Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เรื่องสั้นพิเศษ : " Cry of the Forgotten "

    มิถุนายน พ.ศ.2550 ( ค.ศ.2007 )

    " ไอ่หนุ่ย เมิงจะเอาจริงๆ หรอวะ? "

    ณ บ้านหลังหนึ่งที่อยู่ย่านชานเมืองหลวง เด็กหนุ่มวัย 18 ปีสองคนกำลังยุ่งอยู่กับการทำบางสิ่งบางอย่าง เด็กหนุ่มผมแสกกลาง รูปร่างผอม สูงราวๆ 173 เซนติเมตร ผิวขาวเพราะมาจากครอบครัวเชื้อสายจีน สวมแว่นตาเลนส์สีชากรอบเล็กๆ สีน้ำตาลเข้ม ท่าทางเหมือนเด็กคงแก่เรียนกำลังต่อวงจรไฟฟ้ากับวัตถุบางอย่างที่อยู่ในช่องเก็บของท้ายรถ สายไฟระโยงระยางไปทั่วบริเวณนั้น และผมเองก็กำลังช่วยเขาอยู่โดยอ่านแบบแปลนวงจรดังกล่าวที่อยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คให้ฟังเพื่อให้เขาตรวจสอบระบบว่าต่อผิดพลาดหรือไม่

    " ไอ่โจ้...เมิงก็รู้ว่ากุเอาจริง กุทนมานานแล้วกับระบบบ้าๆ นี้ และกุจะไม่ทนมันอีกต่อไป "

    หนุ่ยหรือเด็กหนุ่มคงแก่เรียนผู้นั้นหันมาตอบผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ในความรู้สึกของผมแล้ว เขาเป็นเพื่อนที่นิสัยดีมาก ในสมัยมัธยมปลาย เขาเป็นเด็กเรียนเก่งที่สุดในรุ่นขณะที่ผมเรียนแค่กลางๆ เท่านั้น เขาเรียนสายวิทย์ - คณิตหากแต่ผมเรียนได้แค่เพียงสายศิลป์ - คำนวณ แต่แม้ว่าเขาจะเรียนเก่งกว่าคนทั่วไป เขาก็ยังชอบช่วยสอนการบ้าน ช่วยหาข้อมูลรายงานให้กับเพื่อนๆ อยู่เสมอ ผมและเพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกับเขารักเพื่อนคนนี้มาก เพียงแต่มีเพียงเรื่องเดียวที่เป็นข้อเสียของเขา

    " กุเข้าใจเมิงนะโจ้ เมิงจะเลิกตอนนี้ก็ยังไม่สายนะ อนาคตเมิงยังมี "

    " แล้วเมิงล่ะไอ่หนุ่ย เมิงเรียนเก่งกว่ากุนะ "

    " เรียนเก่ง? เก่งไปก็เท่านั้น ระบบมันไม่เอื้อนี่หว่า ไอ่พวกผู้ใหญ่เฮงซวยนั่นมันก็ดีแต่ปรับระบบแบบโง่ๆ เพื่อเข้าข้างลูกหลานมัน ไม่ก็แค่เพื่อทำคะแนนให้ตัวมันเองทั้งนั้น "

    นั่นคือสิ่งที่ผมคิดเหมือนเขา แม้ผมจะไม่ได้เป็นเด็กอัจฉริยะหัวดีมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ผมกับเขาเหมือนกัน คือการสนใจเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ บนโลก พวกเราสองคนเปรียบเสมือนพวกหัวรุนแรง พวกหัวปฏิวัติอะไรเช่นนั้น แต่ตอนนี้พวกเราเริ่มมาไกลกว่าที่เราคิดไว้มาก จากแต่ก่อนที่เราสองสหายเที่ยวตระเวณแจกใบปลิวโจมตีรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการว่าดำเนินนโยบายผิดพลาดมาตั้งแต่ปีก่อน แต่ทว่า...วันนี้เรามาไกลกว่าเดิมมากไปเสียแล้ว

    " ไอ่หนุ่ย กระทรวงน่ะทหารตำรวจเฝ้าเต็มเลยนะโว้ย เมิงก็รู้ช่วงนี้เขาระแวงอยู่ว่าพวกม็อบกับพวกโจรก่อความไม่สงบจะเข้ามาก่อกวนในกรุงเทพฯ เมิงยังคิดว่าจะเข้าไปได้หรอวะ? "

    " ถ้าเข้าไม่ได้ กุก็จะขอตายอยู่หน้ากระทรวง กุสาบาน! "

