ไม่ได้เขียนเรื่องสั้นตั้งนานรู้สึกคิดถึง ตั้งใจมาแปะให้ทุกๆคนอ่านกันนะครับ ขอให้มีความสุข ......(^ ^)
________________________________________________________
รถหกล้อคันใหญ่คำรามดังกระหึ่มเคลื่อนตัวมาตามถนนในซอยบ้านผม มันพาข้าวของสัมภาระมากมายผ่านหน้าผมไปและหยุดเคลื่อนที่ ปล่อยให้เสียงเครื่องยนต์ดังต่อไปสักพักหนึ่งก่อนที่มันจะสงบนิ่งตรงข้างบ้านของผมนี่เอง คนขับรถหกล้อกับพวกอีกสองคนที่นั่งมาด้วยกันกระโดดลงจากรถ ต่างเริ่มปลดเชือกและจัดการกับตู้เตียงทั้งสัพเพเหระที่ท้ายรถ บ้านไม้โบราณหลังเก่าพร้อมบริเวณกว้างกว่า 200 ไร่ ที่เคยร้างคนอาศัยมาแรมปีบัดนี้ได้มีเจ้าของใหม่เสียที มันถูกบูรณะซ่อมแซมจนไม่เหลือเค้าของความทรุดโทรม มันดูน่าอยู่อาศัยขึ้นเป็นกอง
ผมเองรู้สึกปิติตามไปด้วย เพราะความขาดแคลนเพื่อนบ้านทำให้ผมประสาทจะกิน ยิ่งเป็นคนโสดที่ต้องเครียดกับงานโดยไม่มีคู่ทุกข์คู่ยากคอยประคับประคองกันด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ผมยินดีกับการมีเพื่อนบ้านใหม่มากขึ้นไปอีก
วันนี้วันหยุดงานของผมพอดีจึงนับว่าเป็นโอกาสเหมาะกับการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ผมรีบคว้าเสื้อยืดมาใส่และเปลี่ยนเป็นสวมกางเกงยีนส์เพื่อเตรียมตัวไปแสดงน้ำใจต่อเพื่อนบ้านรายใหม่
ขณะที่ผมกำลังปิดประตูบ้านก็พลันเห็นรถยนต์หรูแบบยุโรปแล่นเอื่อยมาจอดเทียบใกล้ๆกลับรถหกล้อ ผมไม่รอช้ารีบเดินไปยืนข้างๆรถคันนั้นห่างพอประมาณ
ผมรอคนสองคนเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งให้ก้าวลงจากรถยุโรปนั่นจึงค่อยเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและเป็นมิตร
สวัสดีครับ เพื่อนบ้านใหม่ทั้งสองยืนมองมาที่ผมด้วยสายตาฉงนแบบคนไม่รู้จัก
ผม ปรเมศ ครับ อยู่บ้านติดกันนี่เอง หญิงสาวฉีกยิ้มต้อนรับกับรอยยิ้มของผม
โอ้ว !!
.ค่ะ.... สวัสดีค่ะ ฉันปานดาว ....และนั่นสามีฉัน เธอชี้มือไปอีกฟากหนึ่งของรถที่ด้านคนขับซึ่งผมก็มองตามนิ้วของเธอจนสบตากับชายกลางคนที่กำลังมองผมด้วยสายตาราบเรียบเย็นชาอยู่ก่อนแล้ว ผมมองเขาตอบแล้วเอ่ยทัก
สวัสดีครับ คุณ....... ผมยกมือไหว้ค้างอยู่เสี้ยวหนึ่งก่อนที่ชายกลางคนจะเอ่ยขึ้น
กานต์ ครับ......ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณ.......อะไรนะ เขาพูดพร้อมกับรับไหว้ผม
ปรเมศ ครับ เรียก ปอ เฉยๆก็ได้ครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ
คุณ ปอ อยู่บ้านข้างๆหลังที่เราซื้อหรือคะ
ใช่ครับ ผมเห็นมันร้างมาตั้งนานตอนนี้ทาสีใหม่ซะสวยเชียวนะครับ น่าอยู่ดีครับ
ผมเพิ่งสังเกต ปานดาว ได้ถนัดชัดสายตาก็ขณะนี้นี่เอง เธอเป็นหญิงสาวที่รูปร่างหน้าตาและผิวพรรณอยู่ในเกณฑ์ที่พูดว่าสวยได้อย่างเต็มปาก ใบหน้าอิ่มเอิบแก้มเป็นสีชมพูระเรื่อรับกับเรือนผมสีดำเข้มเหยียดตรงทิ้งตัวลงมาเคลียไหล่ประมาณหนึ่งก่อนจะยาวลงไปถึงกลางหลัง กระดุมบนเสื้อสีแดงสดตัดกับผิวที่ขาวดุจไข่ปอก บัดนี้มันดูเหมือนจะขาดปริแยกออกด้วยถันเต่งตึงเป็นตัวการที่ซุกซ่อนอยู่ภายในอย่างน่าอึดอัด อย่าว่าแต่ชายโสดอย่างผมเลยต่อให้ชายที่มีภรรยาสักสิบคนก็ไม่ลังเลที่จะรับปานดาวเพิ่มอีกคนหนึ่ง คิดๆไปก็ให้รู้สึกอิจฉาคุณกานต์ ช่วงเวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่ผมมองดูเธอทำให้ผมคิดเตลิดเปิดเปิงไปได้ไกลแสนไกล หากเสียงทุ้มลึกของสามีเธอช่วยรั้งสติของผมกลับมาอีกครั้ง
พวกเราขอตัวไปขนของก่อนนะครับ
ครับ ให้ผมช่วยนะ วันนี้ผมหยุดงาน ว่างทั้งวันเลยครับ ผมอาสา
จะดีหรือคะคุณปอ
เกรงใจนะคะ
ดีสิครับ ผมยินดีช่วย ปานดาวกำลังจะเอ่ยคำทักท้วงแต่ก็ถูกแทรกด้วยสามีของเธอ
เอาเถอะครับ ขอบคุณคุณปอมากนะครับ ไป...เราไปดูบ้านใหม่กัน ชายกลางคนยิ้มให้ผมก่อนเดินนำเราทั้งหมดไปที่รถหกล้อ
ผมกับเพื่อนบ้านใหม่รวมทั้งเด็กยกของที่มาพร้อมคนขับรถช่วยกันยกข้าวของลง ใครหยิบอันใดได้ก็นำไปวางไว้ เรื่อยๆจนกระทั่งรถหกล้อไม่เหลือสิ่งใดที่ท้ายรถอีก ข้าวของ
ระเกะระกะไปทั่วห้องโถงในบ้าน กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางคงต้องกินเวลาไม่น้อย ผมอยากช่วยเพื่อนบ้านใหม่ของผมต่อ แต่ดูเหมือนจะเป็นการก้าวก่ายจนเกินไป พวกเขาสมควรขนย้ายและตกแต่งภายในบ้านด้วยตัวพวกเขาเอง ผมจึงขอตัวแยกกลับ
ผมขอตัวกลับไปอาบน้ำอาบท่าก่อนนะครับ คุณปานดาว คุณกานต์
ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยพวกเราวันนี้
ขอบคุณนะครับ ให้พวกเราเลี้ยงอาหารเย็นเป็นการตอบแทนนะครับ คุณปอ
เอ่อ.....อือ...จะดีหรือครับ
ดีสิครับ คืนนี้เชิญที่บ้านนะครับ ประมาณหกโมงเย็นมากดกริ่งที่หน้าบ้านได้เลยนะครับ ชายกลางคนเอ่ยชักชวนด้วยตัวเองในขณะที่ภรรยาของเขาก็ยิ้มหวานเชื้อเชิญด้วยเช่นกัน
ตกลงครับ หกโมงเย็นครับ
ผมกลับหลังหันเดินออกจากบ้านพวกเขาโดยมีภาพของปานดาวติดตากลับบ้านไปด้วย ภาพสาวสวยรกอยู่ในสมองมากมายก่ายกอง ผมขึ้นไปที่ห้องบนชั้นสองของบ้านอาศัยน้ำจากฝักบัวเย็นๆช่วยลบความคิดสกปรกที่ผุดขึ้นในสมองอย่างต่อเนื่องเหมือนเห็ดที่แข่งกันงอกงามหลังจากฝนห่าใหญ่ผ่านพ้นไป ผมเดินเปลือยล่อนจ้อนออกมาจากห้องน้ำคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กมาขยี้ศีรษะที่เปียกปอน ผมยืนเช็ดหัวอยู่อย่างนั้นจนผมที่เปียกเกือบแห้งสนิทจึงได้รู้ตัวว่าได้มายืนอยู่ที่หน้าต่างด้านที่มองออกไปเห็นบ้านไม้ของเพื่อนใหม่อย่างถนัดอยู่นานสองนาน ที่สำคัญผ้าม่านไม่ได้ปิดเสียด้วย ก่อนจะหลบลี้ให้พ้นไปจากจุดที่ยืนอยู่ผมก็พลันสะดุดกับสายตาของใครคนหนึ่ง เธอนั่นเอง ปานดาว เพื่อนบ้านคนใหม่กำลังยืนจ้องมองมาที่ผมด้วยความตะลึงพรึงเพริด หล่อนบังเอิญเห็นชีเปลือยขณะกำลังจัดบ้านอยู่กระมังในมือเธอกำลังอุ้มแจกันลายครามใบใหญ่ค้างอยู่ ผมรีบกุลีกุจอหลบฉากไปให้พ้นสายตาของเธอ ผมนึกตำหนิตัวเองอยู่ในใจ เพราะความเคยชินแท้ๆเลยเชียวผมลืมไปว่าตอนนี้ที่บ้านไม้หลังนั้นไม่ได้ร้างคนอาศัยดังเช่นแต่ก่อนแล้ว ผมรีบสวมเสื้อผ้าแล้วรูดม่านปิดเสียให้มิดชิด นึกอับอายขายหน้าอย่างบอกไม่ถูก เย็นนี้ผมจะมองหน้าเธอได้อย่างไร
แล้วผมก็ครุ่นคิดถึงแต่เรื่องน่าอายนั่นจนกระทั่งถึงเวลาที่นัดหมาย ผมรวบรวมความกล้าจนรู้สึกว่าผิวหน้าเริ่มหนาขึ้นจึงได้สลัดความคิดออกไปจนสิ้น ออกจากบ้านเดินเลี้ยวไปหยุดที่หน้าบ้านเพื่อนใหม่แล้วกดกริ่ง ชั่วอึดใจสามีของปานดาวจึงก้าวออกมาเปิดประตูรับผมเข้าไปในบ้าน เพียงก้าวแรกนาสิกประสาทก็บอกสมองผมว่ากลิ่นกับข้าวที่ผมได้สัมผัสอยู่นี้ช่างเย้ายวนจริงๆ ผมเดินเหมือนลอยไปกับกลิ่นนั่นขณะชมบ้านของเพื่อนใหม่ที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางหมดแล้ว พวกเขาจัดการได้รวดเร็วดีจริงๆ คุณกานต์เชิญผมไปนั่งที่โต๊ะอาหารที่มีเทียนหอมจุดตกแต่งอยู่รอบๆ พลางรินวิสกี้ใส่แก้วใสประกายแวววาวสะท้อนรับแสงเทียนให้ผมจิบ
บ้านหลังนี้อันที่จริงแล้วสวยน่าอยู่ทีเดียวนะครับ คุณกานต์
ใช่ครับ ตอนแรกที่มาดูเห็นมันรกรุงรังสกปรกไปหมดก็เกือบถอดใจเหมือนกันนะครับ
ผมว่าพวกคุณคิดถูกแล้วล่ะครับ ดูสิ ตอนนี้มันต่างจากเมื่อก่อนลิบลับเลยนะครับ
คุณทำงานที่ไหนหรือครับ คุณปอ
ผมเป็นพนักงานบริษัทธรรมดาเองครับ.....คุณล่ะครับ
ลองเดาสิครับ ผมเห็นข้าวของกับชุดสูตสีดำหลายชุดเมื่อตอนช่วยเขาขนของจึงเดาได้อย่างมั่นใจว่า
คุณเป็นทนายความใช่ไหมครับ
ฮะๆๆ คุณนี่เดาเก่งจริงๆนะครับ เก่งอะไรกันดูท่าทางก็รู้แล้ว ผมคิด
ผมกับสามีของปานดาวนั่งเสวนารอกับข้าวอยู่ที่ห้องอาหารตามประสาผู้ชายทั่วไป จนปานดาวในชุดทำครัวเดินออกมาพร้อมถาดที่มีอาหารน่าตาน่ากินวางอยู่ เธอเดินกระฉับกระเฉงตรงมาที่โต๊ะอาหาร ผมอยากมองเธอให้เต็มตากว่านี้แต่ก็ไม่กล้าสบตาเธอมาก เนื่องจากเรื่องความอับอายเมื่อช่วงกลางวันได้ผุดขึ้นมาในสมองผมอีกครั้งทันทีที่เห็นเธอ แต่เธอดูเหมือนไม่ใส่ใจอันใดที่ได้เห็นชีเปลือยเมื่อตอนกลางวันเธอมองผมด้วยสายตาปกติ ทำให้ผมคลายความกังวลไปได้ เมื่อไม่อายผมจึงได้มองเธออย่างถนัด น่าแปลกที่เธอเดินว่องไวอย่างนั้นแต่ผมกลับเห็นมันเป็นภาพที่เคลื่อนไหวไปช้าๆ ภาพเธอยกกับข้าววางบนโต๊ะก่อนหมุนตัวหันหลังกลับจนเรือนผมสีดำยาวสยายแตกตัวกระจายแผ่กว้างตามทิศทางที่เธอหมุนไป กลิ่นหอมอ่อนๆล่องลอยมาปะทะจนผมเกือบเคลิ้ม ถ้าไม่เพราะสามีเธออยู่ใกล้ๆป่านนี้ผมคงลอยตามเธอไปแล้ว
เราสามคนรับประทานอาหารเย็นกันอย่างครื้นเครงจนเริ่มดึก ใบหน้าของปานดาวเริ่มแดงก่ำด้วยฤทธิ์ของไวน์ที่สามีเธอบรรจงรินให้อย่างต่อเนื่อง ผมเองก็ไม่แพ้กันสามีเธอรินวิสกี้ให้ผมอย่างไม่เกรงกลัวว่ามันจะหมด ส่วนตัวคุณกานต์เองก็เริ่มตึง
เออนี่ ...ดาว ...พรุ่งนี้พี่ต้องเข้ากรุงเทพอีกนะ
อะไรนะคะ จะไปอีกแล้วหรือคะ
อือ เรื่องงานน่ะ ปานดาวมีสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ผมเริ่มรับรู้ถึงบรรยากาศที่กำลังจะเปลี่ยนไป
ไหนพี่บอกว่าจะไม่ไปไหนนี่คะ เราเพิ่งย้ายมาอยู่คืนแรกเองนะ พี่จะไปอีกแล้วหรือ
ก็มันจำเป็นนี่นา
พี่ก็มีเรื่องจำเป็นทุกครั้งนั่นแหละ ไม่ไปไม่ได้หรือคะ เสียงปานดาวเริ่มแข็งและดังขึ้น สามีของเธอไม่น่าพูดเรื่องนี้ขึ้นตอนที่ผมอยู่ด้วยเลย มันทำให้ผมอึดอัด
พี่บอกแล้วไงล่ะว่าเป็นเรื่องงาน !!
แล้วทำไมไม่บอกดาวแต่ทีแรก บอกทำไมว่าจะไม่ไปไหน !! เสียงของปานดาวดังมากขึ้นจนผมผวา ผมมองเธอกับสามีกลับไปกลับมา ความรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน ผมสมควรขอตัวกลับได้แล้ว
โถ่ !! บอกว่ามันจำเป็นไม่ได้ยินหรือไง ผมเพิ่งรู้นี่นาว่าต้องไปพรุ่งนี้ เข้าใจไหม!!!
ผมกำลังจะลุกขึ้นกล่าวลาแต่ก็ต้องวางก้นลงนั่งนิ่งๆเพราะสะดุดกับเสียงแผดลั่นของคุณกานต์ ที่ดังก้องไปทั้งบ้าน เพียงครู่เดียวบรรยากาศที่เคยรื่นรมย์กลับกลายเป็นเงียบกริบในบันดล มันเงียบเหมือนเป่าสากอยู่นานจนผมแทบทนไม่ไหว แต่ทันใดสามีของปานดาวก็ลุกเดินหายลับไปที่ชั้นบนของบ้าน ทิ้งให้ผมนั่งตาปริบๆโดยมีปานดาวนั่งนิ่งตาเหม่อลอยมองแก้วไวน์อยู่อย่างนั้น
เออ.....ผม...... ผมตัดสินใจทำลายความเงียบ
.......อะไรคะ ?
คือ ผมขอตัวกลับ......ก่อนดีกว่าครับ พรุ่งนี้ผมต้องทำงานแต่เช้า ผมพูดจบจึงลุกขึ้นยืน ปานดาวพยักหน้าช้าๆเป็นเชิงให้ผมกลับไปได้ตามสบาย ผมสบตากับหล่อน วูบหนึ่งที่สายตาเราสองคนสบกันผมเห็นสายตาของปานดาวมีประกายเย้ายวนยั่วใจผม ประกายมันส่องมากระทบตาผมอย่างจัง สัญชาติญาณของบุรุษเพศบอกผมว่ามันเป็นสายตาของการเชื้อเชิญแบบที่สตรีเพศพึงกระทำขณะที่เธอหมายปองบุรุษที่เธอต้องการ ผมรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งกายสบตาตอบเธออยู่หลายวินาทีก่อนจะหมุนตัวกลับเดินจากไป ผมหยุดที่หน้าประตูเหลียวหลังกลับไปมองเธออีกครั้งแล้วก็พบกับสายตาแบบเดิมที่ยังคงส่งมาที่ผม
คืนนั้นทั้งคืนผมนอนกระสับกระส่ายข่มตาอย่างไรก็ไม่อาจหลับลง หัวใจชายโสดมันถูกกระตุ้นจนร้อนรุ่มไปทั้งอกเหมือนมันจะระเบิดออกมา ผมลุกขึ้นจากเตียงเดินไปที่หน้าต่างแง้มผ้าม่านส่องมองไปที่บ้านของปานดาว ทั้งบ้านมืดสนิทป่านนี้เธอกับสามีคงหลับกันหมดแล้ว หวังว่าทั้งสองจะไม่ทะเลาะกันอีกนะ
สายวันรุ่งขึ้นผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นพร้อมกับอาการปวดศีรษะอย่างแรง เมื่อคืนคงดื่มมากไปหน่อย อีกทั้งมัวแต่นอนคิดถึงแต่สายตาของปานดาวทำให้นอนหลับไม่เพียงพอ ผมลากสังขารหมายเดินเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวแต่ก็ชะงักที่หน้าต่างเพราะอยากเห็นหน้าสาวข้างบ้าน ผมรูดม่านเปิดออกจนห้องสว่างโล่ อยู่นั่นเองสาวสวยกำลังยืนถือสายยางฉีดน้ำรดต้นไม้อยู่อย่างขยันขันแข็ง จังหวะหนึ่งเธอเดินสะดุดยอดหญ้าจนเซถลาสายยางในมือส่ายไปมาจนน้ำกระเซ็นรดตัวเธอเองเปียกปอนพอประมาณ ชุดนอนบางเบาที่เธอใส่ยังไม่ได้เปลี่ยนจึงแนบติดกับเนื้อขาวเต่งตึงของเธอไปหมด ผมหัวเราะในลำคออยู่คนเดียวที่เห็นภาพเหล่านั้น ความรู้สึกบางอย่างบอกให้ผมตัดสินใจอยู่บ้านไม่ต้องไปทำงาน ผมรีบทำธุระส่วนตัววิ่งลงบันไดไปหยุดที่ประตูบ้านก่อนเดินออกไปภายนอกอย่างแช่มช้า ผมทำทีเดินรดน้ำต้นไม้กระถางเล็กๆที่หน้าบ้านแสร้งไม่ได้สังเกตสาวข้างบ้านจนเธอร้องทัก
อรุณสวสดิ์ค่ะ คุณปอ
อ้าว !! สวัสดีตอนเช้าครับ วันนี้อากาศดีนะครับ แย่จังผมเผลอทักเธอด้วยประโยคสิ้นคิดเข้าให้แล้ว
วันนี้ไม่ไปทำงานหรือคะ
รู้สึกมึนหัวน่ะครับ ขอพักอีกสักวันดีกว่า
อ๋อ....ค่ะ......รดน้ำต้นไม้ทุกเช้าเลยหรือคะ
เอ่อ...ใช่ครับ ปากผมพูดไปทั้งๆที่กำลังรดน้ำลงบนต้นเฟื่องฟ้าที่เหี่ยวเฉาจนเกือบกลายเป็นสีน้ำตาลอยู่รอมร่อ
ดูท่าคุณจะรดน้อยไปกระมังคะ มันถึงได้เหี่ยวขนาดนั้น
ผมอายจนหน้าชาอีกครั้ง เธอทำให้ผมกลายเป็นคนงี่เง่าทุกทีที่ได้อยู่ใกล้ๆ ผมได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน
เรื่องเมื่อคืน ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ น่าอายจริงๆที่เถียงกันต่อหน้าคุณแบบนั้น
อ๋อ ครับ ไม่เห็นเป็นอะไรเลยครับไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ไม่น่าอายซักหน่อยเป็นเรื่องธรรมชาติ
ฮึๆๆ ค่ะ ไม่น่าอายหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เป็นเรื่องธรรมชาติ ฮึๆๆ เธอเน้นเสียงที่คำว่าใหญ่ เธอพูดปนหัวเราะ ผมโดนเธอเล่นงานอีกแล้ว เธอทำผมหน้าแดงเป็นลูกตำลึง
เอ่อ....คุณปอ คะ คือว่า...
มีอะไรหรือครับ
คือ ในบ้านฉันมีของบางอย่างที่ยังไม่ค่อยลงตัวน่ะค่ะ ........... เธอเงียบชั่วอึดใจ
.......ครับ.....
คือ.....คุณช่วยฉันยกของหน่อยได้ไหมคะ ผมหูฝาดไปหรือเปล่าเธอชวนผมไปยกของจริงๆหรืออย่างไรกัน ทำไมเธอต้องมีท่าทางอิดออดเช่นนั้น เธอไม่รู้เลยสักนิดว่าคำพูดของเธอทำผมใจเต้นโครมคราม
อ่อ....ครับ ได้สิครับ...แล้วคุณกานต์ล่ะครับ
เขาออกไปแต่เช้ามืดแล้วล่ะค่ะ จึงต้องรบกวนคุณหน่อย
ผมเดินอ้อมไปเข้าบ้านเธอ ตามเธอขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน ซึ่งดูแล้วก็พบว่าตู้เตียงข้าวของอะไรๆก็เข้าที่ดีอยู่แล้ว มองไม่เห็นอันใดที่จะต้องเคลื่อนย้ายเลยสักนิด
ไหนครับ ให้ผมยกอะไรครับ ผมยืนเด๋อด๋าอยู่กลางห้องนอนก่อนหันไปถามเธอ
ปานดาวกำลังปิดประตูห้องอย่างช้าๆลงกลอนและกดที่ลูกบิดแล้วหันมองมาที่ผม เธอไม่เอ่ยคำใดได้แต่ยืนพิงประตูมองผมอยู่อย่างนั้น ผมไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ บัดนี้เมื่อเห็นท่าทีของเธอ หัวใจที่เคยสงบกลับเต้นสูบฉีดอย่างเต็มกำลังจนรู้สึกได้ถึงโลหิตที่พลุ่งพล่านไปทั่วกาย
ยิ่งไปกว่านั้นความร้อนรุ่มที่ปะทุขึ้นมากลับเพิ่มทวีคูณ เพราะขณะนี้ปานดาวกำลังปลดกระดุมชุดนอนที่บางเบาของเธอออกทีละเม็ด ทีละเม็ดอย่างแช่มช้า ผมรู้ทันทีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
......โปรดติดตามตอนต่อไป......
แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 50 16:37:24
แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 50 13:00:04
แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 50 12:40:55
จากคุณ :
JADAKISS
- [
8 มิ.ย. 50 12:37:10
]