๑
เฝ้าแสวงแห่งหนบนเวหา
มองดาราคราค่ำจนย่ำดึก
เมฆลอยลมห่มคลุมดูลุ่มลึก
เฝ้าคอยตรึกนึกหาปรัชญาใด
คนว้าเหว่เร่ร่อนจรวิถี
มองวารีมองฟ้าเหมือนบ้าใบ้
คอยเฝ้าตรองมองตามความเป็นไป
ค้นหาในใจถามความมากมาย
ฉันคอยแต่แลมองเฝ้าท้องฟ้า
มองเมฆาหารูปร่างต่างความหมาย
วาดความฝันกลั่นจากจิตคิดระบาย
มิรู้หน่ายว่ายวนค้นเรื่องราว
ดูดวงเดือนดวงเดียวทั้งเสี้ยวกลม
เมฆคลุมห่มพรมพร่างน้ำค้างหนาว
หยาดฟ้าร่วงรุ้งเพ็ชรสะเก็ดดาว
ดูพร่างพราววาววับแล้วดับดวง
ฉันคือผู้เฝ้ามองดูท้องฟ้า
มองดาราพรายพร่างที่กลางสรวง
เพลงดนตรีลี้ลับประทับทรวง
ดังจากห้วงเวหามาสู่ดิน
๒
ฉันเฝ้ามองท้องฟ้าคราใกล้รุ่ง
รังสีพุ่งพาอุสุมครอบคลุมถิ่น
ปลุกวิหคผกฟ้าออกหากิน
ภุมรินบินร่อนว่อนเวียนวน
รุ่งอรุณอุทัยเริ่มไขแสง
สีส้มแดงแฝงเทาเจือเงาหม่น
ราตรีฝากรอยหมองแห่งมืดมน
น้ำค้างหล่นบนใบไม้ใสวาวแวว
หมอกขาวเหลือละอองไว้บนไหล่เขา
ยามรุ่งเช้าเหล่าไม้ลมไหวแผ่ว
หยดน้ำชื้นหญ้าฉ่ำย่ำเป็นแนว
เคยผ่านแล้วแถวนี้ที่คุ้นชิน
มาเยี่ยมดูหมู่ไม้ในป่าเก่า
เยี่ยมหุบเขาเถาเครือเหนือโขดหิน
ฟังบรรเลงเพลงพงไพรเคยได้ยิน
หอมไม่สิ้นกลิ่นไอดอกไม้ดง
๓
ถึงเร่ร่อนจรไปไม่เป็นที่
วันพรุ่งนี้อยู่ไหนไม่ลืมหลง
เฝ้าภูผาป่าไม้เฝ้าไพรพง
เฝ้าวังวงคงคาน้ำ ฟ้า ดิน
อยากบรรยายสายธารม่านฟ้าใส
เขียนพงไพรให้เป็นภาพอาบสีศิลป์
อยากบรรเลงเพลงปักษีที่ได้ยิน
ยังขาดสิ้นจินตการงานสุนทรี
ฉันได้แต่แค่มองดูท้องฟ้า
ดูผกาผลิแย้มแต้มแต่งสี
ชมตะวันในทิวาดาวราตรี
คอยพากเพียรเขียนกวีมีปรัชญา
๔
ผ่านเวลาช้านานที่อ่านเขียน
คอยพากเพียรเรียนกวีที่สรรหา
วาดความฝันกลั่นความคิดอนิจจา
ยังด้อยค่ายากค้นหนทางกวี
ฉันได้แต่แค่บอกเล่าเรื่องเก่าก่อน
บางฉากตอนย้อนไปในวิถี
เล่าเรื่องราวที่ก้าวผ่านมานานปี
ไม่อาจมีสิ่งใหม่ในเนื้องาน
ฉันยังคงหลงไหลในฟ้ากว้าง
ทุ่งเวิ้งว้างทางเปลี่ยวที่เลี้ยวผ่าน
ฟังบรรเลงเพลงดนตรีคีตการ
วิหคขานขับร้องก้องพงไพร
หวังสักวันฉันอาจสามารถคิด
ร้อยลิขิตความจริงสิ่งใหม่ใหม่
เขียนนิยามความฝันกลั่นจากใจ
หวังเอาไว้ให้โดดเด่น... เป็นบทกวี
จากคุณ :
คมเย็น
- [
16 พ.ค. 50 14:10:51
]