมมุิติฐานของผู้แต่ง และความเืชื่อของเธอ ที่ฉันก็พิสูจน์ไม่ได้เช่นกัน
จากคุณ :
จิ้งจกน้อย
- [
24 เม.ย. 50 20:28:42
A:58.64.79.177 X:
]