เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก.ตอหลด.ตอแร๋
สิ่งต่าง ๆ มากมายผ่านเข้ามาในชีวิตอันเฮงซวย ชีวิตนี้ของผม มีทั้งดี แล้วก็ไม่ดีปะปนกันไป
ประสบการณ์สอนคน นี่เป็นเรื่องจริง มันสอนผมได้มากเลยทีเดียว
หลาย ๆ ครั้ง เมื่อผมยังมีไฟ เป็นวัยรุ่นไฟแรง หรือไม่ก็ยังไม่เจนโลกเพียงพอ
ผมบอกตัวเองไว้เสมอว่า ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ถ้าเรามีความพยายามเสียอย่าง
แต่เวลาผ่านไป สิ่งต่าง ๆ ปะทะเข้ามา มันสอนผมได้ว่าสิ่งที่ผมคิดมันไม่เป็นจริงเสมอไป
คนเราต้องเจียมตัว และ อยู่ในที่ ๆ คนอย่างเราควรอยู่!!!
เปรียบตัวเองได้กับหมาน้อยตัวนึง มีขี้เรื้อนขึ้นทั้งตัว เป็นหมาหน้าตาขี้เหร่
ไม่มีใครอยากได้ไปเลี้ยง หมาตัวนี้ อาศัยอยู่ข้างสนามบินสุวรรณภูมิ!!!
สนามบินที่ใหญ่ที่สุดในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก....
แน่นอน มันก็ได้อยู่แค่ข้าง ๆ บางวันมันก็ต้องวิ่งหนีรถที่วิ่งเข้าวิ่งออกจากสนามบิน
หลายครั้งที่มันพยายามข้ามถนน เพื่อที่จะไปอีกฝั่งนึง เผื่อว่าจะมีอะไรให้มันกินบ้าง
แต่ก็ต้องชอกช้ำกลับมา โดนรถเฉี่ยวบ้าง โดนบีบแตรไล่บ้าง
มีหลายครั้งเหมือนกันที่อีกเพียงไม่กี่ก้าว มันก็จะข้ามไปอีกฝั่งนึงได้แล้ว
แต่ก็ต้องวิ่งแจ้นกลับมา เพราะมีคนถือไม้มาไล่!!!!!
เค้าไล่มันทำไม ที่เค้าไล่มันเพราะมันเป็น หมาขี้เรื้อน หมาไม่มีชาติตระกูล
ไม่มีปลอกคอ ไม่มีเจ้าของ ไม่มีอาหารดี ๆ กิน ไม่มีที่นอนเป็นหลักแหล่ง
พ่อแม่มัน มันยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่จำความได้ มันก็เกิดอยู่ตรงนี้อยู่แล้ว
นั่นแหล่ะ หมาตัวนี้จึงกลัวกับการที่จะข้ามไปอีกฝั่งนึง
นานวันเข้า มันก็เริ่มรู้ตัวเองว่า ที่ ๆ มันควรอยู่ คือฝั่งนี้ ไม่ใช่อีกฝั่งนึง
จนวันนึง มันแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า มันเห็นเครื่องบินลำนึง
ทาปีกสีขาว หางสีแดง ข้าง ๆ เครื่องทาสีฟ้าสดใส!!!
หมาขี้เรื้อนตัวนั้น ไม่รู้ว่า สิ่งนั้นคืออะไร เพราะขนาดข้ามถนนยังไม่ได้
แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่มันเห็นนั่นคือ เครื่องบิน!!!
หมาน้อยหลงไหลในสิ่งที่มันเห็น มันจะคอยนั่งชะเง้อคอมองเครื่องบินลำนั้นอยู่ทุกวัน
จนมันจำได้ว่า เวลาใดที่เครื่องบินลำนี้จะขึ้น และก็จะบินผ่านหัวมันไป
ความต้องการของมันเริ่มเพิ่มมากขึ้น มันอยากเข้าไปเห็นเครื่องบินลำนั้นใกล้ ๆ
แต่จะทำยังไง ในเมื่อ แม้กระทั่งอีกฝั่งนึงมันก็ยังข้ามไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
มันนั่งจับจ้องอยู่ริมถนน พลันสายตาของมันก็ไปสะดุดอยู่ที่หมาน้อยน่ารักตัวนึง
เป็นหมาพันธฺดี มีปลอกคอสีชมพู ตัดขนอย่างดี ยื่นหัวออกมาจากหน้าต่างรถที่วิ่งผ่านไป
หมาตัวนั้นหันมามองด้วยสายตาเหยียดหยาม จนกระทั่งรถคันนั้นเลี้ยวเข้าสนามบินไป
รถไปจอดตรงที่จอดรถฝั่งตรงกันข้าม มันเห็นหมาตัวนั้นถูกจูงอย่างสง่าผ่าเผย
วิ่งเชิดหน้าตามเจ้าของเข้าไปในสนามบิน เข้าไปใกล้กับเครื่องบินลำที่มันหลงไหล
มันมองตามด้วยความอิจฉา พลางคิดว่า ทำอย่างไร มันถึงจะไปที่นั่นได้
คิดไปคิดมา ใช่แล้ว เนื้อตัวของมันสกปรก ไม่มีใครอยากต้อนรับ
หน้าตามันไม่ดี ไม่น่ารัก ผอมกระหร่อง ถ้าไปในสภาพอย่างนี้
มีหวังโดนไล่กลับมาอีกแน่ ๆ
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หมาตัวนี้ ก็พยายามรักษาตัวเอง เอาตัวไปคลุกฝุ่น
เพื่อกำจัดขี้เรื้อนออกไปจากตัว ลงไปว่ายน้ำที่บ่อน้ำครำข้าง ๆ เพื่อทำความสะอาดอยู่บ่อย ๆ
แน่นอน ช่วยอะไรไม่ได้มาก เพราะบ่อนั่น มันก็สกปรกพอกัน!!!!
มันพยายามกินทุกอย่างที่ขวางหน้า เผื่อจะได้อ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้นมาบ้าง
ความพยายามเป็นผลขึ้นมานิดนึง เมื่อขนของมันเริ่มขึ้นมาเป็นหย่อม ๆ
เวลาผ่านไป ขี้เรื้อนบนตัวของมันก็ค่อย ๆ หายไป ตามความเข้าใจของมัน
ขนเริ่มมากขึ้น
มันส่องเงาตัวเองในบ่อน้ำครำแห่งเดิม "อืมมม ใช้ได้แล้ว"
แต่เหมือนจะขาดอะไรไปอย่างนึง อะไรน๊า
ใช่ล่ะ ปลอกคอ มันยังไม่มีปลอกคอ
มันเดินตะเวณไปรอบ ๆ ไปเจอเข้ากับเชือกฟางสีแดงเส้นหนึ่ง
มันพยายามจะเอาเชือกฟางเส้นนั้น มาผูกรอบคอตัวเองให้ได้
แต่หมา ไม่ใช่คน มันผูกเองไม่ได้ จนในที่สุดมันก็จนปัญญาที่จะเอาเชือกฟางเส้นนั้น
มาผูกเข้ากับคอตัวเอง มันเดินคาบเชือกฟาง หมดอาลัยตายอยาก เดินคอตกไปเรื่อย ๆ
จนไปเจอเข้ากับขอทานคนหนึ่ง ที่นั่งอยู่ในสถานีขนส่งฝั่งที่มันอาศัยอยู่
ขอทานหันมาเป็น ก็แปลกใจ ที่เห็นหมาตัวนี้เดินคาบเชือกฟางติดปากมาด้วย
ด้วยความสงสาร ขอทานจึงโยนเศษขนมให้มัน มันจ้องมองด้วยความสงสัย
แต่จนแล้วจนรอด มันก็ไม่ยอมปล่อยเชือกฟางออกจากปากมัน!!!!
มันเดินมานั่งใกล้ ๆ ขอทานพลางส่งสายตา เพราะมันพูดไม่ได้
ในสายตาของมัน อ่านได้ว่า "ผูกปลอกคอให้หน่อย"
"เอ็งจะให้ข้าทำอะไร"
"งึ๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ" มันส่งเสียง พลางคายเชือกฟางไว้ตรงหน้า แล้วเอาจมูกดุน ๆ ให้ขอทาน
"ให้เชือกข้าทำไม" ขอทานเอ่ยปากถาม
"งึ๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ" มันส่งเสียงอีกครั้ง พร้อมทั้งล้มตัวลงนอนกับพื้น พยายามไสหัวของมันมาใกล้ๆ
"จะให้ข้าผูกเชือกนี่กับคอเอ็งเร๊อะ!!!"
"งึ๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ" มันพยุงตัวลุกขึ้นนั่งทันที พลางยื่นคอมาให้ขอทาน
"ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ" เออเว้ย อยากมีปลอกคอกับเค้าด้วย มา ๆ เดี๋ยวข้าผูกให้
ว่าแล้วขอทานก็ผูกเชือกเข้ากับคอของมัน "อ่ะ เสร็จแล้ว"
มันส่งเสียงขอบคุณขอทานคนนั้น พลางเดินกลับไปที่บ่อน้ำครำบ่อเดิม
มันส่องลงไปในบ่อ เห็นเงาตัวเองมีปลอกคออย่างที่มันตั้งใจ
มันพร้อมแล้ว สำหรับการข้ามฝั่งไปหาเครื่องบินลำที่มันรัก
........................................................
หมาตัวนั้น ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ริมถนน ที่มีรถวิ่งสวนกันไปมาไม่ได้ขาดสาย
มันเคยโดนรถชนมาแล้วครั้งนึง แต่คราวนี้ มันตั้งปณิธานไว้แล้วว่ามันจะต้องข้ามไปให้ได้
มันกะจังหวะ แล้วก็หลับตาวิ่งออกไปอย่างสุดแรง!!!!
เอี๊ยดดดดดดดดด เอี๊ยดดดดดดดดดดดดด
"ไอ้หมาบ้า" เสียงก่นด่าออกมาจากรถที่เบรกกันตัวโก่ง เมื่อมีหมาวิ่งตัดหน้า
มันลืมตาขึ้นอีกครั้งพร้อมสำรวจไปรอบ ๆ ใช่แล้วมันทำสำเร็จ
มันข้ามมาอีกฝั่งนึงจนได้ คราวนี้มันไม่ต้องกลัวอะไร ปลอกคอมันก็มี
ขนมันก็มีแล้ว ตัวมันก็ไม่ผอมกระหร่องเหมือนเมื่อก่อน
มันเดินอย่างสง่าผ่าเผย ตรงเข้าไปในสนามบินแห่งนั้น!!!!!
.............................................................
มันมองไปที่เครื่องบินลำที่มันเฝ้ามองมานาน มันเดินตรงไปที่นั่น
เดินตรงไป ตรงไป ตรงไป........... ในที่สุดมันก็จะได้เจอกับสิ่งที่มันเฝ้ามองมานานแล้ว
"เฮ้ย ใครปล่อยให้หมาจรจัดเข้ามาเดินในนี้วะ" เสียงของพนักงานสนามบินดังโวยวายขึ้น
หลังจากนั้น มือนับไม่ถ้วนก็พากันมาจับที่ตัวของหมาตัวนั้น
มันพยายามดิ้นอย่างสุดแรง เพื่อที่จะไปที่เครื่องบินลำนั้นให้ได้
แต่ทว่าไม่เป็นผล มันโดนเอาตะกร้อครอบปาก โดนเชือกผูกที่ขาทั้ง 4
มันโดนลากออกมานอกตัวสนามบิน
"แหม เผลอไม่ได้เลยนะมรึง" เสียงของเจ้าหน้าที่สนามบินบ่น
"เผลอแป๊ปเดียว ข้ามฝั่งมาแล้ว โน่น กลับไปอยู่ที่ของเอ็งโน่น อย่าสะเอ่อข้ามมาอีก"
ว่าแล้ว เจ้าหน้าที่สนามบิน 2 คนที่ลากมันมา ก็พาตัวข้ามฝั่งกลับมาที่ ๆ มันเคยอยู่
ถอดตะกร้อครอบปากออก ตัดเชือกที่ผูกขาทั้ง 4 ข้าง แล้วโยนมันเข้าไปในป่าข้างทาง
............................................................
หมาตัวเดิม นั่งอยู่ริมถนนฝั่งเดิม มีขี้เรื้อนขึ้นเต็มตัว ผอมกระหร่องไม่ต่างอะไรกับตอนแรก
มันนั่งมองเครื่องบินลำที่มันหมายปอง มันนั่งแหงนมองอยู่อย่างนั้น
มันมอง ทั้ง ๆ ที่เครื่องบินลำนั้น ไม่เคยใส่ใจมันเลยด้วยซ้ำ
หลาย ๆ ครั้งที่มันเห่า เผื่อเครื่องบินลำนั้นจะได้ยิน แต่ก็ไร้การตอบสนอง
...........................................................
และสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทำให้หมาตัวนั้นรู้ว่า
มันควรอยู่ในที่ ๆ มันควรอยู่ อย่าทะลึ่ง เอาตัวไปอยู่ในที่ ๆ ไม่ควร
แล้วเครื่องบิน มันก็เป็นเครื่องบินวันยังค่ำ แม้ว่ามันจะส่งเสียงให้ได้ยินบ้าง
แต่ก็อย่างหวัง ว่าเครื่องบิน จะรับมันขึ้นไปด้วย
เพราะฉะนั้น สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวก็คือการนั่งแหงนมองเครื่องบินลำนั้นต่อไปเรื่อย ๆ
นั่งมองมันไปเหอะ!!!! อย่าทะลึ่งอยากขึ้นเครื่องบิน!!!!
สมันน้อย เบอร์ 14
จากคุณ :
สมันน้อย เบอร์ 14
- [
8 มิ.ย. 50 11:52:34
]