หลังงานศพหนิงต้องกลับมาที่ ร.พ. ต่อ เพื่อมาให้ยาฆ่าเชื้อ จริง ๆ แล้วระหว่างงานศพของแม่ หนิงก็ยังอยู่ที่ ร.พ. มีแต่ช่วงกลางคืนเท่านั้น ที่พี่ชายจะมารับหนิงไปที่วัดแล้วมาส่งที่ร.พ.ทุกคืน หนิงและพี่ชายตัดสินใจยังไม่เผาศพของแม่ เพราะหนิงขอว่าให้รอไว้ก่อน เพราะอีกไม่นานหนิงก็คงจะได้ไปอยู่กับแม่ หนิงอยากให้เผาพร้อมกัน พี่ชายทั้ง 2 คนตามใจหนิงถึงแม้จะเศร้าเสียใจสักเท่าไรแต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นความจริงที่หนิงจะต้องจากไปในเร็ววันนี้ นอกจากนี้หนิงยังตัดสินใจขายบ้านและที่ดินที่หนิงและสามีเคยอยู่ด้วยกัน หนิงฝากพี่ชายไปให้เขาครึ่งหนึ่ง ส่วนที่หนิงรับมาหนิงแบ่งไปทำบุญ ฝากพี่ชายไว้เผื่อทำงานศพของหนิงและแม่ เก็บไว้ใช้ส่วนตัวระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่
หนิงยังคงมีอาการเจ็บปวดทุกครั้งที่ทำแผล แต่มีป้าพยาบาลอายุมาก ๆ คนหนึ่งที่เคยมาทำแผลให้หนิง สอนให้หนิงกำหนดลมหายใจเข้า ออก เอาหนังสือธรรมะมาให้หนิงอ่านและบอกหนิงว่า เราคงหนีเขาไปไม่ได้ เป็นแล้วก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนกัน อยู่ที่เราทำยังงัยจะอยู่กับเพื่อนอย่างทรมานน้อยที่สุด หนิงไม่รู้หรอกว่าการกำหนดลมหายใจเข้าออกจะทำให้หนิงหายปวดได้อย่างไร แต่อย่างน้อยหนิงก็รู้สึกว่าตัวเองขอยาแก้ปวดน้อยลง ไม่เคยขอยาฉีดอีกเลย ยาแก้ปวดแบบธรรมดาเช่น พาราเซตามอล หนิงกินแล้วก็รู้สึกว่าดีขึ้น ในบางครั้งที่หนิงปวดมากจนทนแทบไม่ไหว หนิงจะบอกกับเจ้ามะเร็งในตัวเองว่า วันนี้ปวดมากแล้วนะ ห้ามมาแกล้งกัน มันทรมานรู้ไหม ใคร ๆ ก็ขำที่หนิงทำอย่างนั้น ตัวหนิงเองบางทียังหัวเราะคนเดียวเลย แต่แปลกเหมือนกัน เพราะหนิงรู้สึกว่า มะเร็งคงเอ็นดูหนิงที่หนิงเป็นคนไข้ที่ดี ก็เลยทำให้หนิงหายปวดไปซะอย่างนั้น ถึงวันนี้หนิงไม่ต้องกินยาแก้ปวดแรง ๆ เช่นมอร์ฟีนอีกแล้ว มันก็เลยทำให้หนิงสดชื่น ไม่ง่วงซึม หนิงช่วยพี่พยาบาลพับก็อซ พับผ้าเช็ดมือ และช่วยทำงานเล็ก ๆ น้อยที่ หนิงทำได้ พี่พยาบาลยังให้หนิงเขียนบันทึก อยากเขียนอะไรก็เขียน หนิงมานึกดู หนิงเองเรียนมาก็น้อย โรคที่หนิงเป็น อาการที่เกิดกับหนิงก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง มีแต่เหตุการณ์ที่เกิดจากตัวเราเองทำให้เกิดทุกข์นี่หล่ะที่สัมผัสได้เอง หนิงจึงเขียนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับหนิง อย่างน้อยก็มีอะไรเอาไว้ให้คนที่ยังอยู่ได้อ่านเพื่อเตือนใจบ้าง ได้ทำ ได้บอกรัก กับคนที่คุณรักก่อนที่จะตายจากกัน ไม่ต้องมาเสียใจเหมือนหนิง
ตอนที่แม่ตายใหม่ ๆ หนิงเฝ้าโทษตัวเองว่าเป็นคนทำให้แม่ตาย แต่พี่ชายของหนิงทั้ง 2 คนก็ให้อภัยบอกว่าไม่ใช่เป็นเพราะแม่เป็นโรคหัวใจ หนิงยิ่งรู้สึกแย่มากไปกว่าเดิม หนิงร้องไห้เป็นวัน ๆ สงสัยว่าหนิงคงร้องมากจนเขารำคาญ พี่พยาบาลคนที่พาหนิงไปหาแม่ เลยเดินมาถามหนิง ว่าร้องทำไม ที่ผ่านมายังเศร้าไม่พออีกเหรอ ทำไมไม่เลือกจำแต่เรื่องดี ๆ ถ้าร้องมากน้ำตาเข้าแผล ต้องทำแผลจะคิดเงิน หนิงเลยขำหัวเราะทั้งน้ำตา ก็แหม อยู่มาจะ 2 เดือนไม่เคยต้องเสียเงินวันนี้สงสัยคงรำคาญมากเลยคิดเงินค่ารำคาญ
หลังจากที่เริ่มเขียนบันทึกไม่กี่วันหนิงรู้สึกว่ามีคนแปลกหน้ามามองหนิงมากขึ้น บางทีพี่พยาบาลที่หนิงไม่เคยเจอเอาหนังสือมาให้มีทั้งหนังสือธรรมะ การ์ตูน นิยาย อ้อ ศาลาคนเศร้า ยังมีเลย บางทีก็มีญาติคนไข้มาคุยด้วย บางทีก็ให้หนิงลงไปคุยกับคนไข้ชั้นอื่น ส่วนใหญ่ก็คนไข้มะเร็งเป็นหลักบางคนบอกว่าพอเห็นแผลของหนิงแล้วรู้เลยว่าของตัวเองเล็กมาก แอบดีใจจริง ๆ ที่ทำให้คนรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรมากเพราะจะทำให้เขามีกำลังใจที่จะได้อยู่ได้ทำเพื่อคนที่ตัวเองรัก ถ้าหนิงไม่เหนื่อยมากก็ลงไปได้ แต่บางทีที่เหนื่อยมากต้องให้ออกซิเจนพี่พยาบาลก็ไม่ให้หนิงลงไป หนิงมารู้ทีหลังว่าบันทึกที่หนิงเขียนไว้นั้น พี่เขาเอาไปโพสต์ไว้ในเวปไซด์ของโรงพยาบาล แล้วก็มีคนปรินท์เอาไปแปะไว้ที่บอร์ด ตอนนี้เลยมีแต่คนแซวว่าหนิงเป็นนักเขียนใหญ่แล้ว แถมพี่ชายของหนิงมาเห็นเข้ามาเล่าให้ฟัง แล้วก็นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ข้างเตียงไม่รู้ใกล้บ้าหรือเปล่ายิ่งร้อน ๆ อยู่ แต่หนิงก็ยังไม่มีโอกาสได้ลงไปดูสักที
ช่วงนี้หนิงเหนื่อยมากขึ้นต้องให้ออกซิเจนทางจมูกแทบทั้งวัน กินก็ไม่ค่อยได้ อาเจียนมากต้องให้แต่น้ำเกลือ นอนแต่บนเตียงหนังสือยังไม่มีแรงถือที่จะอ่านเลย หนิงไม่รู้ว่าพรุ่งนี้หนิงจะได้เขียนบันทึกหรือเปล่าด้วยซ้ำ เพราะช่วงนี้หนิงก็ถือปากกาไม้ไหวแล้ว มือสั่นตลอดเลย แต่ว่าเดี๋ยวหนิงดีขึ้นคราวนี้จะเขียนให้พี่พยาบาลคู่อริของหนิงอ่านจนมึนไปเลย
หนึ่ง. เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงของหนิง ห้อง 510 แผนก หู คอ จมูก
สอง. หนิงเสียชีวิตแล้วโดยสงบ ในบันทึกหน้าหลัง ๆ หนิงเขียนไว้ว่า ให้สวดแค่คืนเดียว แล้วเผาเลยจะได้ไม่สิ้นเปลือง หรือเอาไว้เผาพร้อมแม่ก็ได้
สาม. หนิงมอบบันทึกไว้ให้เผื่อมีคนที่จะสามารถใช้เตือนใจได้ และหนิงเขียนไว้ว่าอยากบริจาคร่างกายแต่หนิงก็กลัวจะลำบากคนอื่น กลัวเขาจะเหม็น
จากคุณ :
ภูผา-น่านฟ้า
- [
6 พ.ค. 50 02:22:02
]