Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เรื่องตลกของโชคชะตา ตอนที่ 33

    ตอนที่ 33  ใช้ได้จริง

    ในเช้าของอีกวัน ทันทีที่พร้อมหน้ากันที่โต๊ะกินข้าว ความสงสัยของคืนวานก็ยังไม่หายไปจากใจ และเฌลลีไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะมัวแต่เดินสำรวจรอบบ้านว่ามีกล้องวีดิโอซ่อนอยู่ตรงไหนบ้างหรือเปล่า  

    “นี่ บ้านนี้เต็มไปด้วยเทคโนโลยีพวกนั้นจริงๆ เหรอ” ยัง ยังคาใจอยู่ (ที่จริงคือไม่เชื่อ)

    “จริงสิ แต่มันถูกออกแบบให้กลมกลืนกับสภาพของบ้าน บางชิ้นเป็นเฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน ถ้าไม่สังเกตก็ไม่รู้หรอกว่านั่นคือเครื่องซักผ้าน่ะ”

    “แล้วมันใช้ได้จริงเหรอ ฉันเชื่อนะว่าถ้าเป็นเมืองนอกน่ะ ของพวกนี้จะมีก็ไม่แปลกหรอก โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นนี่ โอเค มันธรรมดาเลยแหละ แต่การจะขนของพวกนี้เข้าเมืองไทย ไหนจะศุลกากร ไหนจะกฎหมายอื่นๆ แล้วยังค่าใช้จ่ายอีกล่ะ”

    “คุณไม่รู้เหรอว่าประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดอับดับของโลกเลยนะ นิคมอุตสาหกรรมบ้านเราเป็นแหล่งผลิตสินค้าส่งออกทั้งนั้น”

    “ฉันจะขอดูเครื่องซักผ้าเป็นอันดับแรกเลย”

    “จริงๆ แล้วทั้งหมดน่ะของเล่นทั้งนั้นแหละ ก็อย่างที่บอกนั่นแหละว่าพี่นนท์เป็นที่ปรึกษาในบริษัทที่ผลิตอุปกรณ์พวกนี้ เค้าเลยให้มาลองใช้ฟรี แต่ถ้ามีปัญหา พี่นนท์ก็ต้องเป็นคนแก้ไข เป็นคิวเอไปในตัวด้วย แต่คุณอย่างได้เชื่อมือไอ้ของไฮเทคพวกนี้มาก เพราะเครื่องซักผ้าที่บอกว่าซักแล้วไม่ต้องรีดน่ะ มันมีโอกาสจะทำให้ผ้าขาดได้พอๆ กับที่ไม่ต้องรีดนั่นแหละ ซึ่งจริงๆ มันทำให้เสื้อท่านที่ปรึกษาขาดไปหลายตัวแล้ว” น้องกลางอธิบาย

    “ส่วนเจ้าเครื่องดูดฝุ่นนั่น ไม่ต้องพูดถึง เพราะกว่ามันจะได้กระดาษสักแผ่น คุณอาจจะต้องใช้ฝุ่นจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดทั้งโรงงาน และไอ้กระดาษสีน้ำตาลที่แปะอยู่นั่นน่ะ คือ ฝุ่นจากทิชชู่ในส่วนทดลองเท่านั้นเอง” อันนี้เจ้าตัวที่ปรึกษาอธิบายเอง

    “แล้วน้องเล็กจะบอกว่า จานบ้านนี้เคยแตกเป็นโหลมาแล้วครับพี่ เพราะคุณพี่ชายสุดที่รักคำนวณผิด เล่นสลับโปรแกรมระหว่างเซรามิคกับเมลามีน โอ้ว เกือบระเบิดตูมมาแล้วเช่นกัน”

    “นี่ฉันอยู่กลางสนามรบหรือไงเนี่ย ดีนะ มาบอกตอนฉันจะไปแล้ว ไม่งั้นฉันคงเก็บของเผ่นตั้งแต่วันนี้”

    “อ๊ะ... ไอ้เครื่องเซนเซอร์สแกนม่านตานี่เหมือนกัน มันทำให้ตำรวจแห่มากันทั้งโรงพัก เพราะเข้าใจว่ามีโจรขึ้นบ้านมาแล้ว แต่ปิดข่าวเพราะตำรวจเองก็กลัวหน้าแตกที่เล่นกับเทคโนโลยีที่ยังไม่สมบูรณ์มากไป”  

    “แล้วมีอะไรที่ใช้ได้จริงๆ มั่งเนี่ย”

    “ก็คุณไง...ใช้ได้จริง” ณนนท์ไม่ต้องคิดประโยคนี้เลย เขาตอบเป็นคนที่หนึ่ง ก่อนที่น้องกลางจะตามมาติดๆ

    “ไอ้บ้า” แล้วก็เจอด่าเหมารวมซะ

    “เอ๊า ก็หรือไม่จริง ไม่ต้องกลัวระเบิด ไม่ต้องเปลืองพลังงาน” น้องเล็กได้ทีก็ผสมโรงไปกับเขา

    “แต่พี่ว่านะ ยัยนี่ระเบิดกแรงกว่าทุกเครื่องในบ้านแน่ๆ”

    “เอาเข้าไป สนุกกันใหญ่ ชั้นไม่ใช่ทาสในเรือนเบี้ยพวกนายนะเว้ย” ดูศัพท์เธอซะก่อน

    “ประชุมทางไกลไง” น้องกลางเข้าเรื่อง หลังจากพี่ใหญ่กับน้องเล็กนอกเรื่องไปไกลโขแล้ว

    “โหย อันนี้เค้าใช้กันทั่วประเทศ” เฌลลีเองก็ใช้ระบบนี้ในการสอนหนังสือบางคลาส
    “อื้อ นั่นแหละ สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ผมว่ามันก็ยังไม่เจ๋งเท่าการมีคุณนายดารณีมายืนผัดไข่หัวไชโป๊วของโปรดน้องเล็กในครัวนะ”

    “เออ พูดถึงทำกับข้าว เจ๊ไปอยู่โน่น อดตายแน่เลย ทำกับข้าวไม่เป็นสักอย่าง” น้องกลางเริ่มมองเห็นปัญหา ซึ่งจริงๆ แล้วเฌลลีเป็นคนที่พิถีพิถันในการใช้ชีวิตพอสมควร เธอชอบมองเห็นทุกอย่างอยู่กันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แก้วน้ำสักใบหากวางอยู่ผิดที่ผิดทางเธอจะเก็บมันไปวางไว้ในที่ของมันเสมอ หลายครั้งที่เห็นห้องของน้องกลางเต็มไปด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์วางระเกะระกะ เธอก็เก็บมันซะเรี่ยม พอเขากลับมาถึงบ้านก็โวยวายลั่น เพราะหาของไม่เจอ ข้อ “ด้อย” ของเธอมีอย่างเดียวเท่านั้นคือ ทำกับข้าวไม่เป็น

    “ใช้ไมโครเวฟเป็นไหม” หนุ่มๆ ชักเป็นห่วง

    “ไม่เป็น” สามพี่น้องมองหน้ากันอย่างเหลือเชื่อ

    “มันไม่ได้ยากอะไรเลยนะ มันเป็นเทคโนโลยีตลาดมาก เด็กเจ็ดขวบมันยังใช้เป็นเลย” ตอกย้ำซ้ำเติมอันดับหนึ่งล่ะก็ต้องเป็นพี่ใหญ่ของบ้าน

    “เคยได้ยินข่าวว่ามันระเบิด เออ ไข่ระเบิดในนั้น” เฌลลีก้มหน้างุดแทบจะมุดลงใต้โต๊ะ

    “นี่ถ้าคุณรู้ว่าหลักการทำงานของมันน่ากลัวกว่านั้นคุณอาจจะไม่แตะไมโครเวฟเลยตลอดชีวิตก็เป็นได้” แทนที่จะพยายามเปลี่ยนทัศนคติ ณฌากลับขู่เธออีกแน่ะ

    “แม็กนีตรอนในเตาไมโครเวฟจะเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นคลื่นไมโครเวฟที่มีความถี่สูงถึงสองพันสี่ร้อยห้าสิบล้านรอบต่อวินาที โมเลกุลของน้ำในอาหารจะเกิดการสั่นสะเทือนและเสียดสีกันจนเกิดความร้อน โมเลกุลในอาหารเมื่อสั่นสะเทือนด้วยความเร็วหลายพันล้านรอบต่อวินาที ทำให้เกิดการเปลี่ยนตำแหน่งขั้วบวกและขั้วลบ โมเลกุลบางส่วนเสียหาย บางส่วนถูกทำลายแตกกระจายผิดรูปร่างเป็นเหตุก่อให้เกิด คาร์ซิโนเจนหรือสารก่อมะเร็งในเนื้อสัตว์ นม แล้วก็พวกธัญพืช” นักฟิสิกส์นิวเคลียร์อธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ และแถมจบด้วยประโยคน่าเตะ

    “อย่าไปเลยแป้น ไปแล้วอดตายเนี่ย เสียศักดิ์ศรีประเทศชาติ”

    “มีคนไทยตั้งเยอะที่ไปอยู่เมืองนอกแล้ว เป็นเชฟบ้าง เป็นเจ้าของร้านอาหารไทยบ้าง มองในแง่ดีสิ เผื่อกลับมาฉันก็อาจจะทำอาหารประจำชาติของเยอรมันได้สักอย่างอยู่หรอกน่า”

    “โหว ท่าจะยาก เพราะขนาดเกิดและโตที่เมืองไทยแท้ๆ หุงข้าวยังไหม้เลย”

    “ไอ้ยื่น นั่นมันผ่านมาจะสิบปีอยู่แล้วนะ ทีงี้ล่ะความจำดีนักนะ”

    “ไม่ใช่แค่นี้เว้ยแป้น ผมจำชื่อน้องๆ ที่อายุอันเด้อทเวนตี้ได้ทุกคนเลย ก๊ากกกก” ว่าจบก็ลุกจากโต๊ะกินข้าว ปล่อยให้นางเอกของบ้านนั่งหน้าตึงอยู่อย่างนั้น

    “น้องเล็กให้สองร้อย พี่นนท์จำได้ไม่หมดทุกคนหรอก” น๊าน... ไอ้น้องเล็ก มันยังจะเล่น

    “นี่แน่ะ เบิ๊ดโหลกเลย เล่นไม่ดูตาม้าตาเรือ” น้องกลางเป็นขาสงบศึก

    “น้องเล็กขอโทษฮ้าบบบ ที่จริง มีไม่กี่คนหรอก”

    “เอ้า ยัง ยังไม่เลิก”

    “จริงๆ นะฉันจำได้ ว่ามันมีข่าวเรื่องไข่ระเบิด แล้วฉันก็ไม่ชอบเสียบปลั๊ก เพราะเวลามันทำปฏิกิริยาอะไรไม่รู้มันแหละมันจะเกิดประกายไฟ น่ากลัวอย่างแรง”

    “งั้นทุกวันนี้คุณก็ผวาทุกครั้งที่เสียบปลั๊กเลยล่ะสิ” นั่นเป็นความลับที่เธอไม่เคยปริปากเลยตลอดเวลาที่อยู่บ้านนี้

    “แหงน่อ” อันที่จริง ต่อให้เธอไม่ชอบทำกับข้าวแต่เฌลลีก็เป็นคนที่กินง่ายอยู่ง่าย บางมื้อแค่ข้าวสักทัพพี กับไข่เค็มฟองเดียว น้ำพริกเผาและผักอีกนิดหน่อยก็อิ่มท้อง ผิดกับสามคนพี่น้อง ที่เพิ่งจะกินมาม่าเป็นก็ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เพราะตั้งแต่เด็กแล้วคุณนายดารณีฝึกลูกๆ ให้กินแต่ ‘อาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย’ จนกลายเป็นนิสัย แต่พอโตขึ้นความขี้เกียจมาแรงกว่าเลยเอาง่ายเข้าว่า มาม่าจึงเป็นอาหารหลักประจำบ้านไป พอแม่มาทีก็อิ่มหมีพีมันกันถ้วนหน้าเพราะว่าคุณนายจะซื้อของกินของใช้มาไว้เต็มบ้านประหนึ่งยกเทสโก้โลตัสมาไว้ก็มิปาน  

    “แล้วน้องยุ้ยมีแฟนใหม่แล้วจริงเหรอ” นางเอกยังไม่วายสงสัย (ที่จริงเธอกลัวว่าน้องยุ้ยจะกลับมาคืนดีกับณนนท์ต่างหาก)  

    “เปล่า ผมโกหก”

    “อ้าว ถ้าณนนท์รู้ มันไม่หักคอคุณเหรอ”

    “แล้วคุณคิดว่าผมจะรู้สึกยังไงถ้ายุ้ยกลับมาคบกับพี่นนท์อีกครั้ง ตัดปัญหาไปเลย โดยการปล่อยให้เขาไปเจริญเติบโตตามธรรมชาติ”

    “โห ยังกะปล่อยนกปล่อยปลา”

    “เพราะจริงๆ ผมก็คิดเหมือนน้องเล็ก”

    “คุณพ่อบอกว่ายังไม่อยากให้คุณเรียนต่อ”

    “ผมจะสอบทุน DAAD พ่อไม่ว่าหรอก ถ้าผมได้ทุนไปเรียน ที่ตอนนี้ผมไปไม่ได้เพราะน้องเล็กยังเรียนไม่จบ และค่าใช้จ่ายในบ้าน ผมยังต้องหารสองกับพี่นนท์”

    “อ้าว งั้นคุณก็รู้แต่แรกว่าไปไม่ได้”

    “แน่นอน ผมแค่อยากรู้ปฏิกิริยาพี่ผมว่า ถ้าผมตามคุณไป เค้าจะคิดยังไง”

    “ร้ายกาจ”

    “ว่าแต่ ไอ้ไข่น้ำนี่คุณซื้อจากที่ไหนมา” เขาวางช้อน เมื่อข้าวหมดจาน

    “ไข่ตุ๋นต่างหาก มันทำไมเหรอ ฉันก็ว่ามันอร่อยดีนี่” เฌลลีทำหน้านิ่งสนิทเหมือนคราว ‘ข้าวไหม้’ ไม่ผิดเพี้ยน

    “ไข่ตุ๋นบ้านคุณสิ นี่มันเอาไข่ตอกลงไปกวนๆ ในน้ำร้อนแล้วปรุงรส ใครเค้าเรียกไข่ตุ๋นกัน อย่างคาวเลย แสดงว่าน้ำไม่เดือดด้วย คราวหลังเจ้านี้เลี่ยงๆ ไว้เลยนะ” น้องกลางสั่ง ซึ่งในบรรดาสามพี่น้อง เขาจะเป็นคนที่ทำกับข้าวได้หลายอย่างและรสชาติดี หากวันไหนเขานึกครึ้มใจลงครัวเองแล้วล่ะก็ พี่ใหญ่กับน้องเล็กมักจะหน้าบานกลับบ้านเร็วทุกครั้ง แต่ถ้าเมื่อไหร่เธอบอกว่า “วันนี้ฉันจะทำกับข้าว” ล่ะก็เป็นอันว่าหายหัวไปทั้งสามพี่น้องนั่นแหละ

    “อื้อๆ ได้ๆ” แล้วน้องกลางก็ลุกจากโต๊ะกินข้าวเป็นคนต่อมา น้องเล็กหรี่ตามองว่าที่พี่สะใภ้

    “เย็นนี้ช่วยน้องเล็กทำโปรเจ็คท์แก้เอฟด้วยนะพี่สาว” น้องเล็กพูดอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า

    “เรื่องอะไร ใครติดก็แก้เองดิ”

    “แฮ่ม... แล้วค่าปกปิดความลับเรื่องไข่กวนเนี่ยควรจะใช้อะไรดีน๊า...” ว่าแล้วก็เดินเฉิดฉายขึ้นห้องไป ปล่อยให้ป้าแกแว้ดๆ อยู่คนเดียว

    “ไอ้น้องเล็ก หนอยยยยยยยยย”

    จากคุณ : ดาริกามณี - [ 1 มิ.ย. 50 09:22:50 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom