ผมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ยามเช้า พลางยกกาแฟขึ้นจิบเป็นระยะ
ผมทำอย่างนี้มาเป็นเวลาสองปี ทุกวัน อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
แต่แล้วเช้าตรู่วันหนึ่ง ขณะที่ผมพินิจดูหน้าตัวเองในกระจกหลังแปรงฟัน พร้อมกับเผยอริมฝีปากให้แยกออกจากกัน
ทันใดนั้น!! ผมก็พบสิ่งที่ไม่คาดฝันมาก่อน
ฟันของผม! ใช่แล้วฟันของผม มันดูไม่เหมือนเมื่อก่อน สีของมันเปลี่ยนไปจนผมเองก็จำสภาพเดิมของมันไม่ได้
สีของมันเหลืองดุจดั่งทองที่ยังไม่ได้ขัด แซมด้วยลายเส้นสีน้ำตาลตามแนวดิ่ง บ้างตวัดโค้งเข้ากับร่องเหงือก จนกลายเป็นรวดลายอันวิจิตรอันหาผู้ใดหรือที่ใดเสมอเหมือนได้
โอ้ว มันช่างงดงามเริดล้ำอะไรเช่นนี้หนอ ผมคิด
หลังจากการค้นพบในวันนั้นชีวิตผมก็เปลี่ยนไป รอยยิ้มของผมกว้างใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อน และเกิดขึ้นบ่อยครั้งกว่าแต่เก่า ใช่แล้วครับ ผมต้องการนำเสนอผลงานชิ้นมาสเตอร์พีสอันเดียวในโลกที่ซ่อนอยู่ในริมฝีปากอันหนาหนักของผม
ผู้คนที่พูดคุยหรือยิ้มให้ น้อยนักที่จะไม่แสดงความตื่นเต้น ตื่นตา ตื่นใจ หรือหายใจแรงๆ เวลาที่สายตาของพวกเขาทะลวงเข้าสู่ผลงานบนฟันของผม
มันช่างสวยงาม เข้ารูป และพอดีอะไรเช่นนี้ ศิลปินชราคนหนึ่งกล่าว
ว๊าว ฉันไม่เคยเห็นอะไรงดงามอย่างนี้มาก่อนเลย หญิงสาวที่เผอิญสายตาปะทะกับซี่ฟันของผมร้องทัก
ผมภูมิใจอย่างที่สุด ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของผม ไม่เคยเลย ไม่เคยเลยจริงๆ ที่จะมีคนให้ความสนใจกับเลือนกายที่ไม่มีจุดเด่นของผม
แต่แล้ววันนี้อวัยวะที่ซ่อนหลบอยู่ภายในมันทำให้ผมกลายเป็นจุดสนใจของใครหลายคน แม้แต่กระเป๋ารถเมล์ที่พบเจอกันทุกวันที่ออกจากบ้าน
จนวันหนึ่ง การมาของหญิงที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน ได้นำความเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงมาสู่ชีวิตอันธรรมดาของผม
ฉันเป็นศิลปิน กำลังคิดทำงานศิลปะแนวทดลองที่แปลกใหม่ เธอแนะนำตัวสั้นๆ ให้ผมรู้จัก
และฉันก็เผอิญได้ข่าวจากเพื่อนที่เคยเห็นความสวยงามบนฝันสีเหลืองแซมด้วยลายเส้นสีน้ำตาลของคุณ เลยคิดว่ามันน่าจะมาประยุกต์ใช้กับงานของฉันได้
ฟันของผมเนี่ยนะ ผมคิด
เธอขอความกรุณาให้ผมยิ้มกว้างๆ เท่าที่จะทำได้ เพื่อที่เธอจะได้พินิจซี่ฟันของผมให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
มันเยี่ยมยอดที่สุด เธออุทาน พร้อมกับหยิบกล้องถ่ายรูปออกมาจากกระเป๋าสะพายข้าง
ขอฉันถ่ายเก็บไว้ ได้ไหมค่ะ
ตามสบาย ผมตอบ และยิ้มโชว์ผลงานเช่นเดิม
เลนส์ขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายกระบอกข้าวหลาม ค่อยเคลื่อนเข้ามาใกล้รอยยิ้มและซี่ฟันของผม พร้อมเสียงกดชัตเตอร์ครั้งแล้วครั้งเล่า
ขอบคุณค่ะ บางทีเราอาจมาร่วมทำงานกันได้ เธอกล่าวหลังเสียงกดชัตเตอร์เงียบสงบลง พร้อมทั้งยื่นนามบัตรให้ผม
รมณี สว่างรัตติกาล ศิลปินอิสระ
ภายในห้องโถงขนาดใหญ่สีขาวนวลคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุงดูท่านประธานกล่าวเปิดงานศิลปะเดี่ยวครั้งที่สามของศิลปินนามว่า รมณี สว่างรัตติกาล
...ผมขอเปิดงานแสดงศิลปะ ลวดลายในช่องปาก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกๆ ท่านจะมีความสุขกับผลงานที่พบถือว่าเป็นการเปิดมิติใหม่ให้กับวงการศิลปะร่วมสมัย เสียงคำกล่าวของท่านประธานอันยืดยาวจบลงพร้อมกับเสียงปรบมืออันประปราย
ผนังทั้งสี่ทิศของห้องจัดแสดงงานล้วนเต็มไปด้วยภาพถ่ายซี่ฟันของชายคนหนึ่ง อันเต็มไปด้วยมุมมองที่หลากหลาย ทั้งฟันกลามด้านขวา ฟันเขี้ยวด้านซ้าย ฟันคุดด้านบนขวา ฟันหน้าทั้งบนและล่าง ฟันบดล่างซ่าย ฯลฯ อันเต็มไปด้วยลวดลายสีเหลืองสลับน้ำตาลที่คดโค้งไร้ระเบียบ แต่นั่นมิใช่จุดศูนย์กลางของงาน
กล่องกระจกใสขนาดใหญ่ที่เจาะรูให้อากาศเข้าด้านบนถูกวางไว้กึ่งกลางของห้องโถงสีขาวอันเต็มไปด้วยรูปซี่ฟัน หัวและแขนของชายคนหนึ่งโพล่พ้นโต๊ะที่ถูกคลุมไว้ออกมาให้เห็น ทางด้านขวาของเขามีแก้วกาแฟวางอยู่
ชายคนนั้นคือ ผม ใช่แล้ว!! ผมนั่นเอง หน้าที่ของผมคือการกินกาแฟและยิ้มสวยๆ ให้กับผู้ชมงาน อวดรวดลายสีน้ำตาลอันฟังแน่นบนผิวฟันสีเหลือง รวมถึงคราบของกาแฟที่ไหลไปมาตามจังหวะของการยิ้มและกลืนน้ำลาย
รมณีพูดกับผมก่อนหน้านี้ว่า มาร่วมงานกับฉันนะค่ะ แล้วเราจะนำเสนอสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วยกัน เธออ้อนวอนผมครั้งแล้วครั้งเล่า จนผมเริ่มใจอ่อน และเลิกคิดกับการต้องมานั่งยิ้มให้คนอื่นดูในตู้กระจก
เอาละเป็นไงเป็นกัน คือสิ่งที่ผมคิดก่อนจะตกลงทำงานกับเธอ
หลังจากนั้นไม่นาน ศิลปะของคราบฟันและการไหลของกาแฟตามซอกฟัน ของผมก็ได้มีชื่อเสียงล่องลอยไปไกล ตามการไหลของคำบอกต่อ จากปากสู่ปาก และจากปากสู่หลายปาก รวมถึงเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ก้องกังวาลในแวดวงศิลปะตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา
งานที่เกิดขึ้นจากช่องปากของผมกลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากมาย นักวิจารณ์ศิลปะชื่อดังแห่งยุค อย่าง ดร.อรุณ เหลี่ยมเหลือง ยังได้ให้เกียรติมาชมผลงานชิ้นนี้กับตัวเอง พร้อมกล่าววลี ไม่มีอีกแล้ว ซ้ำวนไปวนมา ผมก็บอกไม่ได้ว่าแกหมายถึงอะไรกันแน่
บางทีนักวิจารณ์ชราวัย 60 กว่าผู้นี้อาจเข้าถึงสัจธรรมอะไรบางอย่างก็ได้ รมณีกล่าวกับผม
แต่บางทีเขาอาจเพ้อๆ ก็ได้นะ ผมกล่าวตอบ
ไม่ใช่แค่ ดร.อรุณ คนเดียวที่มาดูงานชินนี้ นักวิจารณ์ศิลปะชื่อก้องอย่าง พิวาด เป็นหนึ่ง ก็ยังเดินทางมาดูงานแสดงนี้พร้อมกับผมทรงโมฮ๊อกของเขาด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีโสราช ใจเสือ นักวิจารณ์รุ่นใหม่ที่กำลังมาแรงในแวดวงศิลปะร่วมสมัยของโลก อันมาพร้อมกับผิวสีแทนอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา
ไม่นานหลังการมาของพวกเขา บทวิจารณ์จำนวนมากจากฝีมือของทั้งสองได้ถูกตีพิมพ์ลงในหน้าหนังสือพิมพ์ นิตยสารศิลปะทั้งภาษาไทย อังกฤษ และยังถูกแปลเป็นภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี จีนกลาง ตากาล๊อก และเวียดนาม
สารัตถะอันลื่นไหลของตัวตนได้ถูกสะท้อนออกมาผ่านคราบกาแฟและน้ำกาแฟที่อยู่ในช่องปาก ส่วนหนึ่งในคำวิจารณ์ของพิวาด
แน่นอน เราไม่อาจบอกได้ว่าอย่างเต็มปากว่านี่คือ ศิลปะ แต่เราก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่ามัน ไม่ใช่ศิลปะ แล้วคำถามว่ามันคืออะไรก็เกิดขึ้น สิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ศิลปะต้องการบอกอะไรบางอย่างแก่ผู้ชม โสราขเขียนไว้ในส่วนท้ายคำวิจารณ์ของเขา
ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาพูดกันหรอกว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่ที่พอรับรู้ได้คืองานที่ผมเป็นตัวแสดงหลักชิ้นนี้ได้แพร่เข้าสู่โสตประสาทการรับรู้ของวงการศิลปะอย่างถ้วนทั่ว
แน่นอน!! งานชิ้นนี้กลายเป็นผลงานที่มีชื่อเสียงในแวดวงศิลปะโดยทั่วไป แต่ถึงอย่างไรนั่นก็ไม่ใช่ชื่อเสียงของผม มันเป็นชื่อเสียงของตัวงานและศิลปินที่สร้างมันขึ้นมา ส่วนไอ้ที่ประกอบในตัวงาน ไม่มีคนสนใจหรอกว่ามันเป็นใคร หรือมันเป็นอะไร และมาจากไหน
ฟันซี่นี้ท่านได้แต่ใดมา คำถามพวกนี้คงไม่มีคนถามผมแน่ๆ ทุกคนมุ่งไปที่ศิลปินคนที่สร้าง ดัดแปรง และแสดงมันออกมาในท้ายที่สุด
เช้าวันนี้ผมนั่งจิบกาแฟอย่างเช่นเคย ก่อนที่ตอนบ่ายแก่ๆ จะไปให้หมอขัดฟันของผมให้ขาวสะอาดหมดจด
ฉันอยากให้คุณมาร่วมงานกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เราจะสร้างสิ่งที่เกิดจากน้ำชาชินนามอนกัน
รมณีโทรศัพท์สายตรงมาหาผมจากสตอกโฮห์ม -เมืองที่เธอเดินทางไปแสดงงาน (อีกแล้ว) - เมื่อคืนก่อน
จากคุณ :
Anthro Man
- [
4 พ.ค. 50 10:48:55
]