    คราวนี้แววตาของไอ่หนุ่ยมันแข็งกร้าวกว่าเดิมมาก ตลอดสามปีที่ผมและเพื่อนคนอื่นๆ รู้จักเขา เราทุกคนจะรู้กันดีว่าแววตาแบบนี้ไม่ได้เห็นกันบ่อยหนัก เพราะปกติเขาเป็นคนขี้เล่น สนุกสนานจนไม่มีใครได้สังเกตเลยว่า เพื่อนคนนี้มีอะไรซ่อนอยู่ในใจ

    " แล้วมันจะได้อะไรวะ? " ผมถามอีกครั้ง

    " ชีวิตกุไม่เหลืออะไรนานแล้ว กุแค่อยากจะประกาศให้โลกรู้บ้าง ว่าเสียงของคนๆ นึง ไม่ควรจะถูกลืมเลือน "

    " อืม! "

    ผมตอบพร้อมกับพยักหน้าสั้นๆ แล้วทำหน้าที่ช่วยงานที่รู้ว่าโอกาสสำเร็จแทบไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่สิ มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยดีกว่าที่เด็ก 2 คนที่ไม่ใช่นักก่อวินาศกรรมอาชีพที่ถูกฝึกมาอย่างดีจะเข้าไปทำเรื่องใหญ่ขนาดนั้นได้ แต่จะให้ผมถอนตัวไปบอกตำรวจ นั่นก็ไม่ใช่นิสัยของผม ยิ่งผมมีความคิดหัวรุนแรงเช่นเดียวกันแล้ว เมื่อเริ่มมาด้วยกัน มันก็ต้องสานต่อให้จบ

    พฤษภาคม 2550 ( ค.ศ.2007 )

    " เฮ!.................. "

    เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังขึ้นรอบบริเวณสถานที่ๆ ใช้ประกาศผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัย รุ่นพี่ทั้งหลายในแต่ละสถาบันต่างเข้ามายินดีกับว่าที่นิสิต - นักศึกษาใหม่ หลายคนที่มีพ่อแม่ผู้ปกครองไปด้วยยิ่งดูอบอุ่นนัก แต่แน่นอนว่า ท่ามกลางภาพแห่งความน่ายินดีและเสียงแห่งความปลื้มปีตินั้น ในอีกมุมหนึ่งยังมีคนอีกไม่น้อยที่ปวดร้าวและผิดหวัง ไอ่หนุ่ยก็เป็นหนึ่งในนั้นทั้งๆ ที่มันเป็นเด็กที่เรียนดีและตั้งใจเรียนมากเท่าที่ผมรู้จักมา มันใฝ่ฝันอยากจะเข้าสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทยที่ตั้งอยู่ ณ ย่านที่วัยรุ่นนิยมไปรวมตัวกันมากที่สุด สถาบันที่ใครๆ ต่างใฝ่ฝัน

    วันต่อมา

    " สลดเด็กสอบเอ็นทรานซ์ไม่ติด ผูกคอตายดับอนาถประชดระบบชุ่ยๆ "

    สื่อมวลชนทุกแขนงต่างลงข่าวนี้กันถ้วนหน้าว่าเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่พลาดหวังจากการสอบเข้าเรียนที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อันเป็นสถาบันที่คนส่วนใหญ่ของประเทศใฝ่ฝันอยากจะเข้าเรียน เพราะเป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำของประเทศ แต่เมื่อรับจำนวนจำกัด มันก็ต้องมีทั้งผู้สมหวังและผู้ผิดหวัง แต่กับผู้ตายนั้น จากข่าวที่นำเสนอเขาเพียงต้องการ " สังเวย " ให้กับความไม่ยุติธรรมมากกว่า เพราะปีแรกที่การแอดมิดชั่นส์ หรือระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแบบใหม่ออกใช้นั้น ได้ใช้เลยแบบไม่เตรียมการล่วงหน้า ทำให้ผลการตรวจข้อสอบนั้นผิดพลาด และเมื่อต้องตรวจใหม่ ผู้ตายก็ต้องผิดหวังเพราะชื่อของตนนั้นตกไปจากความผิดพลาดในครั้งแรกที่ทำให้มีชื่อเป็นผู้สอบผ่าน

    " เฮ้ย! ไอ่หนุ่ย อย่าเสียใจนะโว้ย เมิงเรียนเก่ง เรียนที่ไหนเมิงก็เรียนได้แหละน่า "

    " ไอ่โจ้! เพื่อนของเราคนนี้สมควรตายเปล่างั้นหรือ? " ไอ่หนุ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงที่เบาจนแทบจะไม่ได้ยิน

    " เมิงหมายความว่าไงวะ? "

    " เมิงเชื่อไหม ว่าโลกนี้จะมีคนที่เหมือนกัน แม้แต่สอบรอบแรกก็ติด แต่ก็ถูกปรับชื่อออกเพราะความผิดพลาดเหมือนกัน ตอนนี้คนที่เหมือนกุ เขาสังเวยชีวิตตัวเองให้กับระบบชุ่ยๆ นั่นไปแล้ว แต่กุคิดว่าอีกไม่นาน พวกผู้ใหญ่โง่ๆ และเลวๆ นั่นมันก็ต้องลืม และเรื่องของเขาก็จะถูกกระแสอื่นๆ กลืนหายไปในที่สุด เมิงว่าไหมวะ? "

    " อย่าบอกนะว่า? "

    " ใช่! แผนที่กุเคยระงับไปเมื่อ 1 ปีก่อน วันนี้ในเมื่อกุไม่เหลืออะไรแล้ว กุก็จะสานต่อให้จบ กุจะวางระเบิดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ไอ่พวกผู้ใหญ่เลวๆ ตายกันให้หมด "

    " ...ฮ่าๆๆ เมิงพูดเล่นใช่ไหมวะไอ่หนุ่ย กุรู้เมิงล้อเล่น "

    ผมพยายามหัวเราะต่อหน้าเพื่อนผมทั้งที่ในใจลึกๆ แล้วเพื่อนผมไม่ได้พูดเล่น เพราะเมื่อ 1 ปีก่อน ครั้งเมื่อไอ่หนุ่ยถูกคัดชื่อออกจากรายชื่อผู้เอ็นท์ติด มันโกรธมากจนขนาดจะไปหาปืนเถื่อนบุกไปยิงที่กระทรวงฯ แต่ผมห้ามมันไว้โดยพูดทำนองว่าเป็นไปไม่ได้เพราะสถานที่ราชการมีการตรวจตราหนาแน่น ผมพูดอธิบายไปเรื่อยเปื่อยจนนึกว่ามันจะยอมเลิกคิดเรื่องบ้าๆ แบบนั้น แต่เปล่าเลย

    " ไอ่โจ้! เมิงเคยได้ยินชื่อหลิวเซินบ้างไหมวะ? "

    " หลิวเซิน! นักก่อการร้ายข้ามชาติที่ไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงนั่นอ่ะนะ? "

    ไม่ผิดจากที่ผมคิด ไอ่หนุ่ยเอาบทความหลายอย่างที่ " หลิวเซิน " หรือที่มีอีกฉายาหนึ่งว่า " Evil Meteor ดาวหางมรณะ " เขียนลงเป็นภาษาอังกฤษในหลายเว็บไซด์ทั่วโลก มันไม่ยากอะไรหากเด็กที่ใฝ่หาความรู้ไม่ว่าทางด้านสว่างหรือด้านมืดคนหนึ่งจะค้นหามันผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมต่อทั่วโลก บทความของหลิวเซินนี้เน้นโจมตีการแข่งขัน และการแบ่งชนชั้นในสังคม แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือเขามักจะเขียนบทความถึงประเทศไทยมากกว่าประเทศอื่นๆ ราวกับว่าเขาเป็นคนไทยทั้งๆ ที่เขาอ้างตัวว่าเป็นคนจีนที่ไปอยู่อเมริกา แต่เหนืออื่นใด บทความของเขานั้นผู้ที่ได้อ่านราวกับว่ากำลังถูกสะกดจิต ยิ่งหากเป็นผู้ที่ตกอยู่ในวังวนที่ไร้ทางออก เต็มใจด้วยความโศกเศร้าในจิตใจแล้ว หลายคนที่เคยอ่านบทความของเขาในหลายประเทศตัดสินใจฆ่าตัวตาย ไม่ก็กลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องจนกว่าจะถูกวิสามัญจากตำรวจ แต่จนบัดนี้ผ่านมาสามปีกว่า ก็ยังไม่มีใครรู้ตัวตนของหลิวเซิน เพราะเขาเป็นอัจฉริยะ บ้างก็ว่าเขาเป็นปีศาจมาจุติ แต่สำหรับคนบางกลุ่ม เขาเป็นดุจพระเจ้าผู้ปลดปล่อยคนพวกนั้นจากสิ่งที่เรียกกันว่า " ระบบแห่งพันธนาการ "

     
     

    จากคุณ : TonyMao_NK51 - [ 15 พ.ค. 50 20:40:24 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom