บันทึกของคนเดินเท้า
ทุกข์สองต่อ
เทพารักษ์
ในยุคปัจจุบันข่าวพาดหัวบนหน้าหนังสือพิมพ์รายวัน มีการประดิษฐ์ถ้อยคำให้สั้น กระทัดรัด และมีความหมายเฉพาะ จนบางทีผู้อ่านก็เดาไม่ถูกว่าเป็นเรื่องอะไร ถ้าไม่เปิดดูเนื้อข่าว ซึ่งอาจจะเป็นกลวิธียั่วยุให้ผู้ที่ยืนดูอยู่ อยากจะซื้อไปอ่านเนื้อเรื่องข้างในก็ได้
การกระทำเช่นนี้มีมานาน ตั้งแต่เริ่มมีหนังสือพิมพ์เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ข้อความนั้น ๆ ก็แตกต่างกันไปตามแต่ละยุค และสมัยที่นิยมกันในเวลานั้น ลองดูพาดหัวข่าวนี้ก็ได้
ปลดสปัสซั่มสาวแล้วเข้ากรง
ถ้ายังเดาไม่ออกก็ลองดูหัวรองว่า
สองหนุ่มปวดสะดือจนตัวโก่ง หาทางใช้แบ๊งค์เก๊ปลดสปัสซั่มจนได้เรื่อง
คราวนี้คงจะพอเข้าใจได้บ้างถ้ารู้ว่า สปัสซั่ม หมายถึงอะไร เอาละเรามาดูเนื้อข่าวกันดีกว่า
เมื่อเวลาประมาณ ๒๐ น.ของวันที่ ๑๘ สิงหาคม นายจั๊ว(นามสมมุติ) ทำงานอยู่โรงพิมพ์แห่งหนึ่งข้างวัดบพิตรพิมุข กับนายเซ้ง (นามสมมุติเหมือนกัน) ทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งแถวถนนเสือป่า ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน และยังเป็นโสดทั้งคู่
ตามวันเวลาดังกล่าวแล้ว สองหนุ่มลูกจีนชวนกันออกมาเที่ยวเตร่แถวสะพานเหล็ก เพื่อเลือกหาสาวหน้าแฉล้มร่วมทางไปสวรรค์ แต่เมื่อนำธนบัตรใบละ ๑๐๐ จ่ายให้นางแม่เล้าเจ้าสำนัก ก็ต้องรับกลับคืน เพราะอาเฮียขายของชำที่ไปขอแลกเป็นใบย่อย บอกว่าเก๊
สองหนุ่มขัดใจเพียรไปแลกแห่งอื่นอีก ก็ไม่ได้ผลสมประสงค์ เพราะใบละร้อยอันจะเป็นค่าผ่านทางขึ้นสวรรค์นั้น เก๊จริง ๆ สองคนก็ตระเวนไปอีก จนถึงสำนักของนางเติม (นามสมมุติ)
และเมื่อใบละร้อยนั้นแลกเปลี่ยนไม่ได้อีก นายนายเซ้งเกิดอาการเกร็งจนหน้าตึงเป๋ง จึงควักใบละสิบจ่ายให้ (ตามราคา) แล้วจูงมือนางสม (นามสมมุติทั้งนั้น) เข้าห้อง โดยเพื่อนอีกคนหนึ่งนั่งงุ่นง่านรอคอยอยู่ เพราะมีเศษเงินเพียงเท่านั้น
ฝ่ายอาเสี่ยที่ถูกแลกใบละร้อย ทำนองเทียวไล้เทียวขื่อของสองหนุ่ม เกิดอาการสงสัย จึงไปกระซิบตำรวจยามที่เคยเป็นขาประจำน้ำชากาแฟ เมื่อโปลิศรู้ความกระนั้นแล้ว จึงรุดหน้าไปยังสำนักนางเติม เพราะรู้ความว่าเจ้าของแบ๊งค์เก๊กำลังสำราญอยู่ที่นั่น
พอไปถึงก็เป็นเวลาที่นายเซ้งออกมายืนหอบฮักอยู่ จึงเข้าตรวจค้นฐานสงสัย และได้แบ๊งค์ปลอมใบละ๑๐๐ บาทในตัวนายเซ้งอีกใบหนึ่ง โปลิศจึงรวบตัวสองหนุ่มไปโรงพักสำราญราษฎร์
เป็นอย่างไรบ้าง กับสำนวนเขียนข่าวแบบโบราณ เพราะข่าวนี้ได้มาจากหนังสือพิมพ์ ฉบับวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๔๙๓ แต่เพื่อความสมบูรณ์ของบันทึก จึงขอนำเนื้อความโปรยหัวข่าวมาสรุปในตอนท้ายนี้ด้วย เขาบรรเลงไว้ดังนี้
เจ้าหนุ่มรูปหล่อทั้งกำลังสดอดเปรี้ยวหวานมันเค็มมาหลายเวลา ก็เกิดอาการ เกร็งขนาดหนัก เพื่อระงับโรคปวดสะดือให้หายไปชั่วครั่งชั่วคราว จึงเตร่มาแสวงหาความสำราญด้วยนางโลมหน้าแฉล้ม แต่ขนบประเพณีแม่เล้านั้น มักจะถือเป็นหลักเกณฑ์ว่า ผิว์เจ้าหนุ่มหน้าใดจะเปิดประตูห้องสวรรค์ด้วยดรุณีใดแล้ว จะต้องจ่ายทรัพย์เป็นค่าล่วงหน้าก่อน ขืนปล่อยปละละเลยแล้วไซร้ หนุ่มมันเหยียบคั่นบรรไดสวรรค์แล้ว จะเล่นลูกไม้บิดพริ้ว เจ้าหนุ่มซึ่งกำลังเกร็งควักใบละร้อยเหมือนจะอวดว่า ฉันนี่แหละอาเสี่ย แต่เมื่อแม่เล้าเอาไปขอแลกเพื่อจ่ายทอนกันไปตามกฎหมาย จึงรู้ว่าแบ๊งค์นั้นรัฐบาลไม่ได้เป็นผู้ทำ หนุ่มมันก็รับคืน แต่อาการเกร็งไม่หายจึงต้องตระเวนไปแห่งอื่น เมื่อรู้ไปถึงตำรวจ จึงถูกลากไปนอนกรงขัง ฐานพยายามใช้แบ๊งค์เก๊
ข้อความนี้ ถ้านักข่าวที่สำเร็จวิชาการหนังสือพิมพ์ ในสมัยปัจจุบันได้อ่าน จะเกิดความ รู้สึกอย่างไรหรือไม่ ก็ไม่ทราบ.
############
จากคุณ :
เจียวต้าย
- [
6 มิ.ย. 50 06:24:55
]