Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    นกกระจาบแห่งสุวรรณภูมิ วรรค ๔ -:- นกโง่ ลิงโง่ และคนโง่ -:- [นิทานชาดกยุคไซเบอร์]

    นิทานเหล่านี้เป็นเรื่องสมมุติแต่งขึ้นมั้ง  อาจจะเกี่ยวข้องกับบุคคล  สมาคม  หรือรัฐบาลใด ๆ  หากชื่อของตัวละครหรือสถานที่  จงใจไปพ้องกับผู้ใดผู้หนึ่ง  หรือสถานที่ใดที่หนึ่ง  ผู้เขียนก็ขอเผ่นไปจากที่นี้



    วรรค ๑  พระราชบัญญัติค้าปลีกค้าส่ง
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5293048/W5293048.html

    วรรค ๒  พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5340760/W5340760.html

    วรรค ๓  ฮวงจุ้ยต่ออายุ
    http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W5343795/W5343795.html

    ~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~~:~



    ~:~ นกโง่  ลิงโง่  และคนโง่ ~:~



    กลางดึกนั้น  พ่อนกนอนไม่หลับ  กระสับกระส่ายพลิกตัวไปมาเพราะมีเรื่องรบกวน  ลูกนกซึ่งสังเกตอาการบิดามาตั้งแต่เย็นจึงลืมตาขึ้นแล้วเอ่ยถาม

    “พ่อจ๋า  พ่อเป็นอะไรหรือจ๊ะ”

    “พ่อมิใคร่สบายใจเลย”  พ่อนกกระซิบแผ่วเบาในความมืด

    “ไม่สบายใจเรื่องอะไรจ๊ะ  เรื่องผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นจะกลับมามีอำนาจอีกใช่หรือเปล่า”

    “มิใช่ดอกลูกรัก  ถึงเขาจะรีเทิร์นออร์นอตก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับเราหรอก  แต่ที่พ่อเป็นกังวลคือเรื่องที่พวกพ้องของเราแยกตัวไปเมื่อบ่าย  พวกเขายังไม่ละทิ้งนิสัยเก่า  คงเที่ยวก่อความรำคาญให้พวกมนุษย์  และไม่ช้าไม่นานก็คงจะนำมาพินาศมาสู่หมู่เราทั้งหมด”

    “พินาศเจียวหรือพ่อ!”  ลูกนกอุทานอย่างตกใจ  เสียงของเขาปลุกนกกระจาบรังใกล้ ๆ ตื่น  เมื่อพวกมันรู้ว่าสองพ่อลูกกำลังคุยกัน  ก็สะกิดรังถัดไปเรื่อย ๆ ให้มาล้อมวงฟังเรื่องน่าสนใจ

    “ลูกเอ๋ย  คำพังเพยของมนุษย์กล่าวไว้ว่า  ตีงูอย่าตีเพียงหลังหัก  เพราะงูเป็นสัตว์ที่ผูกใจเจ็บ  มักย้อนมาทำร้ายในภายหลัง  แต่ในบรรดาสัตว์ทั้งหลายแล้ว  ต้องถือว่ามนุษย์อาฆาตแรงที่สุด  แม้เราจักลักเมล็ดข้าวสุกของพวกเขาเมล็ดเดียว  ไฟแค้นของพวกเขาก็คงพอที่จะเผารังล้างเผ่าพงศ์วงนกกระจาบให้สิ้นไปจากสุวรรณภูมิ”
    ลูกนกอึ้งไปพักใหญ่  แล้วจึงออกปากตำหนิพวกนกคะนองที่ไม่ยอมเชื่อฟังพ่อนกกระจาบ

    “ทำไมพวกเขาช่างโง่เขลาเช่นนี้  ถึงกับนำความพินาศมาสู่ที่พำนักแลเผ่าพันธุ์ของเรา”

    “มิใช่มีแต่นกกระจาบเท่านั้นหรอกนะลูก  ในครั้งอดีตก็เคยมีผู้ที่ใช้ความโง่เขลาแก้ไขปัญหา  กระทั่งนำความพินาศมาถึงทรัพย์สิน  หรือแม้กระทั่งชีวิตของตนเอง”

    ลูกนกอ้อนวอนพ่อนกให้เล่าเรื่องในอดีตชาติให้ฟัง  พ่อนกขัดลูกไม่ได้จึงต้องสาธกนิทานที่เขาอ้างว่าเป็นเรื่องจริงขึ้นมา





    ครั้งนั้น  พระเจ้าเห็บที่หนึ่งครองกรุงสารขัณฑ์  พระองค์เกิดนึกอยากประพาสป่าเสียดื้อ ๆ  จึงตามตัวราชบุรุษผู้รับใช้ใกล้ชิดพากันลอบหนีสายตาเสนาอำมาตย์ไปตามลำพังสองคน

    ป่าใกล้ ๆ นั้นมีนามว่าป่าเขายายเที่ยง  อันอุดมไปด้วยธรรมชาติอันงดงามพร้อมสรรพสัตว์น้อยใหญ่  พระราชาและคนสนิทเดินทางมาได้สักพัก  ก็ทอดพระเนตรเห็นสิ่งมหัศจรรย์ชนิดหนึ่ง

    มันคือรูปสลักศิลาวานรสองรูป  อันจัดตั้งอยู่บนคาคบไม้ไม่สูงนัก  รูปหนึ่งเป็นศิลาหินอ่อนสีขาว  รูปหนึ่งเป็นศิลานิลสีดำ  ทั้งสองรูปทำท่วงทีคล้ายดั่งกำลังช่วงชิงผลไม้ศิลาสีแดงสดสามลูกอยู่

    “ชอบกลจริงเชียว  รูปที่งดงามเหล่านี้ไฉนมาปรากฏอยู่ในป่าทึบ”

    พระเจ้าเห็บรำพึงขณะยืนจ้องลิงหินทั้งสองอยู่  ราชบุรุษเห็นดังนั้นจึงกล่าวขึ้นบ้าง

    “นั่นน่ะซี  เมื่อแรกที่ระหม่อมเห็นก็นึกว่าเป็นลิงจริง ๆ เสียอีก”

    พระราชาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็โบ้ยไปทางคาคบไม้

    “เจ้าปีนขึ้นไปเอารูปสลักเหล่านั้นลงมาซิ”

    ราชบุรุษยิ้มแหย ๆ แต่มิอาจขัดพระราชโองการ  จึงจำต้องปีนขึ้นไปข้างบน  ในใจคิดว่า  ถ้ามันหนักจนยกไม่ไหวจริง ๆ อย่างน้อยผู้เป็นนายก็คงประจักษ์ในความพยายามของเขาแล้ว

    ทว่าเมื่อเขาขึ้นไปยกมันดูจริง ๆ ก็พบว่าเบากว่าที่คิด  คล้ายดั่งรูปเหล่านี้เป็นเพียงหินกลวง  ศิลาวานรชิงผลไม้จึงถูกนำมาวางไว้บนพื้นโดยสวัสดิภาพ

    ทันใดนั้น  เสียงแหลมเล็กสองเสียงก็ดังขึ้นจากรูปสลักหิน

    “ท่านผู้ผ่านมา”

    “โปรดช่วยข้าด้วย”

    “อย่าไปช่วยมันนะ  ช่วยข้าดีกว่า”

    ราชบุรุษสะดุ้งถอยจากก้อนศิลาลึกลับด้วยความตกใจ  แต่พระราชาเพียงเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเท่านั้น

    “พวกเจ้าจะให้ข้าช่วยอะไร”

    “ข้าอยากได้ผลไม้สามลูกนั้น”

    “เจ้าไม่มีสิทธิ์  มันเป็นของข้า”  อีกเสียงขู่ฟ่อ

    “แต่เดิมมันเป็นของข้ามาก่อน  อ้ายโจรหน้าด้านอย่างเจ้าแย่งข้ามาต่างหากล่ะ”

    พระเจ้าเห็บกอดอกนิ่ง  เขาว่าจะรอให้ลิงหินสองตัวนี้เถียงกันจบเสียก่อน  แต่ดูท่าว่าคงจะอีกนาน

    “พวกเจ้าทุ่มเถียงกันเสร็จหรือยัง  ถ้ายังไม่รู้จักสงบกันบ้างข้าจะทิ้งพวกเจ้าไว้ที่นี่”

    ฟังดังนั้น  เสียงแรกจึงร้องโหยหวน  “โอ..  เจ้านาย  อย่าทิ้งข้าไป  ข้าทนทรมานมานานแล้วอยากเป็นอิสระเสียที”

    “ใช่ ๆ  ท่านช่วยข้าทีเถิด”

    “แล้วจะให้ข้าช่วยยังไง  พวกเจ้าบอกวิธีมาทีซิ”  พระราชาตรัสถาม

    “ท่านเพียงแต่ตัดสินว่า  ผลไม้สามลูกนี้ควรจะเป็นของใคร  ระหว่างข้าวานรขาว  กับมันวานรดำ”

    สมมุติเทพแห่งสารขัณฑ์ฟังแล้วก็ดำริว่าเรื่องนี้จะต้องมีต้นเหตุลึกลับซับซ้อนไม่ใช่เล่น  จึงตรัสถามถึงต้นตอของเรื่องราวอีกคราให้ลิงหินทั้งสองบอกเล่ามาให้ละเอียด







    กาลครั้งนั้น  บนยอดเขายายเที่ยงมีฤษีผู้ทรงฤทธิ์พำนักอยู่  ฤษีผู้นี้ลงมาจากยอดเขาทุก ๆ ครึ่งเดือนเมื่อมาดื่มน้ำยังบ่อน้ำพุรูปพระแม่ธรณีบิดมวยหน้าที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์

    สมัยนั้น  มีวานรอยู่สองตัว  ตัวหนึ่งกายขาว  ตัวหนึ่งกายดำ  และวันนั้นวานรกายดำหาผลไม้มาได้สามลูก  จึงเอาไปแขวนไว้บนกิ่งไม้สูง  ส่วนตัวเองลงไปดื่มน้ำที่บ่อน้ำพุ

    วานรกายขาวมาทีหลังเห็นผลไม้สามลูกแดงเปล่งปลั่งน่ากิน  จึงประกาศหาตัวเจ้าของอยู่สามครั้ง  ปรากฏว่าไม่มีผู้ใดแสดงตนเป็นเจ้าของ  มันจึงคว้าเอาไปจากที่ที่แขวนอยู่แล้วไต่ลงไปยังบ่อน้ำพุมั่ง

    อ้ายลิงดำวักน้ำดื่มเล่นเพลิน ๆ ก็เห็นเงาสะท้อนแดง ๆ ในน้ำ  มันเงยหน้าดูก็เห็นลิงขาวถือผลไม้ของมันอยู่อีกฟากของลำธาร  อารามพิโรธ  มันใช้วิชาตัวเบาเหินข้ามบ่อน้ำพุเข้าไปหมายจะช่วงชิงของของมันคืนมา

    ลิงขาวสัมผัสรังสีอำมหิตได้  จึงโคจรพลังปราณระฆังทองคุ้มครองกาย  หลบรอดจากกรงเล็บจ้าวอินทรีของลิงดำหวุดหวิด  ครั้นลิงดำจู่โจมไม่สำเร็จ  จึงหันมาขู่ฟ่อขนชี้ชันใส่อีกฝ่าย

    “อ้ายโจรถ่อย  เองเอาผลไม้ของข้ามาทำไมหวา”

    “เฮ่ย..”  ลิงขาวร้อง  “อ้ายขี้ตู่  ข้าหาผลไม้พวงนี้ได้โดยชอบ  เจ้าจะมาอ้างสิทธิเหนือผลไม้ทั้งสามได้อย่างไร”

    “โดยชอบบ้านพ่อของเจ้าสิ  ก็ข้าแขวนทิ้งไว้บนต้นไม้ก่อนลงไปกินน้ำชัด ๆ  เจ้าไปหยิบมาโดยที่ข้าไม่อนุญาตก็เท่ากับขโมยนั่นแหละ”

    “อย่ามามั่วนิ่ม  ข้าประกาศหาเจ้าของตั้งสามครั้งแล้ว  แต่ไม่มีใครหน้าไหนออกมารับ  ข้าก็เก็บไว้เองสิ”

    “หนอย!   อ้ายนี่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา  ย้าก..!!  เตรียมรับกระบวนท่า”

    ลิงดำจู่โจมด้วยท่ารุ้งขาวทะลุตะวัน  เจ้าลิงขาวเจอแรงกระแทกกระเด็นตกลงไปในน้ำ  ลิงดำกัดไม่ปล่อยตามไปซ้ำด้วยหมัดเจ็ดดาวเหนือ  ดีที่ลิงขาวหลบด้วยท่าเท้าเก้าปราสาททัน

    สองกบิลฟัดกันกลางน้ำอยู่ครู่ใหญ่  จนบ่อน้ำพุขุ่นคลั่ก  ฤษีซึ่งลงมาถึงพอดีเห็นดังนั้นก็เกิดความโกรธที่ดิรัจฉานทั้งสองมาทำลายแอ่งน้ำให้ดื่มมิได้  จึงชี้ไม้เท้าสาปวานรทั้งสองที่ยื้อแย่งผลไม้กัน

    “อ้ายลิงมักมากทั้งสอง  ถ้าพวกเจ้ายังตกลงกันมิได้ว่าผู้ใดจะเป็นเจ้าของผลไม้นี้ไซร้  ก็จงอย่าคลายจากคำสาปผนึกศิลาเลย”

    สิ้นคำแช่งของมหาฤษี  วานรดำวานรขาวก็กลายเป็นศิลาสองก้อนทันที  






    “เรื่องก็เป็นดังนี้ล่ะเจ้านาย  โปรดช่วยตัดสินทีว่าผลไม้ควรจะเป็นของใคร”

    “พวกข้าทุ่มเถียงกันมาเป็นพัน ๆ ปีแล้วก็ยังหาข้อสรุปมิได้เลย”

    พระราชาครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก็ตรัสว่า

    “ตอนนี้ข้ายังคิดไม่ออก  แต่ถ้าพวกเจ้ายอมเข้าไปในเมืองกับข้าแล้วข้าก็คงจะคิดออกเอง”

    วานรทั้งสองส่งเสียงร้องด้วยความดีใจที่มีหนทางแก้ปัญหาแล้ว  จึงตกปากรับคำยอมให้ราชบุรุษยกพวกมันเข้าไปในเมือง






    ครั้นพระเจ้าเห็บนิวัติคืนกรุงสารขัณฑ์     ก็มีรับสั่งให้ต่อกรงแข็งแรงกรงหนึ่งแล้วเอารูปศิลาหินไว้ภายใน  ตัวพระองค์เองมายืนเบื้องหน้ากรงนั้นแล้วกล่าวคำตัดสิน

    “ข้าขอใช้สิทธิที่พวกเจ้ามอบให้ตัดสินข้อพิพาทพันปีของพวกเจ้า  พวกเจ้ายินดีหรือไม่”

    ทั้งคู่รีบตอบว่ายินดีรับคำตัดสิน

    “เนื่องด้วยข้อพิพาทของพวกเจ้ามีเหตุจากผลไม้  ดังนั้นข้าจะริบผลไม้นั้นไว้  เพื่อให้เป็นที่สงบระงับต่อทั้งสองฝ่าย”

    สิ้นคำกล่าว  คำสาปผนึกศิลาก็คลาย  ผลไม้สามลูกกระเด็นไปอยู่ในมือของพระเจ้าเห็บด้วยฤทธิ์บางส่วนที่ยังหลงเหลือของฤษีแห่งเขายายเที่ยง

    วานรกายขาว  วานรกายดำซึ่งกลับมาเป็นลิงที่มีชีวิตก็กระโจนมาเกาะกรงแยกเขี้ยวแสยะหน้าขู่ให้พระเจ้าเห็บคืนผลไม้ของพวกมันมา  ทว่าพระองค์ยิ้มเย้ย  เด็ดผลไม้เข้าปากให้พวกมันดูต่อหน้า  แล้วจึงกล่าวเป็นคาถามีใจความว่า

    “บุรุษใดหวังพึ่งผู้อื่นในการแก้ปัญหาอันเป็นเรื่องราวส่วนตน
    บุรุษนั้นย่อมพบกับความฉิบหายในประโยชน์ที่พึงได้
    ย่อมสูญเสียในสิ่งที่ตนมีอยู่แล้ว
    เพราะความยุติธรรมนั้น
    ย่อมมิอาจหาได้จากผู้ซึ่งหวังผลประโยชน์จากความแตกแยก”


    จากนั้นจึงรับสั่งให้ราชบุรุษเอากรงลิงทั้งสองไปแห่งประจานรอบกรุงสารขัณฑ์






    พ่อนกกล่าวเสริมอีกว่า  “สถานการณ์ในจังหวัดสามชายแดนภาคใต้ของสยามประเทศในปัจจุบัน  ก็เปรียบเหมือนผลไม้สามลูกที่วานรสองตัวกำลังช่วงชิงกันอยู่  หากมีคนโง่เอาข้อพิพาทนี้เสนอเข้าองค์กรสหประชาชาติ  ผู้ซึ่งเปรียบเสมือนพระราชาฉ้อฉลในเรื่อง  ผลที่ได้คงไม่ผิดแผกอะไรไปจากวานรทั้งสอง

    “ลูกเอ๋ย  เจ้าก็เห็นแล้วใช่หรือไม่  ว่ายังมีพวกที่โง่เง่ากว่าพวกพ้องของเราอยู่อีก  ถึงพวกนกที่ไม่เชื่อฟังพ่อเหล่านั้น  จะทำให้รังของพวกเราเป็นอันตรายไปเสียสิ้น  แต่เราก็ยังคงมีปีกบินหนีไปสร้างรังที่อื่นได้ใหม่

    “ทว่าคนไทยในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้  ..เมื่อมาตุภูมิของเขาเป็นอื่นไปแล้ว  เขาจะย้ายหนีไปจากแผ่นดินเกิดได้เช่นเราน่ะรึ  หรือว่าจะต้องก้มหน้ารับสภาพของตนไปในดินแดนอันถูกปกครองโดยกองกำลังพิเศษ”



    สาธกนิทานจบลงพร้อมกับการเสียงทอดถอนใจของพ่อนก  ลูกนกและฝูงนกกระจาบฟังแล้วเกิดดวงตาเห็นธรรม  บรรลุไปตามแต่ระดับสติปัญญาของตน

    แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 50 00:43:09

    จากคุณ : Innocent&Pure - [ 26 เม.ย. 50 00:42:37 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom