Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เรื่องตลกของโชคชะตา ตอนที่ 29

    ตอนที่ 29 : ขนมเค้กของนางเอก

    การไปบ้านนางเอกครั้งนี้ สรุปแล้วคือไม่มีอะไรมากไปกว่าคุณลูกชายพาคุณแม่ไปเที่ยวต่างจังหวัด แต่สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นคือมิตรภาพระหว่าง “สองบ้าน” ที่ดูเหมือนน้องกลางกับคุณพ่อของนางเอกจะสนิทสนมกันจนออกนอกหน้า และสองคุณนายก็แลกเปลี่ยนตำราอาหารกันอย่างเมามัน ซึ่งต่างก็หมายมั่นปั้นมือว่าจะไปเยือนกันในสักวันหนึ่ง โดยเฉพาะคุณนายสุวเนตร ดูจะร่ำร้องอยากไปเที่ยวสงขลาเป็นพิเศษ ก็สาวอีสานขนานแท้ ที่เคยไปไกลสุดแค่สะหวันนะเขต มีหรือจะไม่อยากลิ้มชิมรสน้ำทะเล... อ่ะ จะว่าคุณนายสุวเนตรบ้านนอก, แต่คุณนายดารณี ก็ไม่เคยเห็นกระดูกไดโนเสาร์แบบชิดเชื้อเหมือนกันแหละน่า... ส่วนน้องเล็กนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะกลายเป็นขวัญใจแม่ค้าแม่ขายไปแล้ว โหงวเฮ้งหนุ่มน้อยคนนี้มักจะได้ดีที่ “ตลาด” เสมอ เพราะครั้งแรกที่แมวมองจ้องจับไปเป็นดาราก็เจอหน้ากันที่ซุปเปอร์มาเก็ตใจกลางสุขุมวิทนั่นเลยเองแหละ  ส่วนณนนท์น่ะหรือ?

    “ผมแค่อยากมาดูให้เห็นกับตาว่าภูเขามันอยู่ด้านไหน” ถึงแม้คำตอบของณนนท์ จะไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระหว่างเขากับเธอ แต่เฌลลีกลับรู้สึกปลื้มใจกว่านั้น เพราะณนนท์ไม่ใช่คนที่จะไปไหนๆ บ่อยนัก และการที่เขาไปเที่ยวบ้านเธอครั้งนี้ เป็นความทรงจำที่ดีก่อนที่เฌลลีจะไม่อยู่เมืองไทยอีกนาน

    กลับถึงกรุงเทพฯ แล้วคุณนายดารณีก็ต่อเครื่องกลับสงขลาเพราะอีกไม่กี่วันจะเปิดเทอม และคนที่ไปส่งขึ้นเครื่องก็คือเฌลลี เพราะมีเธอคนเดียวที่ว่างงาน ขณะเดินทางไปสนามบิน ว่าที่แม่สามีก็เอ่ยประโยคสนทนาฆ่าเวลาขณะรถติด

    “ขอบใจนะลูก”

    “คะ...” เฌลลีงุนงง กับประโยคเปิดประเด็นของคุณนายดารณี

    “ขอบใจที่รักลูกชายของแม่” ถ้าไม่เพราะรถติด เฌลลีคงเหยียบเบรกหัวทิ่มไปแล้ว

    “อ่า... หนูก็ต้องขอบพระคุณคุณแม่เหมือนกันค่ะ ที่มีลูกชายน่ารักทั้งสามคน” ประโยคถูกเบรกไว้แค่นั้น ถึงแม้จะคันปากอยากพูดต่อว่า นอกจากจะน่ารักแล้วยังน่าเตะอีกด้วย

    “ณนนท์เหมือนพ่อ ความรู้สึกของเขาไม่มีใครรู้นอกจากตัวเขาเอง แม้แต่แม่ และกว่าที่แม่กับพ่อของ ณนนท์จะรู้ว่าแท้ๆ แล้วเรารักกันแค่ไหน ก็ต้องใช้เวลาเรียนรู้กันไม่น้อยเลยทีเดียว” พูดแบบนี้ เหมือนจะบอกกลายๆ ว่า ‘สู้ตายนะมุซาชิ’ ยังไงยังงั้น

    “สำหรับหนู เท่านี้ก็พอแล้วค่ะ ณนนท์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตหนู หนูไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะให้เขารัก แต่เกิดมาเพื่อที่จะรักเขา” โหว แป้นศรี ไม่รู้ว่าคิดประโยคนี้ออกได้ยังไง แต่ แฮ่ม... มันก็เข้าท่าดีเหมือนกันแฮะ   และทั้งหมดจากใจของเฌลลี สรุปได้แค่ประโยคนี้ประโยคเดียว

    “แม่คงดีใจมาก ถ้าลูกชายแม่เลือกหนู” ดูเหมือนเฌลลีจะฝ่าด่านสิบแปดอรหันต์มาจนถึงด่านสุดท้ายแล้ว แต่ก็นั่นแหละ เรื่องของหัวใจ มีแต่เจ้าของหัวใจเท่านั้นที่จะตัดสิน

    และหลังจากที่คุณนายดารณีขึ้นเครื่อง คนที่คุ้นตาที่ตอนนี้เฌลลีเรียกเขาว่า “คุณชายบังเอิญ” ก็เดินมาทักทันทีเช่นกัน

    “หวัดดีเชลซี ไม่เจอหน้าคุณหลายเดือน นึกว่าจะสวยขึ้น ทำไมดำลง”

    “เมื่อไหร่คุณจะเรียกชื่อฉันถูกซะที ตั้งใจเรียกผิดๆ หรือเปล่าเนี่ย”

    “เยส ถูกต้องแล้วมัสเซล, ว่าแต่คุณมาส่งใคร คุณป้าคนเมื่อกี้ คุณแม่คุณเหรอ”

    “ว่าที่แม่สามีย่ะ”

    “โอ้ว ก้าวหน้าแฮะ”

    “อ๊ะ แน่นอนสิ, ว่าแต่ คุณมาทำอะไรอีกเนี่ยคุณจุ๋ม”

    “ทำงานสิครับคุณผู้หญิง คิดว่าผมคาบช้อนทองมาเกิดหรือไง ถึงจะได้ไม่ต้องทำมาหากินน่ะ คราวก่อนงานวิจัยผมมันแค่ครึ่งแรกเองนะ ว่าแต่คุณเถอะ ว่างงานหรือไง กรีดกรายรอบสนามบิน”

    “เก็บอาการหน่อยสิ เวลาคุณพูดคำว่ากรีดกราย คุณไม่ต้องแสดงออกทางสายตาและมือข้างซ้ายก็ไม่ต้องโบกในท่าจีบนิ้วเข้าหาอก แอ๊บแมน ยูโน๊ว...”

    “โอ เค รับทราบครับผม หาอะไรกินกันก่อนดีไหม หิวตาลายไปหมดแล้ว”

    “ค่ะ แล้วนี่จะกลับมาอยู่ที่นี่นานไหมคะ”

    “น่าจะนาน เพราะต้องกลับมาเลี้ยงหลาน”

    “หือ คุณมีหลานด้วยเหรอคะ ไม่ยักรู้”

    “เอ้า ก็ลูกสาวยัยแจนกับตาหนึ่งไง”

    “เค้ามีลูกเมื่อไหร่ ทำไมไม่เห็นณนนท์เล่าให้ฟังมั่งเลย”

    “ก็ ยังหรอกเค้าเพิ่งท้องได้สองเดือนน่ะ”

    “แล้วคุณรู้ได้ไงว่าเป็นลูกสาว เพิ่งจะท้องได้สองเดือน ไม่ค่อยเห่อเลยนะคะคุณลุง”

    “ป้าย่ะ” มิสเตอร์สมศักดิ์ จุ๋ม เอ็มมานูเอล ฮาร์น คูเปอร์ (Mr. Somsak J. Emanuel Harn Cooper) ไม่เหลือมาดแมนแสนล่ำเหมือนคราวที่เจอครั้งแรกอีกเลย

    “ฉันจะไม่อยู่เมืองไทยสักพักเหมือนกันค่ะ”

    “อ้าว จะไปไหนล่ะ”

    “ไปเรียนต่อน่ะ”

    “อุ้ยตาย อีกซีกโลกเลยนะ จะไหวเหรอ เกินสามร้อยกิโลเมตรนะจ๊ะยาหยี”

    “ถ้าย้ายประเทศเยอรมันมาวางข้างๆ สุพรรณบุรีได้ฉันก็คงทำไปแล้ว”

    “แล้วเขาว่ายังไง” มิสเตอร์จุ๋มหมายความถึงณนนท์

    “ไม่เห็นเขาว่ายังไงนี่ อ้อ ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ที่จันทบุรีแล้วนะ ฉันอยู่ที่บ้านณนนท์”

    “ฐานะอะไร”

    “เพื่อนสนิท อีกเดี๋ยวฉันก็จะบินแล้ว ก็แค่ไปอาศัยชั่วคราว ทำงานบ้านแลกกับที่ซุกหัวนอน”

    “คุณนี่มัน... ถ้าเป็นผมคงเปิดแน่บไปนานแล้ว” เขาไม่รู้ว่าคำบรรยายใดที่จะเหมาะสมกับเฌลลี

    “ใครๆ ก็ว่าอย่างนั้น แต่ ไม่รู้สิ อาจจะเพราะไม่มีใครทำให้ฉันรักได้เท่าเขาก็ได้มั้ง”

    “คุณไม่เปิดโอกาสให้ใครเลยต่างหาก”

    “เปิดสิ เปิดกว้างมาก แต่ไม่มีใครสนใจใยดี”

    “ถ้าผมชอบผู้หญิง คุณจะเป็นคนแรกที่ผมขอคบเป็นแฟน” เขาหมายความตามที่พูด

    “เป็นเกียรติอย่างสูง ว่าแต่ คุณจะให้ไปส่งที่ไหน ฉันขับรถมา และว่างงาน”

    “ร้านขนมเค้ก”

    “ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ซื้อเค้กส้มไปฝากณนนท์” แต่เอาเข้าจริง เฌลลีก็ไม่ได้ ‘ซื้อ’ อย่างที่ตั้งใจ เพราะ ‘น้องเค้ก’ ไม่อนุญาตให้เธอทำอย่างนั้น แต่น้องสาวของมิสเตอร์สมศักดิ์กลับจับเธอเข้าครัว และสอนวิธีทำขนมเค้กให้เฌลลี จนกระทั่งเธอมีผลงานเป็นของตัวเองหนึ่งชิ้นนั่นแหละ

    “พี่รู้แล้วว่าทำไมน้องเค้กถึงได้ชอบทำขนม มันน่าตื่นเต้นมากเลยทีเดียวตอนที่เราเอาเค้กเข้าเตาอบและรอคอย แล้วการได้แต่งหน้าเค้กเป็นศิลปะที่ต้องใช้ความละเมียดละไมมาก ยากมาก แต่ก็สนุกมาก”

    “ขอบคุณมากค่ะที่ชอบ แล้ววันหลังจะสอนทำเค้กช็อคโกแล็ต ส่วนปอนด์นี้ให้พี่แป้นเอาไปน้านนท์ แล้วอย่าเพิ่งบอกนะคะ ว่าทำเอง ให้เค้าชิมซะก่อน”

    “เพราะถ้าเขารู้ว่าพี่เป็นคนทำเขาก็จะบอกทันทีว่าไม่ได้เรื่อง ผู้ชายคนนี้มีความสามารถพิเศษด้านการทำลายน้ำใจสูงกว่าคนทั่วไปน่ะ” น้องเค้กกุมมือปลอบโยนและให้กำลังใจ

    เฌลลีกลับบ้านหลังเวลากินข้าว และนั่นทำให้ณนนท์หน้างอเป็นเบ็ดตกปลา

    “สุวรรณภูมิ อยู่ห่างจากสุขุมวิทไม่เกินสามสิบโล ไปกลับไม่ควรถึงสามชั่วโมงด้วยซ้ำ นี่เผื่อรถติดไว้ให้ด้วยแล้วนะ แต่คุณใช้เวลาเกินไปสี่ชั่วโมง”

    “แวะไปร้านน้องเค้กมา” เฌลลีวางกล่องเค้กส้มลงบนโต๊ะกินข้าว

    “อ้อ” ณนนท์จบไว้แค่นั้น

    “กินข้าวหรือยัง” เฌลลีถาม เพราะท่าทางณนนท์ตอนนี้เหมือนโมโหหิวมากกว่าอย่างอื่น

    “รอคุณ” แล้วเขาก็นั่งแหมะลง น้องกลางไม่กลับบ้านกลางสัปดาห์แบบนี้ และน้องเล็กกลับบ้านดึกเป็นปกติ ณนนท์จึงมักจะมาถึงก่อนใครเพื่อนเสมอ

    “รอฉันทำไม ตกลงกันแล้วนี่ว่าไม่ต้องรอกินข้าว และทุกทีก็ไม่เห็นเคยรอ”

    “วันนี้มีไข่ยัดไส้ ผมทำเอง”

    “นึกยังไง”

    “คุณชอบ” นั่นเป็นแค่เมนูที่เฌลลีอยากลองทำตามสูตรที่หมึกแดงออกทีวีต่างหาก แต่จริงๆ แล้วเธอเกลียดไข่ยัดไส้พอๆ กับที่เกลียดปลิงทะเลนั่นแหละ แต่ทำไงได้... ณนนท์ลงมือเข้าครัวทั้งที บางทีมันอาจจะอร่อยก็ได้

    ที่จริงแล้ว วันนี้ณนนท์กลับบ้านเร็วกว่าปกติเพราะอยากจะกลับมาสอนเธอทำไข่ยัดไส้นั่นแหละ ถ้าเฌลลีต้องไปอยู่ต่างประเทศแต่ทำกับข้าวไม่เป็นสักอย่าง เธออาจจะลำบาก ณนนท์คิดอย่างนั้น แต่พอกลับมาบ้าน ไอ้หน้าแป้นกลับไม่อยู่บ้าน แล้วยังมีหน้าเอาขนมเค้กมาฝากอีกแน่ะ

    “สองคนนั้นเป็นยังไงบ้าง”

    “แกเจอคุณพีระพงษ์ทุกวันนี่ ไม่ได้ถามหรอกเหรอ”

    “ผมถามถึงเมียไอ้หนึ่งมันน่ะ” หลังจากแต่งงานแล้วน้องเค้กก็ลาออกมาทำร้านขนมเต็มตัว ขณะที่สามียังทำงานอยู่ที่เดิม  

    “สบายดี” กับข้าวที่ณนนท์ทำไว้รอเธอ คือ ไข่ยัดไส้กับแกงจืดหน่อไม้ใส่กระดูกหมู นี่ต่างหากของโปรดเฌลลี และหลังจากวางช้อน ณนนท์ก็หันไปหากล่องเค้กทันใด

    “อื้มมมม ฝีมือไม่ตก” ทันทีที่คำแรกเข้าปาก ณนนท์ก็เอ่ยชม... เฌลลีอมยิ้ม

    “ยิ้มไรแป้น” เขามองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

    “เปล๊า....” แล้วณนนท์ก็ประมวลผลตามประสาอัจฉริยะระดับเทพของตัวเอง (เขาเชื่อว่าอย่างนั้น) ว่าเค้กปอนด์นี้ต้องเป็นฝีมือไอ้แป้นแหงๆ

    “อันที่จริงผมว่าลูกเกดน้อยไปหน่อย แล้วก็หวานไปนิดนึง แยมส้มปาดหน้าเยอะไปหน่อย”  

    “ความสามารถด้านการทำลายน้ำใจคนอื่นของแก ไม่เคยตกเลยจริงๆ” แล้วเฌลลีก็หนีเข้าห้อง ปิดประตูปัง

    ปากเสียนัก วันนี้ล้างจานไปคนเดียวเลย - -

    จากคุณ : ดาริกามณี - [ 8 พ.ค. 50 09:10:14 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom