Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    -'๐'- ไม่ใช่นิยายไม่ใช่เรื่องสั้น แต่เป็น เรื่องจริง @ :::: โตมิฯ หนีแผ่นดินไหว:::@ จ๊ากกก

    เมื่อประมาณ 15.50 น. วันนี้ 16/05/2550
    เกิดแผ่นดินไหวเกิดที่เชียงราย และประเทศลาว ความแรงประมาณ 5.7 ริกเตอร์ แต่ ทำให้มีแรงสั่นสะเทือนมาถึงใจกลาง กทม. ที่มีดินอ่อนนุ่มราวกับขนมปุยฝ้าย


    ปรากฏว่า เวลาเดียวกันนั้น ตัวเองกำลังนั่งทำงานอยู่บนชั้น 32 อาคารเอมไพร์ทาวเวอร์ อยู่ มันก็รู้สึกวูบๆวาบๆตามไปด้วย นะคะ
    (เอ หรือ เมา ขนมก็ไม่ทราบได้..เหะ เหะ)

    สักพัก เจ้าหน้าที่อาคารก็เปิดไมค์แจ้งว่า เกิดเหตุไม่ชอบมาพากล ขอให้ทุกคน อพยพออกจากตึกโดยด่วน

    กรี๊ดดดดดดด!!!!

    เดี๊ยนอยู่ชั้น 32 นะค๊าาาาาา กร๊ากกกก!!!!

    เก็บของค่ะ

    วินาทีนั้นในสมองคำนวณ การเก็บของว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่ แล้วต้องคำนวณฝีเท้าสั้นๆของตัวเองว่าจะสามารถวิ่งลงบันได 32 ชั้นได้เสร็จสิ้นในเวลาเท่าไหร่

    เก็บของ สามนาที วิ่งไปถึงหน้าประตูหนีไฟ ใช้แรงเท้าถีบมันออกแล้ววิ่งตามบันไดจนถึงชั้นล่าง คราวก่อนซ้อมหนีไฟไว้ใช้เวลาประมาณ 17 นาที

    สมองคอมพิวเตอร์ (เหลือรับประทาน) ของเราเริ่ม ก็วางแผนทุกอย่างเป็นระบบ 5555


    แต่

    แต่

    ลูกขุน ละ เพิ่งนึกขึ้นมาได้ ช่วงเวลานี้คู่หูเดินออกจากตึกไปรับลูกมาจากโรงเรียนนี่นา เวลานี้น่าจะเดินขึ้นตึกมาแล้ว

    จะทำอย่างไรดี๊!!!!!

    "พี่น้อย....อยู่ไหนแล้วนี่" เรารีบคว้าโทรศัพท์ โทรหา

    "อยู่ใต้ตึก ผมรับลูกมาแล้ว คุณจะเอาอะไร"

    คิดว่าจะเอาอะไร.....ตอนนั้นขอได้คงขอให้เอาเครื่องบินเจ็ตมารับแล้ว จริงๆนะคะ ตอนนั้นใจมันสั่นน่าดูเลย

    "ไม่ได้เอาอะไรหรอกค่ะ แต่คุณไม่ต้องขึ้นมานะ บนตึกนี้เขาประกาศอพยพ เกิดจากแผ่นดินไหว"

    "ล้อเล่นน่า!!"

    มันก็น่าจะล้อเล่น เพราะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยนี่นา ซ้อมอพยพทีไร ก็ซ้อมหนีไฟทุกที ไม่เคยซ้อมแผ่นดินไหว จริงไหม

    เราก็อยากให้มันล้อเล่นจริงจริ๊ง

    "เฮ้ย...เปล่าล้อ"

    "ผมอยู่ข้างล่างใต้ตึก...ไม่เห็นมีอะไรเลย ผู้คนก็ปกติ......ไม่มีสัญญาณอะไรด้วย"

    คิดนะคะ...ตอนนั้นตัวเองรู้สึกภาวะเดียวกับ มหากะทิง ตอนที่โทรบอก หนูรันหณ์ ให้วิ่งออกจากตึก เพียงแต่ว่า ตอนนี้มันสลับกัน

    เพราะ มหากะทิง ตัวจริงติดคาตึกอยู่ชั้น 32 ค่า แต่คนข้างล่างตึก ต่างหากที่เป็นฝ่ายมะเชื่อ

    ที่สำคัญ...ลูก อยู่กับเขาด้วย งือ

    "เอาเถอะคุณ....คุณไม่ต้องขึ้นมานะคะ อยู่ข้างล่างนั่นละ"


    คนทำงานผู้ชายเขาไม่เหมือนผู้หญิงหรอกค่ะ เพราะเขามีกระเป๋าสตางค์ และกุญแจรถอยู่ในกางเกงตลอดเวลา แต่อย่างผู้หญิงทำงานนี่จะมีของจุกจิกมากกว่า ตัวเองเลยต้องรีบกวาดข้าวของลงจากโต๊ะภายในเวลาสามนาทีที่กำหนด (เอาเอง)

    คอม เซฟงานลงแฟลชไดรฟ์ทั้งหมด ยกหนังสือทั้งโต๊ะยัดลงเป้ใส่หลัง โน้ตบุ๊ค พับเก็บชนิดไม่ต้องรอปิดเครื่องแล้ว ใส่กระเป๋าทั้งอย่างนั้นเลย

    .....คอมพังไม่เป็นไร กลัวตายเรื่องใหญ่ กว่า



    พอมาถึงหน้าประตู หัวหน้ายืนขวางทุกคนบอก

    "...ตอกบัตร..."

    กร๊ากกก!!!

    หนูรักหัวหน้ามากน๊ะค้า....แต่ตอนนี้ หนูกลัวตายอ่ะ เครื่องตอกบัตรทั้งออฟฟิศมีเครื่องเดียว แต่เจ้าหน้าที่มีตั้ง 102 คนน๊า.... มันเรียงคิววิ่งกันหัวฟูมาแบบนี้ใครจะตอกได้ทันเวลาก่อนตึกถล่ม.....โย่ว

    ทันใด นั้น เสียงกริ่งสัญญาณก็ดังขึ้น

    เสียงมันกรีดลั่นทั้งตึก บอกสัญญาณให้ทุกคน วิ่งออกจากที่นี่ได้แล้วจ้า

    คนแรกเลยค่ะ สองตีนโกยไปทางบันไดหนีไฟเพราะรู้ว่าอย่างไรเสีย ลิฟต์เต็มแน่ๆ แล้วเราก็ให้พวกคนที่มีปัญหา คนท้อง คนแก่ เขาลงลิฟต์ดีกว่า เราเอง ก็สุขภาพโอเคนะ วิ่งได้ ลุยเลย

    ลุย!

    วิ่ง!

    วิ่ง!

    คนข้างหน้าใส่ส้นสูง...เดินเตาะแตะ

    คนข้างๆเดินไม่ไหวเกาะราวตลอด...ช้าแล้วตัวใหญ่

    คนนั้นเดินไปพูดโทรศัพท์ไป ทำท่าเหมือนหัวใจจะวายคาบันได...ก็ขวางทาง

    หนึ่งคน เป็นสอง เป็นสาม เป็นสิบ เป็นยี่สิบ เป็นสามสิบ

    แล้วมันก็เต็มบันไดหนีไฟ

    กร๊าก........คนอื่นเขาไม่วิ่งกันเลยค่า.....พากันเดินเหมือนมาทัศนศึกษาบันไดหนีไฟกันอย่างไรอย่างนั้น..........

    ทำไม!! ทำไม!!


    ไม่กลัวตึกถล่มกันหรือค๊า อยากร้องถามจริงๆ

    พวกคุณไม่กลัว แต่ฉันกลัวมากๆๆค่ะ (จริงใจนะเนี่ย)

    ตอนนั้นนะกลัวจะตายอยู่แล้ว และหนักมากด้วยทั้งกระเป๋าเป้หลัง มีหนังสือเพียบหลายเล่ม โน้ตบุ๊คอีกเครื่อง สะพายอยู่

    ไม่มีทางลงได้ถึงชั้นล่างภายในสิบเจ็ดนาที....แน่นอน

    ถ้าตึกมันถล่มขึ้นมาก่อนละคะ ตัวเองจะนอนแบบตึกรอยัลพลาซ่าที่โคราชไหม หรือว่าจะเหมือน เวิร์ลเทรด แทน แล้วทำไมท่านอื่นๆ ดูไม่เดือดร้อนบ้างค๊า..... อิฉันลุกลี้ลุกลนเหมือนคนบ้าอยู่คนเดียว.......แง

    วุ้ย!! ตอนนั้นสมองคิดอะไรสารพัด

    เครียดมาก

    ถ้าเป็นอะไรไป จะเป็นไง เป็นห่วงสองคนพ่อลูกอยู่ข้างล่างของตึก แล้วถ้ามัน..ตุ๊บตั๊บจริงๆขึ้นมา

    ต้องตัดสินใจอีกก๊าบ

    หยิบโทรศัพท์ ภาวนาว่าให้โทรติด.... เพราะขณะที่ทุกคนกำลังเดินทัศนศึกษาอยู่ตรงบันไดหนีไฟเวลานี้ นับร้อยๆคน

    แม้บางคนจะเอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปผู้คนหนีไฟกันอย่างสนุกสนาน จนแสงแฟลช ว๊อบแว๊บไปทั่ว ทุกๆคนยังพร้อมใจกันใช้โทรมือถือคุยกับคนอื่นอีกต่างหาก

    แล้วคิดดูเอาเถิดค่ะว่า ทั้งตึก มีคนกำลังหนีไฟอีกหลายช่องบันได จะต้องมีคนใช้มือถืออีกเท่าไหร่

    เป็นพันๆคนค่ะ


    บุญนัก ที่ตัวเองกดทีเดียวติด นึกรักอี เอไอเอส ก็ตรงนี้ละ

    "พี่น้อย อยู่ข้างล่างตึก คุณเอารถออกไปห่างๆตึกนี่เลย ถ้ามันถล่มตอนนี้ จะได้มีคนรอด"

    "..อ้าว...ไม่ให้ผมรอคุณเหรอ....คนรอกันอยู่ตรงนี้เต็มแล้ว"

    "ไม่ต้องหรอกคุณ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...แล้วเดี๋ยวทุกคนในตึกมันต้องเอารถออกพร้อมๆกัน ตอนนี้ทุกคนยังวิ่งหนีกันอยู่ คุณรีบเอารถออกไปเลย แล้วไปจอดรอตรง ฝั่งโรงเรียนชวนชื่น(ที่ลุกขุนเรียน) ดีกว่า ตรงนั้นไม่มีตึกสูง แล้วห่างตึก มันจะปลอดภัยกว่า"

    เราสั่งแบบนั้นทันที

    อย่างน้อย ถ้าตึกถล่มจริงๆ ลูกกับพี่น้อยก็โอเคที่สุดแล้วละค่ะ

    "ได้...แล้วไปเจอกันที่โรงเรียนลูกขุนนะ"



    วางหูไปตอนนั้นตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

    แต่ก็พยายามตัดสินใจสิ่งที่ดีที่สุด และเร่งฝีเท้ามากที่สุดเท่าที่ความแออัดของผู้คน(ที่ไม่ค่อยจะยอมวิ่งเอาเสียเลย) ให้ไปถึงข้างล่างให้ได้โดยไม่ต้องชนกันวุ่นวาย พอมาถึงชั้น 10 ปรากฏว่ามันแน่นมาก เพราะทางหนีไฟบีบเล็กแคบลงกว่าเท่าตัว

    เราตัดสินใจวิ่งออกมาทางลานจอดรถ วิ่งไปตามทางเวียนที่จอด แม้มันจะเป็นทางอ้อมโลกเพราะเป็นทางรถขับ แต่ก็โล่งกว่า แล้วก็ไม่มีคนมาก เพราะตอนนี้ เราบ้าไปแล้ว ใจมันถึงพื้นดินไปแล้วละ.......5555

    รถอีกเป็นสิบๆคัน เรากะด้วยสายตาประมาณห้าสิบคันต่อหนึ่งชั้นจอดรถ ยังจอดเรียงสนิทตั้งแต่ชั้น 10 เป็นต้นมา หมายความว่า คนต้องเอารถออกอีกเป็นร้อยๆและหลายร้อยคันจากตึก แน่นอน อีกไม่กี่นาที ปากทางเข้าออกตึกเอมไพร์จะเป็นอัมพาต

    พอเราวิ่งมาถึงชั้นล่าง 20.04 นาที ช้าไปสามนาที ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็โล่งใจ
    (แต่ตอนนี้ปนหอบแล้วละ...เพราะมาถึงพื้นดินแล้ว สามสิบกว่าชั้นที่ลากสังขารลงมาได้)

    ผู้คนเต็มถนนไปหมด ถนนสาทรที่เคยมีรถ ก็แออัด เพราะรถยนต์จากที่จอดรถ มันออกมาพร้อมกัน

    รู้สึกโชคดี ที่เราตัดสินใจให้พี่น้อยขับรถพาลูกออกจากตึกไปเสียแต่เนิ่นๆ ผู้คนในออฟฟิศสูงลงมาออเต็มถนนนราธิวาส สาทร เต็มไปหมด บนสะพานลอยก็เต็มไปด้วยคน ตื่นเต้นมากๆ

    เพราะอะไรนะหรือคะ

    เพราะตอนนี้รู้สึก เหมือนตัวเองยืนอยู่ในฉาก เรื่อง ฤกษ์สังหาร ไม่มีผิด

    แอบกรี๊ด ให้ตัวเองหนึ่งครั้งค่ะ....สูดลมหายใจลึกๆ ในฐานะผู้เขียนนิยายเรื่องนี้

    อย่างไรก็ขอรับผิดชอบในเหตุการณ์นี้ทั้งหมด......ทั้งยังได้ร่วมวิ่งหูหน้าตาแหก ตามบันไดหนีไฟ มาตั้ง 32 ชั้น

    เหนื่อย หอบเป็นโรงสี หน้าแดงผิวพรรณเปล่งปลั่ง ราวกับมี "โกธฮอร์โมน" พลุ่งพล่าน

    แล้วฉากสุดท้ายของมหากะทิง....ก็ต้องสวมวิญญาณหลวงพ่อโกย วิ่งออกห่างจากบริเวณตึกนั้นสุดชีวิต ไปที่โรงเรียนลูก ตามที่นัดหมาย

    รถจอดอยู่ตรงจุดนั้น พ่อลูกนั่งรอเราอยู่

    ก่อนขึ้นรถ ซื้อน้ำเขียวหน้าโรงเรียนลูกขุนมาซู๊ดเต็มอึกหนึ่งถุง จนลุงคนขายหัวเราะขำๆ กับท่าทางหมาหอบแดดของเรา

    "วิ่งหนีตึกถล่มมาสิ"

    "ช่าย"

    "ทำงานกับพื้นดินไม่ชอบ อย่างลุงนี่ทำงานริมถนน ไม่เห็ง ต้องวิ่งหนีไฟแบบนี้ให้ทอระมางตัวเองเลย " แกแนะนำ

    "ขอบคุณ คุณลุงที่แนะนำมากๆๆค่า"

    เรายิ้มอย่างเค้นฟันที่สุดให้แก ก่อนจะเดินขึ้นรถ ไปหาลูก

    "แม่นัท...หนีตึกถล่มมาเหรอครับ"

    "ใช่ค่า"

    เราขอกอดเจ้าตัวน้อยหนึ่งที เกือบครึ่งชั่วโมงที่แสนตึงเครียด มาโล่งอกที่สุดก็ตรงวินาทีนี้ละค่ะ

    วันนี้ แม่รอดมาได้ แบบเหนื่อยหอบ และตื่นเต้นสุดชีวิตเชียว ลูกเอ๊ย

    จากคุณ : โตมิโต กูโชว์ดะ - [ 16 พ.ค. 50 21:17:22 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom