Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ประตูที่ถูกเลือก

    เรื่องสั้น...ประตูที่ถูกเลือก

    เด็กสาวหน้าตาซีดเซียวนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงสีขาว ลมหายใจรวยริน ร่างกายซูบผอมพอๆ  กับหัวใจที่ไร้เรี่ยวแรงจะบังคับให้ตัวเองลุกขึ้นมาสัมผัสกับความสวยงามบนโลกนี้อีกครั้ง ทั้งที่อาการทางกายไม่สาหัสเท่าไหร่แต่ใจกลับสิ้นพลังที่จะหยัดยืน หากเพียงร่างกายไม่ถูกพันธนาการด้วยสายระโยงระยางจากเครื่องมือของแพทย์ที่ฉุดรั้งชีวิตไว้ เธอคงทิ้งลมหายใจไปอยู่ภายใต้อ้อมกอดของมัจจุราชนานแล้ว

    เด็กสาวขดตัวอยู่ซอกโซฟาสีแดงสดในห้องรับแขกของบ้าน เธอบีบรูปร่างที่ผอมบางนั้นเข้าหากันจนกลายเป็นก้อนเหมือนเป็นเพียงหมอนใบหนึ่งบนโซฟาที่ไม่มีค่าใดๆ ทั้งสิ้น ใบหน้าใสที่ฉาบด้วยน้ำตาถูกซุกลงกับเข่าเพื่อหลีกหนีภาพที่บาดใจ แต่เสียงด่าทอกันของบุพการีก็ยังดังก้องในโสตประสาท สงครามน้ำลายเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่และคงกินเวลาอีกยาวนานหลายกัป เด็กสาวยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้างโดยอัตโนมัติ แต่เสียงก็ยังเล็ดลอดเข้ามาให้ได้ยินเป็นระยะ แม่เสียงดังกว่าพ่อเสมอและเสียงแว๊ดของแม่ก็ยั่วโทสะให้พ่อต้องเงื้อแขนเงื้อขาฟาดลงบนตัวแม่ทุกครั้ง แต่แม่ก็ไม่เคยเข็ด พอความเจ็บซาลงเสียงแม่ก็ดังขึ้นมาอีก พ่อและแม่ทำราวกับเธอเป็นสิ่งของหรืออะไรสักอย่างที่ตั้งวางไว้ตรงนั้น ไม่มีความรู้สึกกับการปะทะอารมณ์ที่ดุเด็ดเผ็ดมันของคนทั้งคู่ เรื่องราวในอดีตที่เธอลืมไปแล้วบางเรื่องถูกขุดขึ้นมาสาดใส่กันราวกับมันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ควรประกาศให้โลกรู้  และเมื่อหมดเรื่องที่บาดลึกความรู้สึกของกันและกันแล้ว แม่มักจะหันหลังเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน เก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง ส่วนพ่อก็หันหลังให้แม่เดินไปทางประตู แล้วสตาร์ทรถบึ่งออกไปด้วยความเร็ว บางครั้งพ่อหายไปหลายวันเด็กสาวอดคิดไม่ได้ว่าพ่อยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า แต่ก็โล่งใจทุกครั้งที่เห็นพ่อกลับมา พายุอารมณ์สงบได้สักสองสามวันก็เริ่มก่อตัวขึ้นใหม่ โหมกระหน่ำครั้งแล้วครั้งเล่า เด็กสาวจำไม่ได้ว่าเรื่องที่เป็นต้นตอก่อไฟให้พ่อกับแม่อารมณ์ปะทุขึ้นมาเป็นเรื่องอะไรบ้างมันคละเคล้าจนเป็นเนื้อเดียวไปหมด

    หลายครั้งที่เธอมีเรื่องอยากจะปรึกษาทั้งเรื่องสภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปเมื่อเป็นสาว เรื่องเพื่อนที่โรงเรียน เรื่องผลการเรียนที่ตกลง เรื่องครูฝึกสอนหนุ่มที่ชอบมาทำท่ากะลิ้มกะเหลี่ยกับเธอ และยังอีกสารพัดเรื่องที่เธอก็ลืมไปแล้ว แต่ทุกครั้งที่จะอ้าปากพูดแม่ต้องผลัดไปก่อนทุกที
    “เอาไว้ก่อนได้ไหมแม่กำลังยุ่ง”
    “อะไรหนักหนาแกนี่เรื่องเยอะจริงๆ”
    “โตแล้วก็คิดเอาเองบ้างสิ ถ้าไม่มีแม่แล้วจะทำยังไง”
    แม่มักพูดประโยคเหล่านี้ด้วยสีหน้าที่ส่อแววรำคาญ และปัดมือเพื่อให้เธอออกไปให้พ้นหูพ้นตาเสมอเมื่อเธอต้องการคำปรึกษาอะไรสักอย่าง ดูเหมือนว่าทุกเรื่องของแม่จะสำคัญเสมอ ยกเว้นเรื่องของเธอ

    เด็กหญิงตัวน้อยใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม กำลังนั่งล้อมวงกินข้าวกับครอบครัว แม้กับจะมีเพียงน้ำพริกกะปิซึ่งดูจากคราบที่ติดขอบถ้วยแล้วคงเป็นถ้วยเก่าที่เหลือจากเมื่อวาน ยอดผักบุ้งที่เก็บมาจากริมรั้วลวก และไข่เจียวบางๆ อีกหนึ่งจาน ไม่ใช่อาหารที่เลิศหรูแต่ช่างเป็นการกินข้าวที่ดูเอร็ดอร่อยที่สุดในโลกสำหรับเด็กน้อย พ่อกับแม่ปรึกษากันเรื่องค่าเทอม ค่าน้ำค่าไฟ และยังกับข้าวในวันพรุ่งนี้อีก แต่ไม่มีน้ำเสียงใดที่แสดงถึงการตำหนิติเตียนอีกฝ่าย ถ้อยคำส่งแรงใจต่อกันฟังแล้วเหมือนยาขนานเอกที่หมอคนใดในโลกก็ไม่สามารถปรุงขึ้นมาได้ ถึงร่องรอยแห่งความกังวลยังเกาะกุมอยู่บนใบหน้าของผู้นำครอบครัวทั้งสอง แต่ก็ไม่วายหันมาถามไถ่ความ
    เป็นไปในชีวิตของลูกอย่างเอื้ออาทร

    “แม่คะวันนี้เรียงความเรื่องครอบครัวของฉันที่หนูให้แม่อ่านมื่อวานนี้ได้คะแนนเต็มด้วยค่ะ ครูชมว่าหนูเขียนเก่ง แม่ว่าโตขึ้นหนูเป็นนักเขียนดีไหมคะ ? ” เสียงเล็กๆ นั้นเจื้อยแจ้ว แม่ฟังอย่างใส่ใจในขณะที่ลูบหัวเธอไปด้วย

    “ไหนเมื่อวันก่อนหนูบอกว่าอยากเป็นพยายาลไงลูก” แม่ถามกลับเพราะอยากหาเรื่องมาคุยกับลูกสาว

    “แม่อยากให้หนูเป็นพยายบาลหรือจ๊ะ ? ” เด็กหญิงถามกลับเมื่อซุกหัวลงที่ตักของแม่

    “เป็นอะไรก็ได้แล้วแต่หนู แม่ขอแค่ให้ลูกเป็นคนดีก็พอแล้ว” แม่ตอบมือยังลืมหัวลูกอยู่ เด็กหญิงยิ้มให้ผู้เป็นแม่ เธอนอนหนุนตักแม่ฮัมเพลงที่ชอบอย่างร่าเริง

    มันนานมาแล้วที่ครอบครัวของเธอเคยอบอุ่นนานขนาดที่เธอคิดว่ามันอาจเป็นเพียงความฝัน หรืออาจไม่เคยเกิดขึ้นเลยในชีวิตของเธอ ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นเกิดขึ้นในบ้านหลังเล็กๆ มันเล็กว่าบ้านหลังนี้มาก อาจเพราะความคับแคบกระมังที่ทำให้ไออุ่นแผ่กระจายได้ทั่วถึง ไม่เหมือนบ้านหลังนี้ที่ใหญ่จนหากันแทบไม่เจอ พ่อกับแม่จึงไม่เห็นว่าเธอเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง เด็กสาวเริ่มมีน้ำมีนวลขึ้น เหม็นกลิ่นอาหาร คลื่นไส้อาเจียน  จนกระทั่งเธอเป็นลมลื่นล้มไถลไปตามขั้นบันไดในบ่ายวันหนึ่งขณะกำลังเดินเข้าห้องเรียน เลือดที่ไหลลงมาตามขาทำให้เพื่อนและครูตกใจรีบนำเธอส่งโรงพยาบาล

    “เธอลองเล่นแคมฟร็อกสิ มีเพื่อนๆที่ให้คำปรึกษาเราเยอะแยะเลย” เพื่อนคนหนึ่งบอกเมื่อเธอเปรยเรื่องที่บ้านให้ฟัง

    “ยังไงหรือฉันเล่นไม่เป็น” เธอเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

    “แหม ! เธอนี่เชยจริงๆ" เพื่อนสาวคนเดิมบ่นด้วยรอยยิ้มเหยียดๆ ก่อนที่จะอธิบายวิธีเล่นโปรแกรมที่ว่าให้เธอฟัง เย็นวันนั้นเธอจึงขอให้เพื่อนช่วยพาไปซื้อกล้องสำหรับติดตั้งกับคอมพิวเตอร์

    จากคุณ : gagayear - [ 4 มิ.ย. 50 17:26:47 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom