ที่คั้นหนังสือตั๋วรถเมล์กับการเดินทางของชายชนชั้นล่าง
การเดินทางของชายหนุ่ม ที่ต้องพึ่งพาอาศัยรถเมล์เป็นยานพาหนะนำพาร่างและหัวใจของเขาไปณจุดหมายที่ใจปรารถนา และก็เหมือนทุกวันที่เขาต้องเลือกนั่งรถเมล์คันเดิม ณ ที่เดิม ไม่น่าแปลกที่กระเป๋ารถจะจำเข้าได้
สิ่งที่เขาทำได้ขณะนั่งรถเมล์ก็คืออ่านหนังสือและก็มีบ้างที่เขาจะพักสายตาหันไปมองดูรถของคนที่ตีตราเขาว่าเป็นชนชั้นล่าง ที่ๆเขานั่งประจำ เขารู้สึกสงสารกับที่นั่งตัวนี้ คงเป็นเพราะอายุการใช้งานของมัน ที่นับวันจะเริ่มอ่อนแอลงเหมือนกับใจของเขาในตอนนี้ แต่ที่สะดุดตากว่าความเก่าของเก้าอี้ เขาเหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่สอดอยู่ตรงขอบหน้าต่าง ที่ที่กั้นเขากับคนชั้นสูง กลางสี่แยก สี่แยกที่แยกเขากับใครคนนั้น ในเวลาที่รถติดบวกกับเสียงฝนที่โหยหวนปานจะกลืนกินคนบนโลกให้หมดไป เขาพยามหาอะไรต่อมิอะไรที่จะทำได้ในเวลานั้น เขาหยิบแผ่นกระดาษขึ้นมา มันก็เป็นแค่ตั๋วรถเมล์ธรรมดาใบหนึ่ง เพียงแต่เจ้าของจะจงใจเสียบมันเอาไว้ เขากับครุ่นคิดในการกระทำของคนที่จงใจเสียบมันไว้ ว่าเพื่ออะไร ซึ้งจากประสบการณ์ที่เขานั่งรถเมล์มามา
ไม่มีเหตุใดที่ต้องทำแบบนี้ เขาพลิกดูด้านหลังของตั๋วรถเมล์ มีข้อความในนั้นว่า ทำไมต้องทำแบบนี้ ซึ้งถ้าดูผิวเผลินแล้ว ก็เป็นเพียงข้อความที่เขียนขึ้นโดยดินสอกดธรรมดา ไม่ได้มีความหมายอะไรมากมาย แต่ในความคิดของเขา มันเป็นข้อความที่แสดงถึงความรู้สึกของคนที่กำลังเศร้า ไม่ได้เข้าต้องทำอะไรสักอย่างปานกับเป็นเดือดเป็นร้อนแทน แต่เขาก็ยังไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเจ้าของข้อความ เขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าข้อความนี้ ผู้หญิงหรือผู้ชายเป็นคนเขียน เขาใช้เวลาบนรถเมล์หมดไปกับการจ้องข้อความดังกับว่ามันมีตัวอักษรมากมายที่ให้เข้าอ่านได้ไม่มีหมด เมื่อใกล้ถึงปลายทาง เขาก็หยิบดินสอเปลี่ยนไส้ที่อยู่ภายในกระเป๋าเสื้อออกมา เขาเลือกไส้ที่แหลมที่สุดแล้วบรรจงเขียนข้อความบนตั๋วรถเมล์ที่เขาได้จากกระเป๋ารถเมล์ การกระทำบางอย่างก็เพื่อตอบสนองบางอย่าง อย่าคิดมากเลยครับ แล้วเขาก็สอดมันไว้ที่เดิม
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ในหัวของเขายังไม่หยุดคิดเรื่องข้อความบนตั๋วรถเมล์ จนเขาหลับไปโดยไม่รู้ตัว เช้านี้อากาศสดใสกว่าเมื่อวานเขาพร่ำคนเดียวเป็นประจำทุกเช้า เขาออกเดินทางไปยังที่ทำงาน โดยรถเมล์สายเดิมแต่ไม่ใช้คันเดิมมันทำให้เขาฉุดคิดถึงข้อความที่เขาพบเจอเมื่อวานนี้ และเขาก็ไม่แน่ใจกับข้อความที่เขาได้เขียนและสอดไว้ที่เดิม ว่ามันจะยังอยู่ที่เดิมไหม ถึงอยู่เขาก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าของข้อความนั้นจะได้เห็นหรือไม่ เขาได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามในสิ่งที่มันจะเป็น
ยามตะวันกำลังจะลับขอบฟ้ามันเป็นเวลาเดียวกันกับที่เขาต้องยืนรอรถเมล์ รถเมล์มาแล้ว เขาเห็น แต่ขาของเขากับยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ในใจเขาขอยืนอยู่ที่เดิมอีกสักพัก รถเมล์คันที่สองมา แต่เขาก็ยังไม่ขยับไปไหน คันที่สามวิ่งมาจอดที่หน้าของเขา ตำแหน่งที่เขายืน ไม่น่าจะมีรถเมล์ไหนจะมาจอดเพื่อให้ผู้โดยสารลง เพราะเขาจะชอบยืนเลยจากป้ายออกไปประมาณห้าเมตรเพื่อที่เขาจะได้วิ่งขึ้นรถ เขาคิดว่าถ้าเขาได้วิ่งขึ้นรถมันเป็นอะไรที่สร้างสีสันให้กับชีวิตของเขาไม่มากก็น้อย มันช่างบังเอิญจริงๆที่รถเมล์มาจอดตรงนี้ทำให้เขาเหลือบไปเห็นที่ที่เขาเคยนั่งประจำ แต่วันนี้มันไม่ว่างเหมือนทุกวัน ผู้หญิงผมยาวผิวขาวดัดฟันหน้าตาน่ารักแต่งตัวสะอาดจนเกินกว่าที่จะมานั่งรถเมล์ ดวงตาของเธอซึมเศร้า ดวงตาแดงเหมือนพึ่งผ่านการหลั่งของน้ำตามาหมาดๆ เขารีบวิ่งขึ้นก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ วันนี้คนน้อยกว่าปกติ คงเป็นเพราะรถเมล์คันนี้วิ่งตามคันข้างหน้าอย่างติดๆ ทำให้ผู้โดยสารอาศัยรถเมล์คันที่มาถึงก่อน เขามองหาที่ว่างที่ใกล้กับที่ที่เขานั่งประจำ เขาเลือกนั่งข้างหลังเธอและจ้องมองเธอจากทางด้านหลัง ผมยาวสำน้ำตาลอ่อนบดบังแผ่นหลังของเธอ เขามองไปที่ขอบหน้าต่างที่เขาได้พบข้อความ มันหายไปแล้ว เขาไม่แน่ใจว่ารถคันนี้เป็นคันเดิมกับคันที่เขานั่งเมื่อวานหรือเปล่า แต่เมื่อเขามองไปยังหมายเลขรถที่ติดอยู่เหนือคนขับ ทำให้เขาแน่ใจว่ารถคันนี้เป็นคันเดิมกับเมื่อวานแน่นอน แล้วตั๋วรถเมล์ที่เขาสอดไว้หายไปไหนหรือว่าคนทำความสะอาดรถเมล์จะเก็บไปทิ้ง หรือว่าปลิวไปกับสายลมในขณะที่รถกำลังวิ่ง นานาเหตุผลที่มันจะหาย ในขณะที่เขามองเธอจากทางด้านหลังเธอก็หยิบดินสอกดจากกระเป๋าสะพายข้างออกมา ดินสอที่เขาเคยเห็นบนห้างสรรพสินค้าที่คนชั้นสูงไว้เดินเล่นกัน ซึ้งราคาที่ติดไว้ทำให้เข้าต้องรีบยกท้าวออกจากสถานที่นั้นทันที ว่าแต่เธอหยิบมาทำอะไรเขาไม่อาจเห็นได้ เธอก้มหัวเหมือนกำลังอ่านอะไรสักอย่าง สักพักเธอก็ลุกขึ้นพร้อมเก็บดินสอที่เธอหยิบออกมาอย่างไม่กลัวว่าดินสอมันจะพัง แต่ก่อนที่เธอจะเอื้อมมือไปกดกริ่งเหมือนเธอจะนึกอะไรได้ เธอเอาตั๋วรถเมล์สอดไว้ที่เดิมกับที่ผมพบ รถจอดทั้งๆที่เธอยังไม่ได้กดกริ่ง เธอร้องบอกให้คนขับเปิดประตูให้ เพราะรถกำลังติดไฟแดงอยู่ที่สี่แยกพอดีพี่คนขับค่ะรบกวนเปิดประตูให้หน่อยค่ะ คนทั้งรถหันมายังที่กำเนิดเสียงนั้น ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยได้ยินเสียงใครที่น่ารักขนาดนี้มาก่อน ไม่แปลกเลยที่คนทั้งรถจะหันมามองเธอ คนขับรีบดึงคันยกเปิดประตูทันทีพร้อมตะโกนบอกเธอว่าระวังรถทางซ้ายด้วยน่ะจ๊ะ จนกระเป๋ารถต้องแซวว่าคำพูดนี้ฉันต้องเป็นคนพูดนะ และเธอก็เดินลงอย่างระมัดระวัง เขามองเธอตามหลังจนรถเคลื่อนตัวออกจาก ณ สี่แยกนั้น เหลือเพียงกลิ่นน้ำหอมลางๆหลังจากที่เธอเดินลง กลิ่นนั้นเขาเดาได้เลยว่าเป็นของเธอแน่นอน เพราะด้วยลมที่พัดมามีเธอคนเดียวที่ยืนอยู่ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกจากสี่แยกนั้นช้าๆ เขารีบลุกออกจากที่ที่เขานั่งไปยังที่ที่เธอคนนั้นนั่งเมื่อครู่นี้ เขาหยิบตั๋วรถเมล์ที่เธอได้สอดมันเอาไว้ออกมาพร้อมกับคลี่มันออก ขอบคุณนะค่ะ ฉันได้เห็นข้อความคุณแล้ว ขอบคุณที่เป็นห่วง ทุกอย่างหยุดไปชั่วขณะ แม้กระทั้งหัวใจของเข้ายังหยุดเต้น เสียงเข็มวินาทีของนาฬิกาจากข้อมือขวาของเขาดังขึ้นสามครั้ง เขาได้พบแล้ว เธอเจ้าของข้อความนั้น ทุกอย่างเหมือนความฝันไม่มีผิด แล้วเมื่อไรเขาถึงจะได้พบกับเธอคนนั้นอีก สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือการเขียนข้อความตอบกลับ คุณยังดูเศร้าอยู่เลย ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ ผมเอาใจช่วย และเขาก็ภาวนาให้พบกับเธอคนนั้นอีก
ทุกๆวันเขาจะเขียนข้อความและสอดไว้ตรงที่เดิม และทุกๆข้อความที่เขาได้เขียนก็จะอยู่ตำแหน่งเดิมตลอด ไม่มีข้อความตอบกับแม้แต่ข้อความเดียว และเธอคนนั้นเขาก็ไม่มีโอกาสได้พบอีกเลย เหตุการณ์ผ่านไปตามกาลเวลา ข้อความที่เขาได้เขียนเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า ก็กลายเป็นที่คั้นหนังสือ ทุกๆครั้งที่เขาพักสายตาจากตัวหนังสือที่เขาอ่าน เขาจะมองไปยังเก้าอี้ที่เธอนั่งในวันนั้น แปลกที่เก้าอี้ตัวนั้นดูสะอาดและแข่งแรงกว่าที่เขาเคยนั่ง เขาไม่สามารถตอบตัวเองได้ ว่าเหตุการณ์ที่เขาได้พบเจอนั้น มันหมายความอะไร แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาได้รู้อะไรบางอย่าง บางอย่างที่คนทุกชนชั้นต่างพร้อมใจกันเรียกว่า รักแรกพบ
ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่เคยได้พบกับเธอคนนั้นอีกเลย ไม่รู้ว่าพรหมลิขิตหรือโชคชะตาจำนำพาเขาให้พบกับรักแท้ก่อนกัน
ปัจฉิมลิขิต ขอบคุณครับ
จากคุณ :
bugsam110
- [
9 พ.ค. 50 11:12:55
]